NGC 474
ภาพใหม่จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล
จับภาพพื้นที่ใจกลางของกาแลคซีทรงรีขนาดยักษ์ NGC 474 ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 1 ร้อยล้านปีแสง NGC 474 มีความกว้างราว 250,000 ปีแสง หรือใหญ่กว่าทางช้างเผือกของเรา 2.5
เท่า
พร้อมกับขนาดที่มหึมาของมัน NGC 474 ยังมีเปลือกหลายชั้นซ้อนกัน รอบๆ แกนกลางทรงกลม
ยังคงไม่ทราบที่มาของเปลือกเหล่านั้น
แต่นักดาราศาสตร์ตั้งทฤษฎีว่าอาจจะเป็นผลที่เกิดหลังจากที่กาแลคซียักษ์แห่งนี้
ได้กลืนกาแลคซีขนาดเล็กกว่าเข้าไปหนึ่งหรือหลายแห่ง กาแลคซีที่ถูกกลืนจะสร้างคลื่นที่ก่อตัวเป็นเปลือกเหล่านั้นเช่นเดียวกับที่ก้อนกรวดสร้างระลอกบนผิวน้ำเมื่อมันจมลงไป
มีกาแลคซีทรงรีราว 10% ที่มีโครงสร้างเปลือก แต่ NGC 474 ก็ไม่เหมือนกับทรงรีส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ภายในกระจุกกาแลคซี(galaxy
cluster) ทรงรีมีเปลือกมักจะอยู่ในห้วงอวกาศที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว
บางทีพวกมันอาจจะกลืนเพื่อนบ้านไปหมดแล้ว
กาแลคซีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงเวลาอันยาวนาน
เมื่อกว่า 13 พันล้านปีก่อน
กาแลคซีแห่งแรกๆ ยังเป็นเพียงก้อนสสารชิ้นเล็กๆ
พวกมันจะเกาะกลุ่มสร้างเป็นโครงสร้างที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระบวนการการควบรวม(merging)
และการกลืนกิน(cannibalization)
ยังคงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งส่งผลต่อรูปลักษณ์ของกาแลคซี
กาแลคซีทางช้างเผือกของเราก็กำลังกลืนกินกาแลคซีแคระคนยิงธนู(Sagittarius
Dwarf Galaxy) และมันยังเคยควบรวมหรือกลืนกินกาแลคซีขนาดเล็กอื่นๆ
ระหว่าง 5 ถึง 11 แห่งตลอดความเป็นมาของกาแลคซี
นักดาราศาสตร์ทราบแล้วว่าทางช้างเผือกยังคงอยู่บนเส้นทางการควบรวมกาแลคซีด้วย
ในอีก 4.5 ถึง 5 พันล้านปีต่อจากนี้
มันจะเริ่มควบรวมกับอันโดรเมดา(Andromeda galaxy; M31) กาแลคซีเพื่อนบ้าน แน่นอนว่า M31 จะค่อยๆ ขยับมาใกล้เรามากขึ้นเรื่อยๆ
ในระหว่างนี้ และยังยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เมื่อกาแลคซีไทรแองกูลัม(Triangulum
galaxy; M33) เองก็อาจมีส่วนร่วมด้วย
NGC 474 น่าจะมีสภาพคล้ายกับสิ่งที่คาดไว้ถ้าทางช้างเผือกและอันโดรเมดาควบรวมกันแล้ว
มันจะไม่ใช่กาแลคซีกังหันแสนสวยงามอีกต่อไป
แต่ปฏิสัมพันธ์แรงโน้มถ่วงจะสร้างกาแลคซีทรงรีที่แทบจะไร้รายละเอียดใดๆ ขึ้นมาแทน
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อกาแลคซีทั้งสองเข้าใกล้กันและกัน
แรงโน้มถ่วงที่รุนแรงจะเริ่มรบกวนรูปร่างของอีกฝั่ง
ดึงกระแสธารก๊าซและฝุ่นออกจากแต่ละกาแลคซี หรืออาจจะกระทั่งเปลือกวัสดุสารในใจกลาง
อย่างที่พบใน NGC 474 นอกเหนือจากกิจกรรมทั้งหมดที่กล่าวข้างต้น
ยังมีดอกไม้ไฟฉลองการควบรวม เป็น ปมที่สร้างดาวอย่างคึกคัก(starburst
knots) กิจกรรมนั้นจะผลักเมฆฝุ่นและก๊าซเข้าหากัน
ซึ่งสุดท้ายจะสร้างกลุ่มของดาวฤกษ์ร้อนอายุน้อยขึ้นมา
กิจกรรมจะเกิดขึ้นนานตราบเท่าที่มีวัสดุสารเพียงพอสำหรับแหล่งอนุบาลก่อตัวดาวเหล่านี้
แต่สุดท้าย การสร้างดาวอย่างคึกคักก็จะชะลอและหยุดลง
กาแลคซีใหม่ที่ได้จะมีรูปร่างทรงรีที่ดูค่อนข้างน่าเบื่อ
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ NGC 474 และน่าจะเป็นชะตากรรมของ Milkdromeda คือ เป็นกาแลคซีทรงรีที่(อาจจะ) ไร้รายละเอียดใดๆ จากที่ทั้งสองเคยเป็นกาแลคซีกังหันสวยงาม
ยังมีอีกทฤษฎีเกี่ยวกับ NGC 474 คือ
เป็นไปได้ที่มันกำลังดึงก๊าซออกจากกาแลคซีข้างเคียง NGC 470 อีกแนวคิดยังบอกว่าเปลือกอาจจะเกิดขึ้นจากการชนกับกาแลคซีที่อุดมด้วยก๊าซอย่างมากแห่งหนึ่ง
ซึ่งไม่เพียงแค่ชนหนเดียว แต่ยังมีครั้งที่สองซึ่งนำไปสู่การควบรวมในที่สุด
เปลือกเป็นซากของกาแลคซีที่เข้ามาควบรวมเมื่อนานมาแล้ว
ภาพนี้ถ่ายโดยใช้ข้อมูลจากกล้องเพื่อการสำรวจชั้นสูง(Advanced
Camera for Surveys) ของกล้องฮับเบิล
พร้อมกับข้อมูลที่เติมเต็มในช่องว่างโดย WFPC2(Wide Field and Planetary
Camera 2) และกล้องมุมกว้าง
3(Wide Field Camera 3) สีฟ้าแสดงถึงแสงสีฟ้าในช่วงตาเห็น
ในขณะที่สีส้มแสดงถึงแสงอินฟราเรด
แหล่งข่าว spaceref.com
: Hubble peers through giant elliptical galaxy NGC 474’s layers
sciencealert.com : Hubble peers through the mysterious shells of
this gigantic elliptical galaxy
space.com : Hubble
telescope spots enormous elliptical galaxy surrounded by mysterious shells
No comments:
Post a Comment