การศึกษาใหม่บอกว่ากาแลคซีทางช้างเผือกของเราไม่ได้ผสมจนเป็นเนื้อเดียวกันอย่างที่นักวิทยาศาสตร์เคยสันนิษฐานไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานวิจัยใหม่ได้เน้นไปที่การกระจายของโลหะ(metals; นักดาราศาสตร์ใช้เรียกธาตุที่นอกเหนือจากไฮโดรเจนและฮีเลียม) แม้ว่าธาตุเหล่านี้จะเป็นก๊าซก็ตาม
ในงานศึกษาใหม่
นักวิทยาศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลและกล้องโทรทรรศน์ใหญ่มาก(VLT)
ในชิลี
เพื่อทำแผนที่โลหะในฝุ่นทั่วทางช้างเผือก
ด้วยความหวังที่จะพัฒนาแบบจำลองเพื่ออธิบายประวัติความเป็นมาของทางช้างเผือก
กาแลคซีทางช้างเผือกของเราซึ่งเป็นกาแลคซีกังหันขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ธรรมชาติที่หมุนวนของมันได้ให้ความรู้สึกว่าจะมีการกวนผสมได้เป็นอย่างดีเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง
แต่กลับเป็นว่าตัวการในอวกาศระหว่างดวงดาว(interstellar medium) ซึ่งเป็นก๊าซที่พบระหว่างดาวแต่ละดวงนั้นมีลักษณะที่เป็นเนื้อเดียวกัน(homogenous)
น้อยกว่าที่นักดาราศาสตร์เคยคิดไว้
Annalisa De Cia นักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเจนีวา
สวิตเซอร์แลนด์ และผู้เขียนนำงานวิจัยใหม่ กล่าวในแถลงการณ์ว่า
ตั้งแต่ต้นมาเมื่อทางช้างเผือกเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อกว่า 1 หมื่นล้านปีก่อน มันก็ไม่มีโลหะอยู่เลย
ดาวฤกษ์ก็ค่อยๆ เติมโลหะที่พวกมันผลิตขึ้นให้กับสภาพแวดล้อม
การเติมโลหะนี้เกิดขึ้นเนื่องจาก ลึกลงไปในแกนกลางของดาวฤกษ์
อะตอมจะชนเข้าด้วยกันค่อยๆ ก่อตัวเป็นสสารที่หนักขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งได้เหล็กออกมา แต่ก็ไม่ใช่ว่าดาวทุกดวงจะระเบิดเมื่อพวกมันหมดเชื้อเพลิงสำหรับกระบวนการนี้
แต่ดาวที่ระเบิดจะสาดโลหะทั้งหมดเหล่านี้ออกสู่สภาพแวดล้อมละแวกข้างเคียงของพวกมัน
ซึ่งในทางทฤษฎีนี้ โลหะก็อาจผสมเข้ากับทางช้างเผือกส่วนที่เหลือ
ในแบบจำลองทางวิทยาศาสตร์ได้สันนิษฐานว่ากระบวนการผสมนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
แต่การสำรวจใหม่ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ฝุ่นใกล้ๆ ดาวฤกษ์สว่างที่แตกต่างกัน 25 ดวง ได้บอกว่าอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น
และกลับเป็นว่าในละแวกท้องถิ่นจำเพาะเหล่านั้นมีระดับโลหะที่แตกต่างกันไป
สำหรับพื้นที่รอบๆ
ดวงอาทิตย์ของเราซึ่งสันนิษฐานว่าจะมีการเติมโลหะในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งเรียกว่า
ความเป็นโลหะของดวงอาทิตย์(solar metallicity) การสำรวจได้แสดงว่าในส่วนอื่นๆ
มีความเป็นโลหะเพียงหนึ่งในสิบของที่เราพบในดวงอาทิตย์เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้
นักวิทยาศาสตร์อาจจะต้องกลับไปประเมินความเข้าใจความเป็นมาของทางช้างเผือกเสียใหม่
การค้นพบนี้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบแบบจำลองทางทฤษฎีเกี่ยวกับการก่อตัวและวิวัฒนาการกาแลคซี
Jens-Kristian Krogager จากมหาวิทยาลัยเจนีวา
เช่นกัน กล่าวเสริม จากงานนี้
เราน่าจะต้องปรับแต่งแบบจำลองเสมือนจริงโดยการเพิ่มความละเอียด
เพื่อที่เราจะรวมการเปลี่ยนแปลงความเป็นโลหะในตำแหน่งที่แตกต่างกันในทางช้างเผือก
งานวิจัยเผยแพร่เป็นรายงานในวารสาร Nature
iflscience.com : despite its swirly nature, the Milky Way is not well mixed at all
No comments:
Post a Comment