นักดาราศาสตร์ได้พบหลักฐานสำคัญว่าหลุมดำหรือดาวนิวตรอนที่หมุนวนเข้าสู่แกนกลางของดาวฤกษ์ข้างเคียง ทำให้ดาวข้างเคียงระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวาได้ เป็นแนวคิดที่เสนอเป็นครั้งแรกโดย Roger Chevalier จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียในปี 2012 ว่าวัตถุกะทัดรัดในระบบคู่กะทัดรัด(compact binary) น่าจะเป็นตัวการให้ดาวฤกษ์เพื่อนบ้านของมันระเบิดก่อนสุกงอม
นักดาราศาสตร์ต้องงงงันกับข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ VLASS(Very Large
Array Sky Survey) ซึ่งเป็นโครงการยาวหลายปีที่ใช้เครือข่ายกว้างมาก(Karl
G. Jansky Very Large Array) ของมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
Dillon Dong นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลจีแห่งคาลิฟอร์เนีย(Caltech)
และผู้เขียนนำรายงานการค้นพบในวารสาร
Science วันที่ 3
กันยายน กล่าวว่านักทฤษฎีได้ทำนายว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้น่าจะเกิดขึ้น
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นเหตุการณ์นี้จริงๆ
เงื่อนงำแรกมาจากนักวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบภาพจาก VLASS ซึ่งเริ่มการสำรวจในปี 2017 และพบวัตถุแห่งหนึ่งซึ่งเปล่งคลื่นวิทยุเจิดจ้ามาก
แต่กลับไม่ปรากฏในโครงการสำรวจ VLA ก่อนหน้านั้นที่เรียกว่า
FIRST(Faint Images of the Radio Sky at Twenty centimeters) พวกเขาทำการสำรวจติดตามผลวัตถุนี้ซึ่งได้ชื่อว่า VT
1210+4956 โดยใช้ VLA
และกล้องเคกในฮาวายซึ่งสำรวจในช่วงตาเห็นและอินฟราเรด
พวกเขาตรวจสอบว่าการเปล่งคลื่นวิทยุที่สว่างนี้มาจากชายขอบของกาแลคซีแคระที่กำลังก่อตัวดาวแห่งหนึ่ง
ซึ่งอยู่ห่างออกไป 480 ล้านปีแสงจากโลก
ต่อมา พวกเขาก็พบว่า MAXI(Monitor of All Sky X-ray Image) เครื่องมือชิ้นหนึ่งบนสถานีอวกาศนานาชาติได้ตรวจจับการปะทุรังสีเอกซ์จากวัตถุนี้ได้ในปี
2014
ข้อมูลจากการสำรวจทั้งหมดเหล่านี้ช่วยให้นักดาราศาสตร์ได้ปะติดปะต่อความเป็นมาอันน่าอัศจรรย์ของการเต้นรำสู่ความตายที่ยาวนานนับร้อยปีระหว่างดาวฤกษ์มวลสูงสองดวง
เช่นเดียวกับดาวเกือบทั้งหมดที่มีมวลสูงกว่าดวงอาทิตย์อย่างมาก
ทั้งสองก่อตัวขึ้นมาเป็นระบบคู่ โคจรรอบกันและกันอย่างใกล้ชิด
หนึ่งในสองนั้นมีมวลสูงกว่าอีกดวง
และพัฒนาผ่านช่วงชีวิตที่สร้างพลังงานจากการหลอมนิวเคลียร์ฟิวชั่นปกติ
ได้เร็วกว่าและระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวา เหลือหลุมดำหรือดาวนิวตรอนทิ้งไว้
หลุมดำหรือดาวนิวตรอนนี้
มีวงโคจรที่เข้าใกล้ดาวข้างเคียงมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อราว 300 ปีก่อน
มันก็หลุดเข้าสู่ชั้นบรรยากาศดาวข้างเคียงเริ่มต้นการเต้นรำสู่ความตาย ณ จุดนี้
ปฏิสัมพันธ์เริ่มพ่นก๊าซออกจากดาวข้างเคียงออกสู่อวกาศ ก๊าซที่พ่นออกมา เหวี่ยงออกไปก่อตัวเป็นวงแหวนรูปร่างคล้ายโดนัทที่ขยายตัวออก
ซึ่งเรียกว่า ทอรัส(Torus) รอบๆ
คู่นี้ และสุดท้าย หลุมดำหรือดาวนิวตรอน ก็พุ่งเข้าสู่แกนกลางของดาวข้างเคียง
รบกวนนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่สร้างพลังงานซึ่งรักษาแกนกลางไม่ให้ยุบตัวลงภายใต้แรงโน้มถ่วง
เมื่อแกนกลางยุบลง มันก็ก่อตัวดิสก์วัสดุสารขึ้นมารอบผู้บุกรุกเป็นช่วงสั้นๆ และผลักไอพ่นวัสดุสารออกจากดิสก์
ด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง พุ่งถางทะลุดาวออกมา
ไอพ่นนี้เองที่สร้างรังสีเอกซ์ที่เครื่องมือ
MAXI บนสถานีอวกาศนานาชาติได้เห็น
และนี่ก็ยืนยันเวลาที่เกิดเหตุการณ์ในปี 2014 Dong กล่าว
การยุบตัวของแกนกลางดาวฤกษ์เป็นสาเหตุให้มันระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวา ตามหลังคู่หูไป
Dong กล่าวว่า
แน่นอนว่าดาวข้างเคียงจะต้องระเบิดในที่สุด แต่การควบรวมนี้เร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น
วัสดุสารที่ผลักออกมาในการระเบิดซุปเปอร์โนวาปี 2014 เคลื่อนที่เร็วกว่าวัสดุสารที่ถูกสาดออกมาก่อนหน้าโดยดาวข้างเคียง
และในช่วงเวลาที่ VLASS สำรวจวัตถุนี้
แรงระเบิดซุปเปอร์โนวากำลังชนเข้ากับวัสดุสารนั้น เกิดการกระแทก(shock) ที่ทรงพลังที่สร้างการเปล่งคลื่นวิทยุออกมาให้ VLA
ได้เห็นในปี 2017 Gregg Hallinan ศาสตราจารย์ด้านดาราศาสตร์จากคาลเทค กล่าวว่า
ชิ้นส่วนทั้งหมดของปริศนาสอดคล้องเข้ากันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์นี้
เศษซากจากดาวที่ระเบิดเมื่อนานมาแล้วพุ่งเข้าหาดาวข้างเคียง
เป็นสาเหตุให้มันระเบิดเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่มีการยืนยันการเกิดซุปเปอร์โนวาที่เหนี่ยวนำโดยการควบรวม
กุญแจสู่การค้นพบนี้ก็คือ VLASS
Hallinan กล่าว
ซึ่งถ่ายภาพทั่วท้องฟ้าในละติจูดที่ VLA ตั้งอยู่(ประมาณ
80%)
สามครั้งตลอดเจ็ดปี หนึ่งในเป้าหมายที่ทำการสำรวจ VLASS แบบนั้นก็เพื่อค้นพบวัตถุชั่วคราว(transient
objects; วัตถุที่ปรากฏขึ้นเป็นช่วงเวลาสั้นๆ)
เช่น
การระเบิดซุปเปอร์โนวาที่เปล่งสว่างในช่วงคลื่นวิทยุ อย่างไรก็ตาม
ซุปเปอร์โนวานี้ซึ่งเกิดจากการควบรวมก็เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจ ในบรรดาสิ่งที่เราคิดว่าจะได้พบด้วย
VLASS ซุปเปอร์โนวานี้ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้นเลย
เขากล่าว
เมื่อหอสังเกตการณ์รูบิน(Vera C.
Rubin Observatory) ซึ่งสำรวจทั่วท้องฟ้าจะพร้อมออนไลน์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
มันก็น่าจะช่วยแจกแจงคุณลักษณะของเหตุการณ์ที่พบได้ยากและไม่ปกติอย่างซุปเปอร์โนวาจากการควบรวมนี้
sciencealert.com : astronomers identify an entirely new type of supernova born in a violent star merger
iflscience.com : a black hole may have collided with a star creating a new type of supernova
skyandtelescope.com : new kind of supernova implodes stars before their time
No comments:
Post a Comment