ภาพดาวยักษ์แดงบีเทลจุสสองภาพ จะสังเกตเห็นภาพที่ถ่ายเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2020 บีเทลจุสมีความสว่างลดลง credit: Brian Ottum
เมื่อปีที่แล้ว นักดาราศาสตร์ต้องงงงันเมื่อดาวซุปเปอร์ยักษ์แดง(red
supergiant) บีเทลจุส(Betelgeuse)
ดาวสว่างในกลุ่มดาวนายพราน(Orion)
ได้มืดลงอย่างมาก
จากนั้นก็กลับมาสว่างเหมือนเดิม การมืดลงเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนานหลายสัปดาห์
กระทั่งมันหลุดจาก 20 อันดับดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้าไป
ขณะนี้ นักดาราศาสตร์ได้พบเห็นการมืดลงคล้ายๆ
กันเกิดขึ้นกับดาวปีศาจยักษ์ดวงหนึ่งในกลุ่มดาวสุนัขใหญ่(Canis Major) ที่อยู่ถัดไปอีกเล็กน้อย
VY Canis Majoris เป็นดาวไฮเปอร์ยักษ์(hypergiant) แดง ซึ่งหมายความว่า มันมีขนาดใหญ่กว่า,
มวลสูงกว่า และมีพฤติกรรมรุนแรงกว่าบีเทลจุส โดยพบกับการมืดลงที่ยาวนานกว่าและมืดกว่าอยู่นานหลายปี
การค้นพบใหม่จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลของนาซาได้บอกว่ากระบวนการคล้ายๆ
กันกับที่เกิดกับบีเทลจุส กำลังเกิดขึ้นกับไฮเปอร์ยักษ์ดวงนี้
แต่ด้วยระดับความแรงที่มากกว่า
Roberta Humphreys นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยมินเนโซตา
มินนิอาโพลิส ผู้นำการศึกษา อธิบายว่า VY Canis Majoris กำลังมีพฤติกรรมเหมือนกับบีเทลจุสในแบบจัดหนักกว่าหลายเท่า
เช่นเดียวกับบีเทลจุส
ข้อมูลจากกล้องฮับเบิลได้ให้คำตอบว่าเพราะเหตุใดดาวใหญ่ดวงนี้จึงกำลังมืดลง
สำหรับบีเทลจุส การมืดลงเกิดขึ้นจากการแปรความสว่างอย่างสม่ำเสมอกับ การปล่อยกระแสก๊าซที่ไหลออกมาช่วงหนึ่งซึ่งอาจจะก่อตัวฝุ่นขึ้นมา
ซึ่งจะกั้นแสงบางส่วนของบีเทลจุสไว้จากมุมมองของเราเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
ทำให้มันดูมืดลง
ในกรณี VY Canis Majoris เราได้เห็นสิ่งที่คล้ายกัน
แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่า มีการผลักมวลสารขนาดใหญ่ซึ่งทำให้ดาวมืดลงอย่างมาก
ซึ่งอาจจะเนื่องจากกลายเป็นฝุ่นที่กั้นแสงจากดาวไว้ชั่วคราว Humphreys กล่าว ไฮเปอร์ยักษ์แดงดวงนี้มีความสว่างมากกว่าดวงอาทิตย์
3 แสนเท่า
ถ้านำมันมาวางไว้แทนดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะของเรา
ปีศาจที่บวมพองดวงนี้จะแผ่ได้ไกลหลายร้อยล้านกิโลเมตร
ไปจนถึงระหว่างวงโคจรดาวพฤหัสฯ และดาวเสาร์ ดวงดวงนี้น่าทึ่งอย่างแท้จริง
มันเป็นหนึ่งในดาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยพบมา
เป็นซุปเปอร์ยักษ์แดงที่พัฒนาตัว(evolved) ไปไกลมาก
มันเคยเกิดการปะทุมวลสารครั้งใหญ่หลายต่อหลายครั้ง Humphreys อธิบาย
มีวงพลาสมาก๊าซขนาดใหญ่หลายวงล้อมรอบดาวนี้
ที่ระยะทางไกลกว่าระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์หลายพันเท่า วงพลาสมาเหล่านี้ดูคล้ายกับพวยก๊าซจากดวงอาทิตย์(prominences)
เพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่าอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังไม่มีความเชื่อมโยงทางกายภาพกับดาวฤกษ์
แต่กลับเป็นเหมือนถูกสาดออกมาและกำลังเคลื่อนที่ออกห่างเท่านั้น โครงสร้างอื่นๆ
ที่พบอยู่ใกล้ดาวฤกษ์บางส่วนก็ยังคงค่อนข้างกระจุกตัว
ดูคล้ายกับรายละเอียดปมและเนบิวลาขนาดเล็ก
ในการศึกษาของฮับเบิลก่อนหน้านี้ Humphreys
และทีมสามารถตรวจสอบได้ว่าโครงสร้างขนาดใหญ่เหล่านี้ถูกผลักออกจากดาวเมื่อใด
พวกเขาพบเวลาที่ย้อนกลับไปได้หลายร้อยปี
บางส่วนก็เพิ่งเกิดเมื่อไม่นานมานี้หนึ่งหรือสองร้อยปีเท่านั้น
ขณะนี้ ในงานศึกษาใหม่ด้วยฮับเบิล
นักวิจัยได้เห็นรายละเอียดที่อยู่ใกล้ดาวอย่างมากจนอาจจะมีอายุไม่ถึงสิบปี
ด้วยการใช้กล้องฮับเบิลเพื่อตรวจสอบความเร็วและการเคลื่อนที่ของปมก๊าซร้อนและรายละเอียดอื่นๆ
อย่างใกล้ชิด Humphreys และทีมของเธอก็สามารถระบุเวลาที่การปะทุเหล่านี้เกิดขึ้นได้เที่ยงตรงมากขึ้น
สิ่งที่พวกเขาพบนั้นน่าประทับใจ ปมก๊าซร้อนหลายๆ
แห่งมีความเชื่อมโยงกับการปะทุหลายครั้งที่เกิดในศตวรรษที่ 19 และ 20 เมื่อ VY
Canis Majoris มืดลงถึงหนึ่งในหกของความสว่างปกติของมัน
แต่มันไม่เหมือนกับบีเทลจุส VY Canis
Majoris นั้นสลัวเกินกว่าจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ครั้งหนึ่งเคยมองเห็นดาวนี้ได้แต่ก็มืดมากๆ จนปัจจุบันต้องใช้กล้องดูดาวเท่านั้น
ไฮเปอร์ยักษ์ตนนี้ทิ้งมวลมากเป็น 100 เท่าของบีเทลจุส
มวลในปมก๊าซบางก้อนมีมวลมากกว่าสองเท่าของมวลดาวพฤหัสฯ แผ่ออกไปไกลหลายแสนล้านกิโลเมตร
มันน่าทึ่งที่ดาวทำแบบนี้ได้ Humphreys กล่าว
กำเนิดของการสูญเสียมวลอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่าของทั้ง VY Canis
Majoris และบีเทลจุส
นั้น อาจเป็นเพราะกิจกรรมขนาดใหญ่บนพื้นผิว เป็นเซลส์การพา(convective
cells) อย่างที่เห็นบนดวงอาทิตย์
แต่บนยักษ์ทั้งสอง เซลส์อาจจะมีขนาดใหญ่พอๆ กับดวงอาทิตย์หรือใหญ่กว่าเลยด้วยซ้ำ
นี่อาจเป็นเรื่องที่เกิดปกติกับซุปเปอร์ยักษ์แดง
มากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยคิดกันและ VY Canis Majoris ก็เป็นตัวอย่างที่สุดขั้ว Humphreys กล่าวต่อ มันอาจจะแม้แต่เป็นกลไกหลักที่ผลักดันการสูญเสียมวล
ซึ่งค่อนข้างจะเป็นปริศนาอย่างมากสำหรับดาวซุปเปอร์ยักษ์แดง
แม้ว่าซุปเปอร์ยักษ์แดงดวงอื่นๆ จะค่อนข้างสว่างและผลักฝุ่นจำนวนมาก
แต่ไม่มีดวงใดเลยที่มีความซับซ้อนเหมือนกับ VY Canis Majoris
แล้วมันมีความพิเศษอย่างไร VY Canis
Majoris อาจจะอยู่ในสถานะวิวัฒนาการที่เป็นอัตลักษณ์ที่แบ่งแยกมันออกจากดาว(ซุปเปอร์ยักษ์แดง)
อื่นๆ มันอาจจะมีกิจกรรม(การผลักมวล) ที่สูงแบบนี้ในช่วงเวลาที่สั้นมากๆ
อาจจะแค่ไม่กี่ร้อยปี เราจึงไม่ได้เห็นสิ่งเช่นนี้บ่อยนัก Humphreys กล่าว
ดาวฤกษ์ดวงนี้เริ่มชีวิตโดยเป็นดาวซุปเปอร์ยักษ์สีฟ้าสว่างที่ร้อนจัด
ซึ่งอาจมีมวลเริ่มต้นถึง 35 ถึง 40
เท่ามวลดวงอาทิตย์
หลังจากเวลาผ่านไปไม่กี่ล้านปี เมื่ออัตราการหลอมไฮโดรเจนในแกนกลางเปลี่ยนแปลง
ดาวก็พองบวมออกกลายเป็นซุปเปอร์ยักษ์แดง Humphreys สงสัยว่าดาวอาจจะเปลี่ยนกลับเป็นสถานะที่ร้อนขึ้นในเวลาสั้นๆ
และจากนั้นก็พองอีกครั้งมาเป็นซุปเปอร์ยักษ์แดง
บางที สิ่งที่ทำให้ VY Canis Majoris
มีความพิเศษมาก, มีความสุดขั้วมาก
ด้วยวัสดุสารที่ผลักออกมาอย่างซับซ้อนมากนี้
อาจจะเป็นเพราะมันเป็นซุปเปอร์ยักษ์แดงขั้นสอง VY Canis Majoris อาจจะทิ้งมวลออกมาแล้วถึงครึ่งหนึ่งของมวลเดิม
ซึ่งแทนที่จะระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวา มันอาจจะแค่ยุบตัวลงโดยตรงกลายเป็นหลุมดำ
การค้นพบของทีมเผยแพร่ใน Astronomical Journal ฉบับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2021
แหล่งข่าว hubblesite.org
: Hubble solves mystery of monster star’s dimming
spacetelescope.org :
Hubble solves mystery of monster star’s dimming
iflscience.com : mystery
of dimming hypergiant star dubbed “Betelgeuse
on steroids” solved
No comments:
Post a Comment