ภาพจากศิลปินแสดงดาวเคราะห์หินขนาดพอๆ
กับโลก GJ 1132b ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ
40 ปีแสงที่พบรอบดาวฤกษ์แคระแดงดวงหนึ่ง
นักวิทยาศาสตร์ใช้กล้องฮับเบิลได้พบหลักฐานว่าดาวเคราะห์นี้อาจจะสูญเสียชั้นบรรยากาศดั่งเดิมของมันไปแต่ได้ชั้นบรรยากาศที่สองซึ่งประกอบด้วยสารพิษอย่างมีเธน,
ไฮโดรเจนไซยาไนด์และก๊าซไฮโดรเจน
ฮับเบิลได้พบร่องรอยก๊าซเหล่านี้ในแสงของดาวฤกษ์แม่ที่ถูกกรองผ่านชั้นบรรยากาศดาวเคราะห์
ดาวเคราะห์อยู่ห่างไกลเกินและมืดเกินกว่าฮับเบิลจะถ่ายภาพได้
นักดาราศาสตร์เชื่อว่าภายใต้ชั้นบรรยากาศหมอกควันของดาวเคราะห์ อาจจะมีเปลือกบางๆ
ที่หนาเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ลาวาเหลวใต้พื้นผิวเอ่อขึ้นมาตามรอยแตกอย่างต่อเนื่อง
ก๊าซเองก็พุ่งผ่านรอยแตกเหล่านี้ซึ่งเติมชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งน่าจะถูกเป่าจนระเหยหายไปเนื่องจากวงโคจรในระยะประชิดของดาวเคราะห์รอบดาวฤกษ์
แรงโน้มถ่วงจากดาวเคราะห์อื่นในระบบน่าจะทำให้พื้นผิว GJ 1132b แตกคล้ายกับเปลือกไข่ร้าว
นี่เป็นครั้งแรกที่มีการตรวจจับสิ่งที่เรียกว่า ชั้นบรรยากาศทุติยภูมิ(secondary
atmosphere) บนดาวเคราะห์อื่นนอกระบบสุริยะ
นักดาราศาสตร์ที่ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลได้พบหลักฐานกิจกรรมภูเขาไฟที่ปรับเปลี่ยนชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์หินดวงหนึ่งรอบดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ๆ
ดาวเคราะห์ GJ 1132b มีความหนาแน่น, ขนาดและอายุใกล้เคียงกับโลก มันโคจรรอบดาวฤกษ์แคระแดงซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง
40 ปีแสงจากโลกในกลุ่มดาวใบเรือ(Vela)
ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกพบครั้งแรกโดยทีมที่นำโดยฮาร์วาร์ดในปี
2015 โดยใช้เครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินขนาดเล็กเพื่อมองหาการผ่านหน้า(transit)
ในระหว่างการผ่านหน้า
นักดาราศาสตร์ก็ยังได้ศึกษาชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์โดยการสำรวจว่าชั้นบรรยากาศดูดกลืนแสงจากดาวฤกษ์แม่ในความยาวคลื่นใดไว้บ้าง
ด้วยการใช้วิธีการนี้ ในปี 2017 ทีมยุโรปได้รายงานชั้นบรรยากาศที่อุดมด้วยน้ำ
อย่างไรก็ตาม การสำรวจติดตามผลโดยผู้ค้นพบดาวเคราะห์นี้ได้ตั้งคำถาม
ทีมแย้งว่าข้อมูลของพวกเขาสอดคล้องกับการไม่มีชั้นบรรยากาศอยู่เลย
และสภาพนี้ยังสอดคล้องกับทฤษฎีซึ่งทำนายว่าพิภพหินที่อยู่ใกล้ดาวฤกษ์แม่อย่างมาก
จะไม่สามารถรักษาชั้นบรรยากาศดั่งเดิมของมันไว้ได้
ดาวเคราะห์ GJ 1132b ดูเหมือนจะเริ่มต้นชีวิตโดยเป็นพิภพก๊าซที่มีชั้นบรรยากาศห่อหนาทึบ
โดยมีขนาดหลายเท่ารัศมีโลก เป็นสิ่งที่เรียกว่า กึ่งเนปจูน(sub-Neptune) ก็สูญเสียชั้นบรรยากาศดั่งเดิมที่เป็นไฮโดรเจนและฮีเลียมอย่างรวดเร็วซึ่งถูกฉีกออกโดยการแผ่รังสีที่รุนแรงจากดาวฤกษ์แม่อายุน้อย
ในเวลาสั้นๆ มันก็เหลือแค่แกนกลางเปล่าเปลือยที่มีขนาดพอๆ กับโลก
แล้วนักดาราศาสตร์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อการสำรวจใหม่จากกล้องฮับเบิลได้พบชั้นบรรยากาศที่สองหรือชั้นบรรยากาศทุติยภูมิ ซึ่งมาแทนที่ชั้นบรรยากาศปฐมภูมิของดาวเคราะห์ มันอุดมไปด้วยไฮโดรเจน, ไฮโดรเจนไซยาไนด์(มากถึง 0.5% ในชั้นบรรยากาศ), มีเธนและอัมโมเนีย และยังมีชั้นหมอกแอโรซอล(aerosol haze) ซึ่งน่าจะเกิดจากการสังเคราะห์สารเคมีด้วยแสงโดยมีไฮโดรคาร์บอนเป็นสารตั้งต้นด้วย นักดาราศาสตร์ตั้งทฤษฎีว่าไฮโดรเจนจากชั้นบรรยากาศเดิมถูกดูดกลืนเข้าสู่ชั้นหินหลอมเหลว(magma) ของดาวเคราะห์ และขณะนี้ก็ถูกปล่อยออกมาอย่างช้าๆ โดยกิจกรรมภูเขาไฟสร้างชั้นบรรยากาศใหม่ขึ้นมา ชั้นบรรยากาศที่สองนี้ก็ยังคงหลุดรั่วออกสู่อวกาศ ก็จะถูกเติมอย่างต่อเนื่องจากแหล่งของไฮโดรเจนในชั้นหินหลอมเหลว การศึกษาใหม่เผยแพร่ใน Astronomical Journal และโพสออนไลน์วันที่ 10 มีนาคมในเวบ arXiv
Paul Rimmer สมาชิกทีมจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร
อธิบายว่า ชั้นบรรยากาศที่สองมาจากพื้นผิวและภายในของดาวเคราะห์
และมันจึงเป็นหน้าต่างสู่ธรณีวิทยาของพิภพอื่น ยังต้องทำอะไรอีกมากเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากหน้าต่างนี้ได้
แต่การค้นพบหน้าต่างนี้ก็มีความสำคัญที่สุดแล้ว Raissa Estrela สมาชิกทีมจากห้องทดลองไอพ่นขับดัน(JPL) ที่สถาบันเทคโนโลจีแห่งคาลิฟอร์เนีย(Caltech)
กล่าวว่า
ตอนแรกเราคิดว่าดาวเคราะห์ที่เปล่งรังสีรุนแรงนี้คงน่าจะน่าเบื่ออยู่เพราะเราเชื่อว่ามันสูญเสียชั้นบรรยากาศไป
แต่เราพิจารณาการสำรวจดาวเคราะห์ที่มีอยู่แล้วจากฮับเบิลและตระหนักว่ามีชั้นบรรยากาศอยู่ที่นั้น
Mark Swain ผู้นำทีมจาก JPL กล่าวว่า
มีดาวเคราะห์หินมากแค่ไหนที่ไม่ได้เริ่มต้นโดยเป็นดาวเคราะห์หิน บางส่วนก็เริ่มโดยเป็นกึ่งเนปจูน
และพวกมันก็กลายเป็นหินผ่านกลไกที่แสง(ดาวฤกษ์) ระเหยชั้นบรรยากาศดั่งเดิมไป
กระบวนการนี้เกิดขึ้นในช่วงต้นของชีวิตดาวเคราะห์เมื่อดาวฤกษ์ร้อนกว่านี้
จากนั้นดาวฤกษ์ก็เย็นลงและจากนั้นทุกอย่างก็ลงตัว
และถ้าคุณสร้างชั้นบรรยากาศขึ้นมาใหม่ บางทีก็อาจจะรักษาไว้ได้
จากสิ่งที่เราทราบจากในระบบสุริยะของเราเอง
การสร้างชั้นบรรยากาศขึ้นใหม่ทั้งหมดบนดาวเคราะห์หินไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ
ชั้นบรรยากาศของโลกก็ถูกสร้างใหม่ทั้งหมดสองครั้ง
ครั้งแรกโดยกิจกรรมภูเขาไฟและการชนของอุกกาบาต(ในการระดมชนอย่างหนัก; heavy
bombardment) และจากนั้น
ก็โดยการถือกำเนิดของสิ่งมีชีวิตบนโลก
ดาวอังคารเองก็อยู่กับชั้นบรรยากาศที่สองหรือที่สามของมัน
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการรายงานชั้นบรรยากาศทุติยภูมิบนดาวเคราะห์นอกระบบดวงหนึ่ง
GJ 1132b มีความเหมือนกับโลกในหลายๆ ทาง
แต่ในบางแง่ก็ยังแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งสองมีความหนาแน่นเท่ากัน, ขนาดเท่ากัน
และอายุเท่าๆ กัน โดยประมาณ 4.5 พันล้านปี
ทั้งคู่เริ่มต้นด้วยชั้นบรรยากาศที่อุดมไปด้วยไฮโดรเจน
และทั้งคู่ก็ร้อนก่อนที่จะเย็นลง งานของทีมยังบอกกระทั่งว่า GJ 1132b และโลกมีแรงดันชั้นบรรยากาศที่พื้นผิวที่เท่ากันด้วย
อย่างไรก็ตาม
ประวัติการก่อตัวของดาวเคราะห์ทั้งคู่ก็แตกต่างกัน
เชื่อกันว่าโลกไม่ใช่แกนกลางที่เหลืออยู่ของดาวเคราะห์ชนิดกึ่งเนปจูน
และโลกโคจรในระยะทางที่แสนสบายจากดาวฤกษ์แม่แคระเหลืองของเรา GJ 1132b นั้นโคจรใกล้ดาวฤกษ์แม่แคระแดงของมันอย่างมากจนโคจรครบรอบในเวลาเพียง
1.5 วันเท่านั้น
ความใกล้จนประชิดทำให้ GJ 1132b ถูกล๊อคไว้(tidal lock) จนหันด้านเดียวด้านเดิมเข้าหาดาวฤกษ์อยู่ตลอดเวลา
เหมือนกับดวงจันทร์ของเราที่หันด้านใกล้เข้าหาโลกตลอดเวลา
คำถามก็คือ อะไรทำให้ชั้นหินหลอมเหลวร้อนมากพอที่จะยังคงเป็นของเหลวอยู่และสร้างกิจกรรมภูเขาไฟอยู่ได้
Swain ถาม
ระบบแห่งนี้มีความพิเศษเนื่องจากมันมีโอกาสที่จะเกิดการเสียดสีจนร้อนขึ้นด้วยแรงโน้มถ่วง(tidal
heating) ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นผ่านการเสียดสี
เมื่อพลังงานจากการโคจรและการหมุนรอบตัวของดาวเคราะห์ถูกกระจายเป็นความร้อนอยู่ภายในดาวเคราะห์
GJ 1132b มีวงโคจรที่รี
และแรงยืดฉีก(tidal force) ที่กระทำต่อมันก็รุนแรงที่สุดเมื่อมันเข้าใกล้ที่สุดหรือไกลที่สุดจากดาวฤกษ์แม่
อย่างน้อยก็มีดาวเคราะห์อีกดวงในระบบแห่งนี้ที่ยังส่งแรงโน้มถ่วงให้กับ GJ 1132b ด้วยเหตุนี้
ดาวเคราะห์จึงถูกบีบหรือยืดออกโดยแรงโน้มถ่วงที่แตกต่างกันในวงโคจร
กลไกนี้ทำให้ชั้นหินหลอมเหลวเป็นของเหลวอยู่ได้ยาวนาน ตัวอย่างใกล้ๆ
ในระบบสุริยะของเราเองก็คือที่ดวงจันทร์ดาวพฤหัสฯ ไอโอ(Io) ซึ่งมีกิจกรรมภูเขาไฟอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากสงครามแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวพฤหัสฯ
กับดวงจันทร์เพื่อนบ้านดวงอื่นๆ
ทีมเชื่อว่าเปลือกที่เย็นกว่าของ GJ
1132b จะบางมากๆ
บางทีอาจจะหนาเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น ซึ่งเปราะบางเกินกว่าจะค้ำจุนสิ่งอื่นๆ
ที่คล้ายกับภูเขาไฟตระหง่านได้ พื้นผิที่ราบเรียบของมันอาจจะเป็นรอยแตกร้าวไปทั่วเหมือนกับเปลือกไข่จากการยืดออกด้วยแรงโน้มถ่วง
ไฮโดรเจนและก๊าซอื่นๆ ก็น่าจะปล่อยออกมาจากรอยแตกลักษณะนี้ Swain อธิบายว่า ชั้นบรรยากาศนี้ถ้ามันเบาบางซึ่งก็หมายความว่าถ้ามันมีแรงดันพื้นผิวใกล้เคียงกับโลก
ก็อาจจะหมายความว่าคุณจะมองเห็นจรดถึงพื้นในช่วงความยาวคลื่นอินฟราเรด นี่หมายความว่าถ้านักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์เพื่อสำรวจดาวเคราะห์นี้
ก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะไม่เห็นสเปคตรัมของชั้นบรรยากาศ
แต่เป็นสเปคตรัมของพื้นผิวเลย
และถ้ามีแอ่งแมกมาหรือการเกิดปะทุภูเขาไฟเกิดขึ้นอยู่
พื้นที่เหล่านั้นก็จะร้อนกว่า ซึ่งจะสร้างการเปล่งคลื่นที่รุนแรงกว่า
ดังนั้นพวกเขาก็น่าจะได้เห็นกิจกรรมทางธรณีวิทยาของจริง ซึ่งก็น่าตื่นเต้น
ผลสรุปนี้มีความสำคัญเนื่องจากมันให้หนทางแก่นักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์นอกระบบที่จะระบุบางสิ่งเกี่ยวกับธรณีวิทยาของดาวเคราะห์จากชั้นบรรยากาศของมันได้
Rimmer กล่าวเสริม
มันยังมีความสำคัญต่อความเข้าใจว่าดาวเคราะห์หินในระบบของเราอย่าง ดาวพุธ, ศุกร์,
โลกและดาวอังคาร เป็นอย่างไรในดาวเคราะห์วิทยาเปรียบเทียบ
ในแง่ของการมีอยู่ของไฮโดรเจนเทียบกับออกซิเจนในชั้นบรรยากาศ
แม้จะมีนักวิจัยบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับหลักฐานการระบุชั้นบรรยากาศทุติยภูมิของดาวเคราะห์
แต่พวกเขาก็คิดว่าการใช้กล้องเจมส์เวบบ์ซึ่งมีกำหนดส่งในวันที่ 31 ตุลาคม 2021 จะมีความแม่นยำที่สูงกว่าและมีความไวในการสำรวจที่ดีกว่าเครื่องมือในปัจจุบัน
เพื่อแจกแจงคุณลักษณะชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์นอกระบบ
ซึ่งพิภพที่ไม่ปกติแห่งนี้แน่นอนว่าควรค่าแก่การตรวจสอบด้วยกล้องเจมส์เวบบ์
กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์ซึ่งประกอบแล้วเสร็จเตรียมออกสู่อวกาศในเดือนตุลาคมปีนี้ จะสามารถตรวจสอบชั้นบรรยากาศดาวเคราะห์นอกระบบด้วยพลังที่คาดไม่ถึง
แหล่งข่าว spacetelescope.org
: Hubble sees new atmosphere forming on a rocky exoplanet
astronomy.com : volcanoes
could have breathed new life into a super-Earth’s atmosphere
No comments:
Post a Comment