IceCube observatory ที่ขั้วโลกใต้ ในช่วงฤดูหนาว
ดาวดวงหนึ่งถูกฉีกทึ้งอย่างสมบูรณ์เมื่อมันผ่านเข้าใกล้หลุมดำแห่งหนึ่งมากเกินไป
ได้กลายเป็นของขวัญที่หาได้ยากในวงการวิทยาศาสตร์ เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจจับนิวตริโนพลังงานสูงที่ถูกยิงออกสู่อวกาศในเหตุการณ์รุนแรงลักษณะนี้
อนุภาคจิ๋วไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเข้าใกล้การระบุได้อย่างแม่นยำว่าอนุภาคที่ทรงพลังที่สุดในเอกภพนั้นเกิดขึ้นจากที่ไหน
แต่มันยังแสดงว่าเหตุการณ์การรบกวนโดยแรงโน้มถ่วงของหลุมดำสามารถเป็นเครื่องเร่งความเร็วอนุภาคในธรรมชาติได้ด้วย
Sjoert van Velzen นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยไลเดน
ในเนเธอร์แลนด์ส กล่าวว่า เราไม่ทราบกำเนิดของนิวตริโน(neutrino) พลังงานสูงในอวกาศ หลักๆ
ก็เพราะยากมากที่จะระบุตำแหน่งได้ ผลสรุปนี้น่าจะเป็นเพียงครั้งที่สองเท่านั้นที่มีการตามรอยนิวตริโนพลังงานสูงย้อนกลับไปถึงแหล่งกำเนิดของพวกมันได้
นิวตริโนเป็นสิ่งเล็กๆ ที่สร้างความพิศวง
มวลของพวกมันน้อยนิดจนแทบจะเป็นศูนย์ พวกมันเดินทางด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง
และพวกมันไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสสารปกติ สำหรับนิวตริโนแล้ว
เอกภพนั้นแทบจะเป็นนามธรรม ในความเป็นจริง
มีนิวตริโนหลายพันล้านอนุภาคกำลังวิ่งผ่านตัวคุณในตอนนี้
นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใดพวกมันจึงมีชื่อเล่นว่า ghost particle แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสสารปกติเลย
การพบเห็นการตายของดาวฤกษ์ดวงหนึ่งโดยหลุมดำเป็นเรื่องที่พบได้ค่อนข้างยาก
แต่เราก็ได้พบมันในปริมาณที่พอจะบอกได้คร่าวๆ ว่ากระบวนการนี้เกิดขึ้นอย่างไร
เมื่อดาวฤกษ์โชคร้ายดวงหนึ่งเข้าใกล้หลุมดำแห่งหนึ่งมากพอจนมันโดนดึงดูดด้วยแรงโน้มถ่วงของหลุมดำไว้
ผลจากสนามแรงโน้มถ่วงที่รุนแรง แรงโน้มถ่วงของหลุมดำที่ดึงด้านใกล้ของดาว
จะรุนแรงมากกว่าที่ด้านไกลของดาว ชักนำให้เกิดการยืดออก(stretching) ความแตกต่าง(ของแรงโน้มถ่วง) นี้เรียกว่า tidal
force สุดท้ายจะฉีกดาวออกเป็นกระแสธารก๊าซ
เป็นสิ่งที่เรียกว่า tidal disruption event(TDE) นั้นเอง
TDE เหตุการณ์นี้สร้างการลุกจ้าของแสงที่สว่างมาก
โดยครึ่งหนึ่งของเศษซากจากดาวที่ถูกทำลายหมุนวนไปรอบๆ หลุมดำ ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะถูกกลืนเข้าสู่ขอบฟ้าสังเกตการณ์(event
horizon) ส่วนเศษซากอีกครึ่งที่เหลือก็ถูกสาดออกสู่อวกาศ
และนั้นก็เป็นเพียงแต่การลุกจ้าที่ถูกสำรวจพบบนโลกในวันที่ 9 เมษายน 2019 โดย ZTF(Zwicky Transient Facility) กล้องหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่หอสังเกตการณ์พาโลมาร์ของคาลเทค
เหตุการณ์ซึ่งเรียกว่า AT2019dsg เกิดขึ้นจากหลุมดำมวลมหาศาล(supermassive
black hole) ที่มีมวล 30
ล้านเท่ามวลดวงอาทิตย์(หลุมดำของทางช้างเผือกมีมวลราว
4 ล้านเท่าดวงอาทิตย์)
จากกาแลคซีที่อยู่ไกลออกไปราว 700 ล้านปีแสง
การปะทุเกิดขึ้นในนิวเคลียสของกาแลคซีที่ค่อนข้างสว่างแห่งหนึ่ง
ซึ่งบอกได้ว่าดาวถูกทำลายโดยแรงโน้มถ่วงของหลุมดำ
ทีมค้นพบได้สำรวจติดตามผล TDE นี้ โดยตรวจสอบในหลายช่วงความยาวคลื่นและพบว่า มันลุกจ้าสว่างไสวในช่วงสเปคตรัมที่ตาเห็นได้และในช่วงรังสีเอกซ์โดยมีความสว่างสูงสุดในทั้งสองช่วงความยาวคลื่นเกิดในเดือนพฤษภาคม
และต่อมาก็ตรวจจับได้ในสเปคตรัมคลื่นวิทยุที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ ไปหลายเดือน
เมื่อมีนิวตริโนสักอนุภาคที่มีปฏิสัมพันธ์กับน้ำแข็ง
และสร้างแสงวาบขึ้น ให้ตรวจพบด้วยเครื่องตรวจจับที่ฝังอยู่ลึกภายใต้ความมืดมิดในน้ำแข็งของแอนตาร์กติกาของไอซ์คิวป์
แสงวาบเหล่านั้นก็เห็นได้ชัดเจน จากคุณลักษณะเช่น แสงเดินทางอย่างไร
และมันสว่างแค่ไหน
นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถคำนวณได้ว่านิวตริโนนี้มีพลังงานสูงแค่ไหน และทิศทางที่มันจากมา
ก่อนหน้านี้
นักวิทยาศาสตร์ตามรอยนิวตริโนพลังงานสูงจากนอกกาแลคซีเหตุการณ์หนึ่งย้อนกลับไปถึงบลาซาร์(blazar) แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป
4 พันล้านปีแสง
เมื่อนักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ IC191001A
พวกเขาก็พบว่ามีโอกาสเพียง 0.2%
เท่านั้นที่มันจะไม่เกี่ยวข้องกับ AT2019dsg
นี่เป็นนิวตริโนเหตุการณ์แรกที่เชื่อมโยงไปได้ถึงการรบกวนจากหลุมดำ
และมันก็ให้หลักฐานที่มีค่าแก่เรา Robert Stein จาก DESY กล่าว
การรบกวนของหลุมดำนี้ไม่เป็นที่เข้าใจอย่างถ่องแท้นัก
การตรวจจับนิวตริโนชี้ไปถึงการมีอยู่ของเครื่องยนต์ทรงพลังในใจกลางดิสก์สะสมมวลสาร(accretion
disc) ซึ่งยิงอนุภาคออกมาด้วยความเร็วสูง
และจากการวิเคราะห์รวมทั้งข้อมูลคลื่นวิทยุ, ช่วงตาเห็นและอุลตราไวโอเลต
ก็ช่วยให้เรามีหลักฐานเพิ่มเติมว่า
การรบกวนของหลุมดำทำหน้าที่เป็นเครื่องเร่งความเร็วอนุภาคขนาดยักษ์
รายงานฉบับที่สองกับการตรวจจับนิวตริโนนี้ซึ่งก็เผยแพร่ใน
Nature Astronomy ให้รายละเอียดแบบจำลองทางทฤษฎีเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
ก็คือ ไอพ่นสัมพัทธภาพที่เป็นก๊าซมีประจุ(หรือพลาสมา)
ที่ถูกยิงออกจากพื้นที่ขั้วของหลุมดำที่กำลังสะสมมวลสารอย่างกระตือรือร้น
สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรนั้นก็ยังคงไม่ชัดแจ้ง
แต่นักดาราศาสตร์คิดว่าวัสดุสารจากพื้นที่ส่วนในของดิสก์สะสมมวลสาร(แต่ก็ยังอยู่นอกขอบฟ้าสังเกตการณ์)
ถูกลำเลียงเข้ามาและยิงออกจากขั้วผ่านเส้นแรงสนามแม่เหล็กรอบๆ ภายนอกของหลุมดำนี้
แบบจำลองเสมือนจริงล่าสุดได้บอกว่า เมื่อสนามแม่เหล็กในไอพ่นเหล่านี้เริ่มบิดตัว
จะสร้างสนามไฟฟ้าที่สามารถเร่งความเร็วอนุภาคจนถึงระดับสัมพัทธภาพ(relativistic)
ใกล้เคียงกับความเร็วแสง
ไอพ่นเหล่านี้คงอยู่ได้หลายร้อยวัน เพื่อสร้างนิวตริโน
โปรตอนพลังงานสูงอนุภาคหนึ่งจะต้องชนกับโปรตอนอื่น หรือกับโฟตอน(photon) อุลตราไวโอเลต ถ้าอนุภาคถูกเร่งความเร็วในช่วงเวลาที่ยาวนาน
ก็มีโอกาสที่จะสร้างนิวตริโนในขั้นตอนสุดท้ายขึ้นมา ซึ่งช่วยอธิบายว่าเพราะเหตุใด
นิวตริโนจึงมาถึงโลก 6 เดือนภายหลังการตรวจจับแสงเริ่มแรกได้
เครื่องเร่งความเร็วอนุภาคในอวกาศสามารถสร้างอนุภาคได้หลายชนิด
นอกเหนือจากนิวตริโนและโฟตอน
อนุภาคเหล่านั้นมีประจุไฟฟ้าและจึงสะท้อนไปมาโดยสนามแม่เหล็กท่ามกลางกาแลคซีในระหว่างเดินทาง
มีเพียงนิวตริโนซึ่งเป็นกลางทางไฟฟ้าที่สามารถเดินทางด้วยเส้นทางตรงเหมือนกับโฟตอนแสงจากแหล่งมายังโลก
และจึงเป็นผู้นำสารที่มีประโยชน์จากระบบเหล่านั้นได้
กลไกหนึ่งที่เสนอการสร้างนิวตริโนบอกได้ว่า เศษซากวัสดุสารจากดาวที่ถูกหลุมดำฉีก ประมาณครึ่งหนึ่งถูกดึงเข้าสู่ดิสก์สะสมมวลสาร(accretion disk) และยิงไอพ่นอนุภาคออกมาด้วยความเร็วสูง ภายในไอพ่นก็มีสนามแม่เหล็กและอนุภาคอื่น ซึ่งจะสะท้อนไปมาจนอนุภาคมีความเร็วสูงมากในระดับเกือบเท่าแสง จนสร้างนิวตริโนได้ในที่สุด
นี่เป็นผลสรุปที่ยิ่งใหญ่
และเป็นผลสรุปที่แสดงให้เห็นอย่างงดงามว่าเราจะสามารถค้นพบอะไรได้บ้างเมื่อเรารวมหนทางต่างๆ
ที่พิจารณาอวกาศได้ เมื่อรวมการสำรวจได้แสดงถึงพลังในการสำรวจอวกาศผ่าน “ผู้นำสาร”
ที่แตกต่างกันเช่น โฟตอน และนิวตริโน กลายเป็นดาราศาสตร์ผู้นำสารหลายทาง(multi-messenger
astronomy) Marek Kowalski นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่
DESY และมหาวิทยาลัยอุมโบลท์ในเจอรมนี
กล่าว ถ้าไม่มีการตรวจจับ TDE นิวตริโนนี้ก็คงเป็นแค่หนึ่งในจำนวนมากมาย
และถ้าไม่มีนิวตริโน การสำรวจ TDE นี้ก็คงเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันอีกมากมาย
มีเพียงผ่านการรวมพลังนี้จะช่วยให้เราได้พบเครื่องเร่งความเร็วและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
เกี่ยวกับกระบวนการที่อยู่ภายในได้
เราอาจจะเพิ่งได้เห็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ในอนาคต
เราคาดว่าจะได้พบความเกี่ยวโยงที่มากขึ้นระหว่างนิวตริโนพลังงานสูงและแหล่งที่มาของพวกมัน
Francis Halzen ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน
เมดิสัน และผู้นำไอซ์คิวป์ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการศึกษานี้ กล่าว
มีกล้องโทรทรรศน์รุ่นใหม่ๆ ที่กำลังสร้างอยู่ซึ่งจะมีความไวต่อ TDEs และแหล่งนิวตริโนที่คาดการณ์ไว้อื่นๆ
เพิ่มขขึ้นอย่างมาก และที่น่าสนใจมากกว่าก็คือ แผนการขยายเครื่องตรวจจับไอซ์คิวป์
ซึ่งจะเพิ่มจำนวนเครื่องตรวจจับนิวตริโนอีกอย่างน้อย 10 เท่า TDE เหตุการณ์นี้เป็นเพียงครั้งที่สองซึ่งตามรอยนิวตริโนอวกาศพลังงานสูงย้อนกลับไปที่แหล่งของมันได้
ในปี 2018 โครงงานผู้นำสารหลายทางได้รายงานว่า
บลาซาร์ TXS 0506+056 เป็นแหล่งนิวตริโนพลังงานสูงแห่งแรกที่ได้พบ
ซึ่งก็บันทึกไว้ได้โดยไอซ์คิวป์ในปี 2017 รายงานสองฉบับเกี่ยวกับนิวตริโนเผยแพร่ใน
Nature Astronomy
แหล่งข่าว sciencealert.com
: for the first time, we’ve detected a “ghost
particle” coming
from a shredded star
skyandtelescope.com
: star-shredding black hole makes ghostlike particle
sciencedaily.com :
scientists link star-shredding event to origins of universe’s highest-energy
particles
phys.org : ghost
particle from shredded star reveals cosmic particle accelerator
No comments:
Post a Comment