การศึกษาใหม่รายงานว่า
ระบบสุริยะที่อยู่ใกล้ระบบของเรามากที่สุด
แท้จริงแล้วอาจจะมีดาวเคราะห์ที่เกื้อหนุนชีวิตได้ถึงสองดวง
ในปี 2016 นักวิทยาศาสตร์ได้พบพิภพขนาดพอๆ กับโลกโคจรรอบ
พรอกซิมา เซนทอไร(Proxima Centauri) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในระบบไตรดารา
อัลฟา เซนทอไร(Alpha Centauri system) ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ
4.37 ปีแสงจากโลก
ดาวเคราะห์ซึ่งเรียกกันว่า Proxima b โคจรอยู่ในเขตเอื้ออาศัยได้(habitable
zone) ซึ่งเป็นช่วงระยะทางจากดาวฤกษ์แม่ที่อาจจะมีน้ำของเหลวอยู่บนพื้นผิวดาวเคราะห์หินได้
หมายเหตุ รอบดาวฤกษ์นี้ยังพบดาวเคราะห์ดวงที่สอง Proxima c โคจรไกลออกมาเลยขอบนอกของเขตเอื้ออาศัยได้
เป็นที่โต้เถียงกันเกี่ยวกับความสามารถในการเอื้ออาศัยได้ที่แท้จริงของ Proxima
b อย่างไรก็ตาม
จากที่ดาวฤกษ์แม่ของมันเป็นดาวแคระแดง(red dwarf) ซึ่งแม้จะเป็นดาวฤกษ์ชนิดที่พบได้มากที่สุดในทางช้างเผือก
มีขนาดที่เล็กและมืด ดังนั้น เขตเอื้ออาศัยได้ของพวกมันจะต้องอยู่ใกล้อย่างมากๆ
จนในความเป็นจริง ดาวเคราะห์ที่อยู่ในเขตดังกล่าวน่าจะถูกแรงบีบฉีกล๊อค(tidal
lock) จนหันด้านเดียวด้านเดิมเข้าหาดาวฤกษ์แม่
เหมือนอย่างที่ดวงจันทร์หันด้านใกล้เข้าหาโลกอยู่เสมอ นอกจากนี้
ดาวแคระแดงยังเป็นดาวอารมณ์รุนแรงมีการลุกจ้าบ่อยครั้งโดยเฉพาะเมื่อยังอายุน้อย
ดังนั้นจึงไม่แน่ชัดว่าพิภพในเขตเอื้ออาศัยได้ของแคระแดงจะยืดจับชั้นบรรยากาศไว้ได้นานนัก
อย่างไรก็ตาม
ดาวฤกษ์อีกสองดวงในระบบไตรดาราแห่งนี้ มีลักษณะคล้ายกับดวงอาทิตย์
เป็นดาวฤกษ์คู่ที่เรียกว่า Alpha Centauri A และ B ซึ่งโคจรรอบกันและกัน
รอบจุดศูนย์กลางมวลร่วม และจากการวิจัยใหม่ที่เผยแพร่ออนไลน์วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ในวารสาร Nature
Communications บอกว่า A
เองยังมีดาวเคราะห์ในเขตเอื้ออาศัยได้ของมันเอง
การศึกษาได้นำเสนอผลสรุปจาก NEAR(Near Earths in the Alpha Cen Region) ซึ่งเป็นโครงการมูลค่า 3 ล้านดอลลาร์ที่นำโดยหอสังเกตการณ์ทางใต้ของยุโรป(ESO)
และ Breakthrough Watch ซึ่งเป็นโครงการที่ตามล่าหาพิภพที่คล้ายกับโลกรอบดาวฤกษ์ใกล้ๆ
NEAR ได้สำรวจหาดาวเคราะห์ในเขตเอื้ออาศัยได้ของ Alpha
Cen A และ B โดยใช้ VLT ในชิลี ทีม NEAR ได้อัพเกรด VLT ด้วยเทคโนโลจีใหม่มากมาย
ซึ่งรวมถึงโคโรนากราฟความร้อน(thermal coronagraph) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาให้กันแสงของดาวฤกษ์
และปล่อยให้พบสัญญาณความร้อนของดาวเคราะห์ในวงโคจร หลังจากวิเคราะห์ข้อมูล 100
ชั่วโมงที่รวบรวมได้จาก NEAR ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2019 นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ตรวจสอบร่องรอยความร้อนในเขตเอื้ออาศัยได้ของ
Alpha Cen A สัญญาณอาจจะเป็นพิภพขนาดพอๆ
กับเนปจูน ซึ่งโคจรที่ระยะทางระหว่าง 1 ถึง 2
เท่าระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์(astronomical
unit; AU)
แต่ดาวเคราะห์นั้นก็ยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด
ยังเป็นแค่เพียงว่าที่เท่านั้นในขณะนี้
เราต้องประหลาดใจที่ได้พบสัญญาณในข้อมูลของเรา ในขณะที่การตรวจสอบก็บรรลุถึงข้อแม้ทุกอย่างว่าดาวเคราะห์จะมีสภาพอย่างไร
แต่ก็ยังต้องหาทางกำจัดคำอธิบายทางเลือกอื่นๆ เช่น
ฝุ่นที่โคจรรอบดาวฤกษ์ภายในเขตเอื้ออาศัยได้
หรือเป็นแค่ความผิดพลาดของเครื่องมือจากแหล่งที่ไม่ทราบกำเนิด Kevin Wagner
ผู้เขียนนำการศึกษา
จากมหาวิทยาลัยอริโซนา กล่าวในแถลงการณ์
การวินิจฉัยอาจจะต้องใช้เวลาและต้องการการมีส่วนร่วมจากประชาคมวิทยาศาสตร์มากขึ้น
Wagner กล่าว
ส่วนผู้เขียนร่วมการศึกษา Pete Klupar บอกว่าเขาหวังว่าผลสรุปใหม่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดาราศาสตร์เพื่อศึกษาระบบอัลฟา
เซนทอไร ในรายละเอียดที่สูงยิ่งขึ้น ทั้งจากโครงงานสำรวจใหม่ๆ
และการตรวจคัดกรองข้อมูลในคลังอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ซึ่งอาจจะมีหลักฐานของว่าที่ดาวเคราะห์นอกระบบดวงนี้ เพิ่มขึ้นอีก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักดาราศาสตร์ได้พบดาวเคราะห์ในระบบอัลฟา
เซน มีดาวเคราะห์ที่ยืนยันแล้วหลายดวงในระบบนี้ และก็มีว่าที่ดาวเคราะห์อีกหลายดวงเช่นกัน
แต่ไม่ใช่ดวงใดเลยที่ถูกถ่ายภาพได้โดยตรงอย่างว่าที่ดาวเคราะห์ดวงใหม่ซึ่งระบุเป็นชื่อ
C1 ถ้า C1 ได้รับการตรวจสอบว่าเป็นดาวเคราะห์จริง ทีม Breakthrough
ก็จะประสบความสำเร็จกับเป้าหมายที่วางไว้
โดยเป็นกลุ่มแรกที่ตรวจจับดาวเคราะห์ที่คล้ายโลกได้จากการถ่ายภาพโดยตรง
และถ้าพิภพรอบ Alpha Centauri A มีอยู่จริง มันก็อาจจะไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
ในความคิดของผม สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดเกี่ยวกับมันก็คือ
เมื่อเราได้พบดาวเคราะห์สักดวงแล้ว เราก็มีแนวโน้มจะได้พบดวงอื่นๆ Klupar กล่าว อย่างไรก็ตาม แม้ถ้าดาวเคราะห์รอบ Alpha
Cen A เป็นเพียงภาพลวงตา
การทำงานของ NEAR ก็ไม่กระทบกระเทือน
ความสามารถใหม่ที่เราได้แสดงด้วย NEAR เพื่อถ่ายภาพดาวเคราะห์ในเขตเอื้ออาศัยได้ที่อยู่ใกล้ๆ
ได้โดยตรง กำลังเป็นแรงบันดาลใจสู่การพัฒนาวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์นอกระบบและดาราศาสตร์ชีววิทยาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
Wagner กล่าว
ผู้เขียนเชื่อมั่นว่า NEAR สามารถทำงานได้ดีแม้จะเทียบกับกล้องโทรทรรศน์ที่มีขนาดใหญ่กว่า
ข้อสรุปในรายงานยังอธิบายถึงความไวโดยรวมของเครื่องมือซึ่งพวกเขาเขียนไว้ว่า
ในทางทฤษฎีสิ่งนี้จะเพียงพอที่จะตรวจสอบดาวเคราะห์คล้ายโลกรอบ อัลฟา เซน เอ
ได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่คาดไว้จากกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่สุดขั้วอีกหลายตัว
E-ELT(European Extremely Large
Telescope) จะมีกระจกปฐมภูมิ
39 เมตร
หนึ่งในความสามารถและเป้าหมายในการออกแบบของมันก็คือ เพื่อถ่ายภาพดาวเคราะห์นอกระบบ
โดยเฉพาะพวกที่มีขนาดเล็กใกล้เคียงกับโลก โดยตรง แน่นอนว่า ELT จะเป็นกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลังสูงซึ่งจะทำให้การค้นพบทางวิทยาศาสตร์สุกงอมเพิ่มขึ้นได้เป็นเวลานานไม่เพียงแค่การถ่ายภาพดาวเคราะห์นอกระบบโดยตรง
แต่ยังในหลายๆ ทางด้วย
และกล้องโทรทรรศน์ยักษ์ภาคพื้นดินตัวอื่นๆ
ก็จะเป็นกลยุทธการถ่ายภาพดาวเคราะห์นอกระบบไปด้วยเช่นกัน สำหรับ NEAR ซึ่งต้องใช้เวลาในระดับชั่วโมง แต่สำหรับ E-ELT,
TMT(Thirty Meter Telescope) หรือ
GMT(Giant Magellan Telescope) อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเพื่อมองเห็น
ซึ่งคงไม่อาจแข่งขันกับกล้องใหญ่สุดขั้วพวกนี้ได้
แต่ถ้าผลสรุปเหล่านี้ได้รับการยืนยัน NEAR ก็จะประสบความสำเร็จในแบบที่แตกต่างออกไป
และด้วยงบประมาณเพียงเศษเสี้ยวของกล้องยักษ์เหล่านั้น
ไม่ว่าทางใด สิ่งที่ NEAR ทำสำเร็จคือการแสดงถึงอนาคตของงานวิจัยดาวเคราะห์นอกระบบ
แทนที่จะเป็นการสำรวจพื้นที่กว้างอย่างเคปเลอร์และ TESS นักวิทยาศาสตร์ก็จะสามารถมุ่งเป้าไปที่ดาวเคราะห์ทีละดวงได้ในไม่ช้า
แหล่งข่าว space.com
: potentially habitable exoplanet candidate spotted around Alpha Centauri A in
Earth’s backyard
sciencealert.com :
new technique used to spot possible super-Earth in Alpha Centauri’s habitable
zone
No comments:
Post a Comment