ภาพจากศิลปินแสดงเหตุการณ์การควบรวมหลุมดำ-ดาวนิวตรอน
นักดาราศาสตร์ได้ตรวจพบตัวอย่างการควบรวมของหลุมดำกับดาวนิวตรอนที่ชัดเจนสองเหตุการณ์แรก
สมาชิกของกลุ่มความร่วมมือวิทยาศาสตร์ LIGO(LSC), กลุ่มความร่วมมือ Virgo และโครงการ KAGRA(Kamioka Gravitational
Wave Detector) ได้รายงานการค้นพบใน
Astrophysical Journal Letters วันที่
29 มิถุนายน
คลื่นความโน้มถ่วงได้ช่วยให้เราได้ตรวจจับการชนของหลุมดำคู่
และดาวนิวตรอนคู่
แต่การชนผสมระหว่างหลุมดำกับดาวนิวตรอนนั้นเป็นชิ้นส่วนที่หายไปในภาพครอบครัวการควบรวมของวัตถุกะทัดรัด
Chase Kimball สมาชิกทีมของมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น
ผู้เขียนร่วมรายงาน กล่าว
การเติมเต็มภาพนี้เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อระบุแบบจำลองทางดาราศาสตร์ฟิสิกส์แสดงการก่อตัววัตถุกะทัดรัดและวิวัฒนาการระบบคู่
สิ่งที่ได้จากแบบจำลองเหล่านี้ก็คือการทำนายอัตราที่หลุมดำและดาวนิวตรอนควบรวมด้วย
ด้วยการตรวจจับเหล่านี้
สุดท้ายเราก็สามารถตรวจสอบอัตราการควบรวมของระบบคู่วัตถุกะทัดรัดทั้งสามแบบ
นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจจับเหตุการณ์ทั้งสองได้ในครึ่งหลังของการเดินเครื่องครั้งที่สามของ
LIGO และ
Virgo(O3b) ซึ่งยังคงต้องรอการวิเคราะห์เต็มๆ
O3b เดินเครื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
2019 จนถึงปลายเดือนมีนาคม
2020 เหตุการณ์คลื่นความโน้มถ่วงทั้งสองซึ่งเรียกว่า
GW200105 และ GW
200115 กระเพื่อมผ่านเครื่องตรวจจับห่างกันเพียง
10 วันเท่านั้น(วันที่
5 มกราคม
และวันที่ 15 มกราคม 2020
ตามลำดับ)
การควบรวมแต่ละเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับหลุมดำขนาดค่อนข้างเล็ก(ใหญ่สุดไม่ถึง
10 เท่ามวลดวงอาทิตย์)
ที่จับคู่กับวัตถุที่มีมวลระหว่าง 1.5 ถึง 2
เท่ามวลดวงอาทิตย์
ซึ่งก็อยู่ในช่วงมวลที่คาดไว้ของดาวนิวตรอน
ผู้สังเกตการณ์ไม่พบการเรืองแสงจากการชน แต่จากที่การชนทั้งสองเกิดขึ้นห่างออกไปราว
9 ร้อยล้านปีแสง
การสังเกตเห็นแสงวาบจึงไม่น่าเป็นไปได้ และแม้ว่าจะเกิดขึ้นก็ไม่น่าจะได้เห็นเมื่อ
หลุมดำมีขนาดใหญ่มากพอที่จะเขมือบดาวนิวตรอนทั้งดวง แทนที่จะฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
Susan Scott ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย
ผู้เขียนร่วมรายงาน กล่าวว่า
การชนแต่ละเหตุการณ์ไม่ใช่เพียงแต่วัตถุมวลสูงและหนาแน่นสูง 2 ดวงเข้ามาอยู่ใกล้กัน แต่มันเหมือนแพคแมน
ซึ่งหลุมดำกลืนดาวนิวตรอนไปทั้งดวง เป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับและเราก็รอคอยมานานแล้วที่จะได้เห็น
ซึ่งสุดท้ายก็พบพวกมันอย่างไม่น่าเชื่อ
สมาชิก LVK(LIGO/Virgo/KAGRA) ได้รายงานว่าที่เหตุการณ์การชนหลุมดำ-ดาวนิวตรอน ก่อนหน้านี้
แต่ก็ยังคงไม่ชัดเจนว่ามันเป็นสัญญาณกวนในข้อมูลหรือไม่ และเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมาในเดือนสิงหาคม
พวกเขาก็ยังได้ประกาศการชนครั้งปริศนาที่เกี่ยวข้องกับ
สิ่งที่อาจเป็นดาวนิวตรอนที่มีมวลสูงที่สุด หรือไม่ก็หลุมดำที่มีมวลต่ำที่สุดเท่าที่เคยพบ(ลูกขุนยังไม่ตัดสินแต่นักดาราศาสตร์บางส่วนก็เอียงไปทางด้านหลุมดำ)
แต่ในแง่ระดับความเชื่อมั่น
เหตุการณ์ใหม่ทั้งสองได้เป็นเหตุการณ์(การชนของหลุมดำกับดาวนิวตรอน) แรกๆ
ในการศึกษาด้วยคลื่นความโน้มถ่วง
พวกมันก่อตัวได้อย่างไร
ในเหตุการณ์แรก GW 2000105 ดาวนิวตรอนมวล 1.9 เท่ามวลดวงอาทิตย์ชนกับหลุมดำที่มีมวลประมาณ 9
เท่าดวงอาทิตย์ และดูเหมือนจะหมุนรอบตัวอย่างช้าๆ
หรืออาจจะไม่หมุนเลยด้วยซ้ำ และยังมีข้อบ่งชี้ว่ามันเป็นซากแกนกลางของดาวฤกษ์ที่ยุบตัวลง
แม้ว่าการสำรวจรังสีเอกซ์ของหลุมดำในระบบดาวคู่จะยังเป็นที่สงสัย โชคร้ายที่
เนื่องจากพวกมันมีมวลสูงกว่าดาวนิวตรอนสี่ถึงห้าเท่า หลุมดำในการควบรวมทั้งสองจึงกลืนข้อมูลเกี่ยวกับการหมุนรอบตัวของวัตถุข้างเคียงของพวกมันไปด้วย
คลื่นความโน้มถ่วงเหตุการณ์นี้ถูกพบโดยเครื่องตรวจจับเพียงแห่งเดียวในขณะที่อีกแห่งออฟไลน์ชั่วคราว
ในขณะที่ Virgo ก็ยังสำรวจอยู่
แต่สัญญาณเบาเกินกว่าจะตรวจจับได้ เนื่องจากมีเครื่องตรวจจับเพียงแห่งเดียวที่จับสัญญาณแรงได้
นักดาราศาสตร์จึงไม่สามารถตรวจสอบทิศทางกำเนิดคลื่นได้ แม้ว่า Virgo จะไม่พบแต่ก็ช่วยระบุพื้นที่ของสัญญาณให้แคบลงเหลือประมาณ
17% ของท้องฟ้าทั้งหมด
หรือ 34000 เท่าจันทร์เต็มดวง
ภาพจากแบบจำลองสัมพัทธภาพแสดงการควบรวมระบบคู่ดาวนิวตรอน-หลุมดำ(NSBH) ที่สอดคล้องกับ GW200105 คลื่นความโน้มถ่วงที่เปล่งจากคู่ที่คล้ายกับที่สร้าง
GW200105 โดยหลุมดำมีขนาด
4.7 เท่ามวลดาวข้างเคียง
และวัตถุทั้งสองไม่มีดวงใดเลยที่หมุนรอบตัวอยู่
เนื่องจากความแตกต่างในมวลอย่างมีนัยสำคัญนี้ ดาวนิวตรอนจึงแทบไม่พบกับการรบกวนใดๆ
จนกระทั่งวาระสุดท้าย ซึ่งถูกกลืนโดยหลุมดำไปทั้งดวง credit:https://www.ligo.caltech.edu/image/ligo20210629c
ส่วน
GW 200115 เครื่องตรวจจับทั้งสาม(LIGO
2 และ Virgo 1) ได้รับสัญญาณซึ่งเป็นผลจากการควบรวมของดาวนิวตรอนมวลประมาณ
1.5 เท่าดวงอาทิตย์กับหลุมดำมวล
6 เท่าดวงอาทิตย์ อยู่ห่างออกไปราว
1 พันล้านปีแสง
ทิศทางกำเนิดคลื่นครอบคลุมท้องฟ้าเพียงส่วนเล็กๆ เทียบเท่ากับ 2900 เท่าจันทร์เต็มดวง ที่น่าสนเท่ห์ก็คือหลุมดำของ GW200115
ที่หมุนกลับด้านกับวงโคจรของมัน
วัตถุที่ก่อตัวในระบบคู่(binary) มักจะหมุนรอบตัวเอียงจากวงโคจรรอบกันและกันไม่เกิน
30 องศา ดังนั้น
มุมที่กลับหัวกลับหางของหลุมดำอาจจะหมายความว่ามันมาจับคู่กับดาวนิวตรอน
หลังจากที่ก่อตัวขึ้นมา อย่างไรตาม ไม่มีทางทราบแน่นอน Kimball กล่าว
การหมุนรอบตัวที่เอียงผิดไปเกิดขึ้นได้จากหลายทาง เขาอธิบาย
ก็จริงที่วัตถุอาจจะหากันจนเจอในช่วงปลายชีวิต ก็น่าจะเอียงไปได้ในทุกทิศทาง
บางทีอาจจะเปลี่ยนคู่ไปได้หลายครั้งเมื่อดาวและซากดาวเต้นรำเป็นกลุ่มไปทั่วกระจุกดาว
แต่ดาวดวงหนึ่งก็ยังอาจผลักออกจากเพื่อนที่เกิดมาพร้อมกันออกไปเมื่อมันกลายเป็นซุปเปอร์โนวาหรือมีก๊าซถล่มให้มัน
ผมไม่คิดว่าข้อมูลเพียงชิ้นเดียวจะช่วยให้เราบอกได้แน่ชัดว่าการควบรวมของหลุมดำ-ดาวนิวตรอนเหตุการณ์หนึ่งๆ มาจากช่องทางไหนกันแน่
จากการสำรวจการควบรวมผสมสองเหตุการณ์ในเดือนมกราคม ขณะนี้
นักวิทยาศาสตร์ทำนายว่าจะมีการควบรวมของหลุมดำ-ดาวนิวตรอน เกิดขึ้นหนึ่งครั้งในแต่ละเดือน
ภายในระยะทาง 1 พันล้านปีแสงจากโลก
แต่เพียงแค่สองเหตุการณ์นี้ยังไม่พอที่จะตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น Maya
Fishbach นักวิจัยหลังปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น
ในอิลลินอยส์ ผู้เขียนร่วม กล่าวว่า
เรายังคงไม่ทราบอีกมากเกี่ยวกับดาวนิวตรอนและหลุมดำ
พวกมันจะมีขนาดใหญ่และเล็กได้แค่ไหน, พวกมันหมุนรอบตัวเร็วแค่ไหน
และพวกมันมาจับเป็นคู่ที่ควบรวมได้อย่างไร
แต่การรวบรวมข้อมูลก็ให้ผล
เมื่อสะสมการตรวจสอบการชนของหลุมดำ-ดาวนิวตรอนได้มากพอ
และนักดาราศาสตร์ก็จะสามารถมองหารูปแบบได้
ถ้ามีหลายแห่งที่หมุนรอบตัวเอียงจากระนาบโคจร
มันก็อาจจะเอียงไปทางที่เพิ่งมาจับคู่กันทีหลัง นักวิจัย LVK ได้ทำการวิเคราะห์เบื้องต้นลักษณะนี้เรียบร้อยแล้ว
กับหลุมดำจากบัญชีรายชื่อล่าสุด
และพบร่องรอยว่ามีหลุมดำราวหนึ่งในสามที่พบจากการชนว่า เพิ่งมาจับคู่กันภายหลัง
การรวบรวมข้อมูลจากการควบรวมทั้งสองชนิดคือ
ดาวนิวตรอนคู่, หลุมดำคู่ และหลุมดำ-ดาวนิวตรอน
ก็มีความสำคัญ ไม่ว่ากระบวนการก่อตัวแบบใดจะสร้างระบบคู่ชนิดหนึ่งขึ้นมากที่สุด
ก็ยังน่าจะสร้างระบบคู่ในแบบอื่นได้พอสมควรด้วย
ดังนั้นเมื่อนักดาราศาสตร์สามารถเก็บสถิติว่าการควบรวมชนิดต่างๆ
แบบไหนเกิดขึ้นถี่แค่ไหน
พวกเขาก็จะสามารถตีวงว่ากระบวนการใดที่น่าจะสร้างระบบคู่แต่ละชนิดขึ้นมาได้ด้วยอัตราที่สำรวจพบ
และวาดภาพว่าระบบน่าจะเริ่มต้นอย่างไรในทีแรกได้
เครื่องตรวจจับ LIGO แฝด, Virgo และ KAGRA ทั้งหมดกำลังอยูในระหว่างเตรียมการเพื่อการเดินเครื่องสำรวจครั้งที่
4 ของกลุ่มพันธมิตรนี้
ซึ่งมีกำหนดในฤดูร้อนปีหน้า นักวิทยาศาสตร์บอกว่าเครือข่ายทั้งสี่น่าจะตรวจจับสัญญาณคลื่นความโน้มถ่วงได้
1 เหตุการณ์ต่อวัน
Patrick Brady โฆษกกลุ่มความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์
LIGO กล่าวว่า
ด้วยความไวที่เพิ่มขึ้น เราหวังว่าจะตรวจจับคลื่นจากการควบรวมได้ถึงวันละครั้ง
และจะตรวจสอบคุณสมบัติของหลุมดำและสสารหนาแน่นสูงยิ่งยวดที่ประกอบเป็นดาวนิวตรอน
ได้ดีขึ้น
แหล่งข่าว skyandtelescope.com
: gravitational waves reveal black hole-neutron star mergers
sciencealert.com :
scientists confirm black hole and neutron star collisions in world-first
discovery
phys.org :
astrophysicists detect first black hole-neutron star mergers
space.com : scientists
catch 1st glimpse of a black hole swallowing a neutron star
iflscience.com : black
holes swallowing neutron stars whole seen for the first time
No comments:
Post a Comment