ภาพจากศิลปินแสดงดาวหางเบอร์นาร์ดิเนลลี-เบิร์นสไตน์ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าดาวหางปกติ 10 เท่า
นักดาราศาสตร์ได้พบดาวหางดวงใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมาจากเมฆออร์ต
และที่ระยะทางประมาณ 20 เท่าระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์(20
au) เลยวงโคจรยูเรนัสออกไป
มันก็ปล่อยก๊าซออกมาแล้ว
การสำรวจใหม่ที่ทำในวันที่ 22 มิถุนายน ด้วยกล้องโทรทรรศน์บังคับระยะไกลสกายเจมส์ขนาด
0.51 เมตรในนามิเบีย
ได้เผยให้เห็นกิจกรรมดาวหางอย่างชัดเจน โดยมีโคมา(coma) กว้าง 15 อาร์ควินาที
Luca Buzzi รายงานใน Minor
Planet Mailing List ดาวหางยักษ์ดวงใหม่ซึ่งได้ชื่ออย่างเป็นทางการเมื่อวันที่
23 มิถุนายนว่า
ดาวหาง C/2014 UN271 หรือ
ดาวหางเบอร์นาร์ดิเนลลี-เบิร์นสไตน์(Bernardinelli-Bernstein)
ตามชื่อผู้ค้นพบ Pedro
Bernardinelli นักศึกษาและนักดาราศาสตร์
Gary Bernstein จากมหาวิทยาลัยเพนน์ซิลวาเนีย
ทั้งคู่
นักดาราศาสตร์ได้พบดาวหาง 2014 UN271 ในข้อมูลที่รวบรวมได้โดยการสำรวจพลังงานมืด
ซึ่งเพิ่งเผยแพร่ข้อมูลกาแลคซีหลายร้อยล้านแห่งที่กระจายในพื้นที่ 1/8 ของท้องฟ้าออกมา
คอมพิวเตอร์การสำรวจใช้เวลาหลายล้านชั่วโมงเพื่อสำรวจชุดข้อมูลทั้งหมดโดยอัตโนมัติเพื่อหาวัตถุชั่วคราว(transient
objects) ที่เคลื่อนที่ข้ามท้องฟ้า
และจากปี 2014 ถึง 2018
หนึ่งในวัตถุชั่วคราวเหล่านี้ก็เป็นดาวหาง
ยังผลให้มีการรายงานวงโคจรในวันที่ 19 มิถุนายน
ในจดหมายเวียนอิเลคทรอนิคส์ศูนย์ดาวเคราะห์ย่อย
(Bernardinelli-Bernstein) ที่รวบรวมโดยกล้องพลังงานมืด(DECam) ขนาด 570 เมกะพิกเซลที่ติดตั้งบนกล้องโทรทรรศน์วิคเตอร์ เอ็ม บลังโก ขนาด 4 เมตรที่หอสังเกตการณ์เซร์โรโทโลโลอินเตอร์-อเมริกัน(CTIO) ในชิลี ภาพแสดงดาวหางในเดือนตุลาคม 2017 เมื่อมันอยู่ห่างออกไป 25 AU หรือประมาณ 83% ระยะทางสู่วงโคจรเนปจูน
วงโคจรที่รายงานได้ดึงดูดความสนใจในทันทีเนื่องจากมันแสดงว่าดาวหางมาจากห้วงลึกในเมฆออร์ต
ซึ่งเป็นกลุ่มของวัตถุดิบก่อตัวดาวเคราะห์(planetesimals) ล้อมรอบดวงอาทิตย์ในระยะทางระหว่าง 2000 ถึง 200,000 AU อยู่เลยแถบไคเปอร์(Kuiper Belt) ซึ่งเป็นพื้นที่วงโคจรใกล้พลูโต(ระยะทางเฉลี่ย 40
AU) ดาวหางจากเมฆออร์ตจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยระดับองศาที่แตกต่างกันไป
แทนที่จะอยู่ในแนวระนาบแคบๆ ของดาวเคราะห์
จึงทำให้เมฆออร์ตมีลักษณะเป็นทรงกลม
ดาวหางใหม่ซึ่งพบใกล้วงโคจรยูเรนัสยังคงมุ่งหน้าเข้ามาจนเกือบถึงวงโคจรดาวเสาร์ก่อนที่จะบ่ายหน้ากลับออกไปอีกครั้ง
การสำรวจใหม่บอกว่ามันมีอันดับความสว่าง(magnitude) 20 ซึ่งช่วยให้ประเมินเส้นผ่าศูนย์กลางคร่าวๆ ได้ที่
160 กิโลเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่าดาวหางทั่วไป
10 เท่าและมีมวลสูงกว่า
1000 เท่า นี่ทำให้มันไปอยู่ปลายใหญ่สุดของวัตถุที่เคยเห็นจากเมฆออร์ต
ซึ่งจะปรากฏเป็นดาวหางคาบยาว(long-period comet) ในช่วงเวลาที่มองเห็นพวกมันได้จากโลก
แต่ก็ยังเบาเมื่อเทียบกับระบบสุริยะที่เหลือ
ดังนั้นมันจึงน่าจะถูกเหวี่ยงไปได้ถ้าเข้าใกล้ดาวเคราะห์สักดวงมากเกินไป
ขนาดดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะทำให้มันกลายเป็นดาวเคราะห์แคระ(dwarf
planet) แต่มันก็เป็นวัตถุที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจากเมฆออร์ตเท่าที่เราเคยพบมา
เอาชนะผู้ยึดครองสถิติเดิม ดาวหางเฮลล์-บอพพ์(Hale-Bopp;
C/1995O1) ซึ่งมีความกว้างเพียง
60 กิโลเมตรเท่านั้น
ในขณะที่ดาวหางในปี 1729(C/1729 P1) หรือดาวหางซาร์บัท(Comet
Sarbat) อาจจะมีขนาดถึงร้อยกิโลเมตรแต่มันก็ไม่เคยเข้ามาในวงโคจรดาวพฤหัสฯ
เลย ดังนั้น นักสำรวจในช่วงเวลานั้นจึงถูกจำกัดสิ่งที่เห็นได้ไว้
วงโคจรที่เราได้(ของ 2014 UN271) นั้นค่อนข้างใช้ได้ดีทีเดียว Bill Gray จากโครงการพลูโต กล่าว มันมีพื้นฐานมาจากการสำรวจ
37 ครั้งที่ทำตลอด
4 ปีด้วยกล้องโทรทรรศน์
4 เมตรและกล้องถ่ายภาพสมรรถนะสูง
DECam ของโครงการสำรวจพลังงานมืด
จากข้อมูลเหล่านั้น การคำนวณได้ทำนายว่าดาวหางจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด(perihelion)
ในวันที่ 23 มกราคม 2031 ที่ระยะทาง 10.95 AU เลยจุดที่ไกลที่สุดของวงโคจรดาวเสาร์ออกไป
เวบไซท์ Orbit Simulator ของ Tony
Dunn แสดงว่ามันจะเข้ามาด้วยความเอียง
95 องศา
ส่วนจุดที่ไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุดในวงโคจร(aphelion) นั้นยังคลาดเคลื่อนอยู่มากเนื่องจากวงโคจรที่รีอย่างสุดขั้ว
(eccentricity
0.99948) และการเหวี่ยงตัวรอบดาวเสาร์
ก็อาจจะส่งผลต่อวงโคจรของมัน แต่ Gray บอกว่าดาวหางจะหันหัวกลับสู่เมฆออร์ตอย่างแน่นอน
และแน่นอนที่สุดที่มันไม่ใช่วัตถุข้ามระบบ(interstellar object) เมื่อวงโคจร MPEC อัพเดทด้วยการสำรวจใหม่จาก Buzzi จุดที่ไกลที่สุดในวงโคจรของดาวหางก็คำนวณได้ที่ 39460
AU และการทำนายจุดไกลที่สุดครั้งต่อไปอยู่ที่
54700 AU นี่หมายความว่า
ดาวหางจะใช้เวลา 1.39 ล้านปีเพื่อเดินทางมาถึงตำแหน่งปัจจุบันจากจุดที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในวงโคจรครั้งที่แล้ว
และจะใช้เวลาอีก 2.2 ล้านปีย้อนกลับไปที่ชายขอบของวงโคจรที่จะถูกปรับแต่ง(จากดาวเสาร์-ผู้แปล) Sam Deen นักดาราศาสตร์สมัครเล่น กล่าว
Gray เห็นว่าความน่าจะเป็นที่จะค้นพบดาวหางนี้ก่อนหน้านี้น่าจะมีน้อยเนื่องจากดาวหางสลัวกว่าอันดับความสว่าง
22 เมื่อถูกพบครั้งแรก
และก่อนหน้านั้นก็น่าจะสลัวยิ่งกว่าอีก ในทางตรงกันข้าม
เขาบอกว่าก็เป็นไปได้ที่ดาวหางจะปรากฏในงานสำรวจตั้งแต่ปี 2018 ขณะนี้
การสำรวจที่ตั้งเป้าไว้จะช่วยระบุวงโคจรดาวหางให้แน่ชัดมากขึ้นเช่นเดียวกับคุณลักษณะสำคัญอื่นๆ
ซึ่งรวมถึงคาบการหมุนรอบตัว, ดวงจันทร์และองค์ประกอบ
พฤติกรรมของดาวหางอื่นยังยากมากๆ ที่จะทำนาย แต่ดวงนี้ซึ่งเผยตัวตั้งแต่แรกเริ่ม
และจะมีกล้องโทรทรรศน์อีกหลายตัวที่จะจับจ้องมันในอนาคตไปอีกหลายเดือนหลายปี
ดาวหางเลิฟจอยในปี 2014 เป็นผู้มาเยือนจากเมฆออร์ตที่มีวงโคจรที่รีมาก วัตถุใหม่ก็มีวงโคจรที่ยาวนานมากกว่าและรีมากกว่า และมันยังมีขนาดใหญ่ด้วยแต่น่าเสียดายที่ไม่เข้ามาใกล้โลกมากนัก
แหล่งข่าว skyandtelescope.com
: giant Oort cloud comet lights up in the outer solar system
astronomy.com : giant
comet found hidden in dark energy data
iflscience.com : a mega comet or
minor planet is approaching on a very eccentric orbit
No comments:
Post a Comment