นักดาราศาสตร์ได้จำแนกกรณีดาวเคราะห์
“มินิเนปจูน” ที่แตกต่างกัน 2 กรณี
ซึ่งกำลังสูญเสียชั้นบรรยากาศพองฟูของพวกมันออกไป และน่าจะแปรสภาพเป็นดาวเคราะห์
“ซุปเปอร์เอิร์ธ”
การแผ่รังสีจากดาวฤกษ์แม่ของดาวเคราะห์กำลังฉีกชั้นบรรยากาศของพวกมันออก
ผลักดันให้ก๊าซร้อนหนีออกมาราวกับเป็นไอน้ำจากหม้อต้มน้ำเดือดพล่าน
การค้นพบนี้เผยแพร่เป็นรายงานสองฉบับใน Astronomical Journal ช่วยเติมแต่งภาพที่ว่าพิภพที่น่าพิสวงเหล่านั้นก่อตัวและพัฒนาตัวอย่างไร
มินิเนปจูน(mini-Neptune) เป็นดาวเคราะห์นอกระบบ(exoplanet) ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์อื่นนอกระบบสุริยะของเรา
พิภพเหล่านี้เป็นเนปจูนในแบบที่มีขนาดเล็กกว่า, หนาแน่นสูงกว่า
ประกอบด้วยแกนกลางที่เป็นหินขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยชั้นก๊าซหนาทึบ ในการศึกษาใหม่
ทีมนักาดราศาสตร์ที่นำโดยสถาบันเทคโนดลจีแห่งคาลิฟอร์เนีย ได้ใช้หอสังเกตการณ์เคก
บนยอดเมานาคี ฮาวาย เพื่อศึกษาหนึ่งในสองมินิเนปจูนในระบบดาวเคราะห์ที่เรียกว่า TOI
560 ซึ่งอยู่ห่างออกไป 103 ปีแสง
และพวกเขาใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลเพื่อตรวจสอบมินิเนปจูนอีก 2 ดวงที่โคจรรอบ HD 63433 ซึ่งอยู่ห่างออกไป 73 ปีแสง
ผลสรุปได้แสดงว่าก๊าซในชั้นบรรยากาศกำลังหนีออกจากมินิเนปจูนวงในสุดในระบบ TOI
560 ที่เรียกว่า TOI 560.01 และจาก HD 63433c มินิเนปจูนวงนอกสุดในระบบ HD 63433 สิ่งนี้บอกว่าพวกมันน่าจะกำลังเปลี่ยนเป็นซุปเปอร์เอิร์ธ(super-Earth)
ซึ่งเป็นพิภพหินที่มีขนาดได้ถึงเกือบสองเท่ารัศมีโลก นักดาราศาสตร์เกือบทุกคนสงสัยว่า
มินิเนปจูนขนาดเล็กจะต้องมีชั้นบรรยากาศที่กำลังระเหยไป Michael Zhang ผู้เขียนนำในรายงานทั้งสองฉบับ นักศึกษาที่คาลเทค
กล่าว แต่ไม่มีใครเคยพบกระบวนการนี้แบบคาหนังคาเขาจนกระทั่งบัดนี้
การศึกษายังพบว่า ก๊าซรอบๆ TOI
560.01 กำลังหนีเข้าสู่ดาวฤกษ์แม่ของมันซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
Heather Knutson ศาสตาจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์
อาจารย์ที่ปรึกษาของ Zhang และผู้เขียนร่วมการศึกษา
กล่าวว่า
นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดถึงเมื่อแบบจำลองเกือบทั้งหมดได้ทำนายว่าก๊าซน่าจะไหลออกห่างจากดาวฤกษ์
เรายังต้องเรียนรู้อีกมากว่าการไหลออกเหล่านี้เกิดได้อย่างไร
นับตั้งแต่การค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบดวงแรกรอบดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์
ถูกพบในกลางทศวรรษ 1990 ก็มีการค้นพบดาวเคราะห์อีกหลายพันดวง
หลายๆ ดวงในนี้โคจรรอบดาวฤกษ์แม่ในระยะใกล้ และพิภพหินที่มีขนาดเล็กก็มักจะแบ่งได้เป็น
2 กลุ่มคือ
มินิเนปจูน และซุปเปอร์เอิร์ธ ดาวเคราะห์ชนิดเหล่านี้ไม่พบในระบบของเรา
โดยซุปเปอร์เอิร์ธอาจมีขนาดใหญ่ได้ถึง 1.6 เท่าโลก(หรืออาจจะถึง
1.75 เท่าโลก)
ในขณะที่มินิเนปจูนจะอยู่ระหว่างสองถึงสี่เท่ารัศมีโลก
แต่กลับมีการค้นพบดาวเคราะห์ไม่กี่ดวงที่มีขนาดอยู่ระหว่างกลาง ราว 1.75
ถึง 2 เท่ารัศมีโลก(เรียกว่า ช่องว่างมวลฟูลตัน; Fulton gap) ของทั้งสองกลุ่มนี้
คำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับช่องว่างขนาด
ก็คือ มินิเนปจูนกำลังแปรสภาพเป็นซุปเปอร์เอิร์ธ
มินิเนปจูนนั้นในทางทฤษฎีเป็นรังของชั้นบรรยากาศที่ประกอบด้วยไฮโดรเจนและฮีเลียมเกือบทั้งหมด
ไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นสิ่งที่เหลืออยู่จากการก่อตัวดาวฤกษ์แม่ซึ่งก่อตัวขึ้นจากเมฆก๊าซ
ถ้ามินิเนปจูนมีขนาดเล็กพอและอยู่ใกล้ดาวฤกษ์มากพอ
การแผ่รังสีอุลตราไวโฮเลตและรังสีเอกซ์ที่รุนแรงจากดาวฤกษ์แม่ก็สามารถฉีกชั้นบรรยากาศของมันออกไปได้ในเวลาเพียงไม่กี่ร้อยล้านปี
ซึ่งนี่น่าจะเหลือทิ้งไว้แค่แกนหินซึ่งเป็นซุปเปอร์เอิร์ธที่มีรัศมีเล็กลงมา
ซึ่งโดยทางทฤษฎีแล้ว ก็น่าจะยังรักษาชั้นบรรยากาศบางๆ
คล้ายกับพบรอบดาวเคราะห์ของเราได้
ดาวเคราะห์ในช่องว่างขนาดน่าจะมีชั้นบรรยากาศเพียงพอที่จะพองตัวออก
ทำให้มันได้รับการแผ่รังสีจากดาวฤกษ์แม่มากขึ้น
และก็เกิดการสูญเสียมวลอย่างรวดเร็ว Zhang กล่าว
แต่ชั้นบรรยากาศก็ยังเบาบางพอที่จะหายไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเหตุผลว่า
เพราะเหตุใดดาวเคราะห์จึงไม่ได้อยู่ในช่องว่าง(มวล) นี้นานนัก
แต่นักดาราศาสตร์ก็บอกว่ายังมีลำดับเหตุการณ์อื่นๆ
ก็น่าจะอธิบายช่องว่างมวล ยกตัวอย่างเช่น ดาวเคราะห์หินขนาดเล็กกว่าอาจจะไม่เคยรวบรวมชั้นก๊าซห่อหุ้มได้เลยตั้งแต่แรก
และมินิเนปจูนก็น่าจะเป็นพิภพน้ำและไม่ได้ถูกห่อหุ้มด้วยก๊าซไฮโดรเจน
การค้นพบมินิเนปจูนสองดวงล่าสุด ซึ่งมีชั้นบรรยากาศหนีออกมา
ได้กลายเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่สนับสนุนทฤษฎีว่ามินิเนปจูนกำลังเปลี่ยนเป็นซุปเปอร์เอิร์ธ
นักดาราศาสตร์สามารถตรวจจับชั้นบรรยากาศที่หนีออกมาโดยการเฝ้าดูมินิเนปจูนผ่านหน้า(transit)
ดาวฤกษ์แม่ของพวกมัน
เราไม่สามารถมองเห็นดาวเคราะห์ได้โดยตรงแต่เมื่อพวกมันผ่านหน้าดาวฤกษ์แม่
เมื่อมองจากโลก กล้องโทรทรรศน์จะมองเห็นการดูดกลืนแสงดาวฤกษ์
โดยอะตอมในชั้นบรรยากาศดาวเคราะห์ ในกรณีของมินิเนปจูน TOI 560.01 นักวิจัยพบสัญญาณของฮีเลียม สำหรับระบบ HD
63433 ทีมได้พบสัญญาณของไฮโดรเจนในดาวเคราะห์วงนอกสุด(ดาวเคราะห์
c)
แต่ไม่พบในดาวเคราะห์วงในกว่า(ดาวเคราะห์ b) ดาวเคราะห์วงในอาจจะสูญเสียชั้นบรรยากาศของมันไปเรียบร้อยแล้ว
Zhang อธิบาย
ความเร็วของก๊าซยังให้หลักฐานว่าชั้นบรรยากาศกำลังหนีออกมา ฮีเลียมที่พบรอบ
TOI 560.01 กำลังเคลื่อนที่เร็วถึง
20 กิโลเมตรต่อวินาที
ในขณะที่ไฮโดรเจนที่พบรอบ HD 63433c กำลังเคลื่อนที่เร็ว
50 กิโลเมตรต่อวินาที
แรงโน้มถ่วงของมินิเนปจูนเหล่านี้ไม่ได้รุนแรงพอที่จะดึงก๊าซที่เคลื่อนที่เร็วเช่นนี้ได้
ขนาดของการไหลออกรอบดาวเคราะห์ก็ยังบ่งชี้ถึงชั้นบรรยากาศที่หนีออกมา โดยโคคูน(cocoon)
ก๊าซรอบ TOI 560.01 มีขนาดอย่างน้อย 3.5 เท่ารัศมีดาวเคราะห์ และโคคูนรอบ HD
63433c มีขนาดอย่างน้อย
12 เท่ารัศมีดาวเคราะห์
การสำรวจยังเผยให้เห็นว่าก๊าซที่ไหลออกจาก TOI 560.01 กำลังไหลเข้าหาดาวฤกษ์ การสำรวจมินิเนปจูนอื่นๆ ในอนาคตน่าจะเผยให้เห็นว่า TOI 560.01 เป็นตัวประหลาด หรือการไหลออกของชั้นบรรยากาศเข้าหาดาวฤกษ์เป็นเรื่องปกติ ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์นอกระบบ เราได้เรียนรู้ที่จะพบในสิ่งที่ไม่คาดคิด Knutson กล่าว พิภพที่น่าพิศวงเหล่านี้กำลังสร้างความประหลาดใจให้เราอย่างต่อเนื่อง ด้วยฟิสิกส์ใหม่ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่เราได้สำรวจพบในระบบของเรา
แหล่งข่าว hubblesite.org
: puffy planets lose atmospheres, become super-Earths
skyandtelescope.com :
astronomers watch the making of a super-Earth
No comments:
Post a Comment