ดาวเกือบทั้งหมดโดยเฉพาะพวกมวลสูง
จะอยู่ในระนาบกาแลคซี แต่ก็มีไม่กี่ดวงที่อยู่เหนือและใต้ระนาบ
และมีอีกจำนวนหนึ่งที่เป็นปริศนาที่อาจจะไขได้แล้วในที่สุด
ดิสก์ของทางช้างเผือกซึ่งเหมือนแป้งเครปมีความกว้าง
1 แสนปีแสง
และหนา 1 พันปีแสง
เป็นที่ที่ก่อตัวดาวฤกษ์เกือบทั้งหมดของทางช้างเผือกขึ้น
ดังนั้นนักดาราศาสตร์จึงประหลาดใจเมื่อหลายปีก่อน ได้พบดาวฤกษ์มวลสูงดวงหนึ่ง
อยู่เหนือระนาบกาแลคซีขึ้นไป 3600 ปีแสง
เลยจากดิสก์ออกไปในพื้นที่ที่มีประชากรดาวอยู่อย่างเบาบางที่เรียกว่า กลดกาแลคซี(galactic
halo)
ดาวดวงนี้ยังดูอายุน้อยเกินกว่าจะเดินทางออกจากดิสก์หลังจากที่เกิดขึ้นมา
แต่ความคิดว่าดาวลักษณะนี้น่าจะก่อตัวขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ในฮาโลที่ขาดแคลนก๊าซ
ก็มีเหตุผลมารองรับไม่พอ
ขณะนี้ Douglas Gies จากมหาวิทยาลัยจอร์เจียสเตท และเพื่อนร่วมงานได้เสนอลำดับเหตุการณ์ที่เป็นไปได้เพื่ออธิบายนักเดินทางดวงนี้
HD 93521 ขณะนี้มันเป็นดาวฤกษ์สีฟ้า(สเปคตรัมชนิด
O) ที่มีมวล 17
เท่าดวงอาทิตย์
แต่บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่เกิด ครั้งหนึ่ง
ดาวอาจจะเคยเป็นดาวมวลต่ำกว่าคู่หนึ่งซึ่งต่อมาก็ควบรวมกัน นักดาราศาสตร์ได้นำเสนอลำดับเหตุการณ์นี้ใน
Astronomical Journal ฉบับวันที่ 1
กุมภาพันธ์
นักดาราศาสตร์ทราบว่ามีดาวฤกษ์ดวงอื่นที่อาจจะหนีออกจากดิสก์ทางช้างเผือก
ซุปเปอร์โนวาของดาวที่ตายแล้วสามารถผลักดาวข้างเคียงออกไป
เช่นเดียวกับการผ่านเข้าใกล้พี่น้องดวงอื่นๆ ในกระจุกดาว
ก็ส่งมันเดินทางออกไปได้ด้วยเช่นกัน
แต่ดาวมวลสูงซึ่งเผาไหม้เร็วและตายตั้งแต่อายุน้อย และความอวบอ้วนของ HD
93521 อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ย
3 หมื่นเคลวิน
มันน่าจะมีชีวิตอยู่ได้ราว 10 ล้านปี
ก็บอกว่ามันไม่ได้อยู่นานพอที่จะหนีออกจากดิสก์ทัน ตามที่ Ian Howarth และ Andy Reid จาก University College London บอกไว้เมื่อปี 1993 ว่าดาวไม่มีเวลามากพอที่จะเดินทางออกไปได้ไกลอย่างนั้น
โครงสร้างคร่าวๆ ของทางช้างเผือก
ดาวฤกษ์เกือบทั้งหมดจะก่อตัวในดิสก์ตามแขนกังหัน
นักดาราศาสตร์จึงมีคำอธิบายที่เป็นไปได้ 3
ทางในกรณีนี้คือ
ดาวมีอายุมากกว่าที่เห็น หรือมันอาจจะก่อตัวขึ้นเรียบร้อยแล้วไกลจากระนาบกาแลคซีออกมา
หรือเดิมทีมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงมากและมีบางสิ่งที่ชะลอความเร็วของมันลงมา
ขณะนี้ ทีมของ Gies ได้ทำการคำนวณซ้ำโดยใช้การตรวจสอบระยะทางและการเคลื่อนที่ของดาวครั้งใหม่
จากดาวเทียมไกอา(Gaia) ขององค์กรอวกาศยุโรป
ซึ่งการตรวจสอบของไกอาเป็นผลให้ระยะทางของดาวดวงนี้อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เพียง 4000
ปีแสง จากเดิม 7000 ปีแสงที่เคยคำนวณไว้
แต่นักดาราศาสตร์ก็ยังได้ข้อสรุปเหมือนกับ Howarth และ Reid ว่ามันก็ยังไม่มีเวลาพอ
ดาวซึ่งดูเหมือนจะมีอายุ 5 ล้านปี
แต่จากเส้นทางปัจจุบันของมัน มันน่าจะใช้เวลาถึง 39 ล้านปีเพื่อเดินทางออกจากดิสก์
แต่เมื่อมีข้อมูลไกอาอยู่ในมือ ทีมของ Gies
ก็ก้าวหน้าไปอีกขั้น
โดยการตามรอยเส้นทางของดาวย้อนหลังไป 5 ล้านปีก่อนเพื่อมองหาสัญญาณญาติพี่น้องดาว
หรือซากที่เหลือของกระจุกที่ให้กำเนิดมัน พวกเขาไม่พบอะไรเลย
และเมื่อในฮาโลก็ไม่ใช่ที่สร้างดาว ดาวจะต้องมาจากดิสก์อย่างแน่นอน แต่คำถามก็คือ
อย่างไร
การควบรวมภายในระบบดาวที่ถูกผลักออกมาก็เป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้อย่างหนึ่ง
ดาวสามารถก่อตัวเป็นระบบคู่ที่แนบชิดกันซึ่งต่อมาจะควบรวมเป็นดวงเดียวได้ และเมื่อเกิดสิ่งนั้นขึ้น
การชนจะก่อกวนภายในของพวกมัน นำไฮโดรเจนใหม่ๆ เข้าสู่แกนกลางของดาวที่เพิ่งควบรวม
เป็นผลให้เกิดการย้อนวัย ตั้งนาฬิกาวิวัฒนาการใหม่อีกครั้ง หรือพูดอีกอย่างว่า HD
93521 ที่ดูเหมือนจะมีอายุ
5 ล้านปี
แต่อายุนั้นก็นับตั้งแต่ที่เกิดการชน
HD 93521 ดาวฤกษ์ร้อนชนิด
O อยู่ในกลด(halo)
ของทางช้างเผือก
ไกลจากระนาบกาแลคซีที่ก่อตัวดาวเกือบทั้งหมดของกาแลคซี
การควบรวมยังน่าจะอธิบายการหมุนรอบตัวที่เร็วของดาวนี้
แม้ว่าจะมีมวลสารที่ศูนย์สูตร 7.4 เท่าเท่าดวงอาทิตย์
แต่มันกลับหมุนรอบตัวในเวลาเพียง 21 ชั่วโมงเท่านั้น
เทียบกับคาบการหมุนรอบตัวที่ศูนย์สูตรดวงอาทิตย์ที่ 24.5 วัน ในความเป็นจริง มันกำลังหมุนรอบตัวเร็วมากๆ
จนการหมุนทำให้ดาวมีรูปร่างคล้ายลูกรักบี้
ลำดับเหตุการณ์การควบรวมยังต้องการสมดุลที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน กล่าวคือ ดาวคู่จะต้องเดินทางออกจากระนาบกาแลคซีแทบจะทันทีหลังจากที่พวกมันก่อตัวขึ้นมา
ดาวคู่เป็นดาวมวลปานกลางมีอายุยาวกว่าดาวที่มวลสูงกว่า ดังนั้น
ดาวต้นกำเนิดจะต้องมีมวลต่ำมากพอและมีอายุยืนมากพอที่จะอธิบายการเดินทาง 39
ล้านปีจากดิสก์ทางช้างเผือกด้วย
ในเวลาเดียวกัน ดาวขนาดเล็กกว่าทั้งสองก็จะต้องมีมวลสารมากพอที่จะรวมกันเป็นมวลปัจจุบันของดาวที่
17 เท่าดวงอาทิตย์กว่าๆ
และเนื่องจากขณะนี้มันกำลังสูญเสียมวล
และอาจจะสูญเสียมวลบางส่วนไปแล้วผ่านกระบวนการควบรวมด้วย Gies บอกว่าแม้จะไม่สามารถระบุมวลปัจจุบันของดาวได้แน่ชัด
แต่ลำดับเหตุการณ์การควบรวมให้ช่วงมวลที่สอดคล้อง
HD 93521 ไม่ใช่กรณีดาวมวลสูงดวงเดียวที่พบไกลจากที่เกิดของมัน
Peter Wysocki นักศึกษาจากจอร์เจียสเตท
กำลังตรวจสอบตัวอย่างระบบดาวคู่มวลสูงอีกแห่งที่อยู่ไกล
ซึ่งอาจจะเป็นตัวแทนสภาวะก่อนที่จะเกิดการควบรวม ดาวดวงนี้ซึ่งเรียกว่า IT
Librae มีการเรียงตัวที่ทำให้เราเห็นคราส
เมื่อดาวสองดวงผ่านหน้าซึ่งกันและกัน การสำรวจการแปรเปลี่ยนของแสงดาว
และการเคลื่อนที่จากสเปคตรัมนำไปสู่การประเมินมวลของพวกมัน
การหมุนรอบตัวที่เร็วมากของ
HD 93521 ทำให้รูปร่างมันเปลี่ยนไปตามที่แสดงในแบบจำลองนี้
จากค่ามวลที่ได้ Wysocki เองก็พบความขัดแย้งคล้ายๆ กัน ก็คือ
อายุที่ทำนายไว้ของ IT Librae นั้นสั้นเกินกว่าที่มันใช้เดินทางออกจากดิสก์
แต่การศึกษาก็ยังเผยให้เห็นว่าดาวมวลต่ำกว่าในคู่
ก็ได้เริ่มถ่ายเทมวลส่วนใหญ่ของมันไปให้กับดาวมวลสูงกว่าในคู่
เริ่มต้นกระบวนการที่อาจนำไปสู่การควบรวมในที่สุด นี่หมายความว่า แท้จริงแล้ว
ดาวมวลสูงกว่าจะต้องเก่าแก่กว่าที่มันแสดงออกมา โดยเริ่มต้นชีวิตเป็นดาวที่มีมวลต่ำกว่าที่เห็น
ดาวมวลสูงที่อยู่ห่างไกลเหล่านี้ได้ให้หลักฐานที่ชัดเจนว่าระบบดาวคู่ที่อยู่ใกล้ชิดกัน
สามารถควบรวมกันเพื่อสร้างดาวที่มีมวลสูงขึ้นได้ Gies กล่าว
และนั้นก็เป็นเงื่อนงำสำคัญว่าดาวมวลสูงที่หมุนรอบตัวเร็วมากจะสามารถสร้างหลุมดำที่มีอัตราการหมุนรอบตัวเร็ว
ได้อย่างไร
แหล่งข่าว skyandtelescope.com
: a star where it shouldn’t be
phys.org : astronomers
offer theory about mysterious location of massive stars
iflscience.com : how
giant stars end up in “impossible” locations
sciencealert.com :
astronomers keep finding stars that should be dead. Now, we may finally know
why
No comments:
Post a Comment