นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานไอน้ำในชั้นบรรยากาศดวงจันทร์ยูโรปาของดาวพฤหัสฯ จากการปะทุพวยพุที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ไอน้ำนั้นคงอยู่เฉพาะถิ่นและปรากฏชั่วคราว แต่งานวิจัยใหม่พบไอน้ำที่คงอยู่ในชั้นบรรยากาศดวงจันทร์ กระจายตัวสม่ำเสมอทั่วซีกโลกส่วนตามของดวงจันทร์
การสำรวจจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลเพิ่งเผยให้เห็นไอน้ำในชั้นบรรยากาศของดวงจันทร์กานิมีด(Ganymede)
หนึ่งในดวงจันทร์ดาวพฤหัสฯ
ขณะนี้การวิเคราะห์ภาพและสเปคตรัมในคลังครั้งใหม่ได้เผยว่า
ก็พบไอน้ำในชั้นบรรยากาศของดวงจันทร์น้ำแข็งยูโรปา(Europa) ของดาวพฤหัสฯ ด้วยเช่นกัน การวิเคราะห์พบว่าชั้นบรรยากาศไอน้ำมีอยู่เพียงซีกโลกด้านเดียวของดวงจันทร์เท่านั้น
ผลสรุปนี้ขยับขยายความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างชั้นบรรยากาศของดวงจันทร์น้ำแข็งให้ก้าวหน้ามากขึ้น
และช่วยวางรากฐานให้กับปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ที่จะตามมาซึ่งจะสำรวจดวงจันทร์น้ำแข็งของดาวพฤหัสฯ
ยูโรปาเป็นหนึ่งในดวงจันทร์ 79 ดวงของดาวพฤหัสฯ เป็นทั้งดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหกของดาวพฤหัสฯ
และอันดับหกในระบบสุริยะ มันเป็นโลกน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวเคราะห์แคระ(dwarf
planet) พลูโต
โดยมีพื้นผิวน้ำแข็งราบเรียบที่มีรอยแตกและรอยเลื่อนไขว้กันไปมา
พื้นผิวดวงจันทร์มีอุณหภูมิเฉลี่ย -170 องศาเซลเซียส
และมีชั้นบรรยากาศที่เบาบางมากๆ อย่างไรก็ตาม
นักดาราศาสตร์สงสัยว่ายูโรปาจะมีมหาสมุทรขนาดใหญ่อยู่ใต้พื้นผิวน้ำแข็ง
โดยนักวิทยาศาสตร์บางส่วนคาดหวังถึงสิ่งมีชีวิตนอกโลก
ขณะนี้เป็นครั้งแรกที่นักดาราศาสตร์ได้พบหลักฐานของไอน้ำคงอยู่ในชั้นบรรยากาศยูโรปา
ด้วยการใช้เทคนิคที่เพิ่งให้ผลค้นพบไอน้ำในชั้นบรรยากาศกานิมีด
นักดาราศาสตร์ได้พบหลักฐานของน้ำในซีกโลกส่วนตาม
(trailing hemisphere) ของยูโรปา
ซึ่งเป็นส่วนบนดวงจันทร์ที่หันตรงข้ามกับทิศทางการเคลื่อนที่ตลอดเวลา มีการทำนายการกระจายตัวของไอน้ำอย่างไม่สมมาตรโดยการศึกษาก่อนหน้านี้
ซึ่งมีพื้นฐานจากแบบจำลองเสมือนจริงคอมพิวเตอร์
แต่ไม่เคยตรวจพบจากการสำรวจมาก่อนเลย Lorenz Roth จากสถาบันเทคโนโลจีหลวงในกรุงสตอคโฮล์ม สวีเดน
ผู้เขียนการศึกษานี้ กล่าวว่า การสำรวจไอน้ำในกานิมีดและในด้านตามของยูโรปา
ได้ขยับขยายความเข้าใจของเราเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศดวงจันทร์น้ำแข็ง การตรวจพบเอชทูโอ(H20)
เสถียรจำนวนหนึ่งบนยูโรปาเป็นเรื่องที่สร้างความแปลกใจเนื่องจากอุณหภูมิพื้นผิวนั้นต่ำเกินไป
เพื่อสร้างการค้นพบนี้ Roth ขุดชุดข้อมูลในคลังจากฮับเบิลเพื่อเลือกการสำรวจยูโรปาในช่วงอุลตราไวโอเลตจากปี
1999, 2012, 2014 และ 2015
ในขณะที่ดวงจันทร์ก็อยู่ในตำแหน่งในวงโคจรที่แตกต่างกัน
การสำรวจเหล่านี้ทั้งหมดทำโดยอุปกรณ์ที่ละเอียดอ่อนที่สุดบนฮับเบิลคือ STIS(Space
Telescope Imaging Spectrograph) การสำรวจยูวีโดย
STIS เหล่านี้ช่วยให้
Roth ได้ตรวจสอบปริมาณออกซิเจน
ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของน้ำ ในชั้นบรรยากาศยูโรปา และด้วยการแปลผลความแรงของการเปล่งคลื่นที่ช่วงความยาวคลื่นต่างๆ
เขาก็สามารถบอกถึงการมีอยู่ของไอน้ำได้
การสำรวจพบไอน้ำบนยูโรปาก่อนหน้านี้
มีความเกี่ยวข้องกับพวยพุที่ปะทุผ่านชั้นน้ำแข็งขึ้นมาเป็นครั้งคราว
ซึ่งคล้ายกับน้ำพุบนโลกแต่มีความสูงเกิน 100 กิโลเมตร
น้ำบางส่วนก็กลายเป็นน้ำแข็งบนพื้นผิวแต่บางส่วนก็เปลี่ยนเป็นก๊าซ
ปรากฏการณ์ประหลาดที่พบเห็นในการศึกษาพวยพุเหล่านี้ดูจะสร้างความไม่เป็นเนื้อเดียวกันหรือกลุ่มก้อนในชั้นบรรยากาศอย่างชั่วคราว
ซึ่งพบไอน้ำเพียงหนึ่งครั้งจากการสำรวจ 17 งานบอกถึงอายุที่สั้น
อย่างไรก็ตาม
ผลสรุปใหม่ได้แสดงปริมาณไอน้ำที่ใกล้เคียงกันปรากฏอยู่กระจายเป็นพื้นที่ที่กว้างกว่า
ในการสำรวจจากปี 1999 ถึง 2015
นี่บอกถึงการมีอยู่ของไอน้ำในชั้นบรรยากาศในระยะยาวบนซีกโลกด้านตามของยูโรปาอย่างน้อยก็มีในปริมาณที่กล้องฮับเบิลสามารถตรวจจับได้
แต่แม้จะมีไอน้ำบนซีกโลกด้านตามของยูโรปา ก็ไม่มีข้อบ่งชี้ถึงไอน้ำในซีกโลกด้านนำของดวงจันทร์ที่ถูกล๊อคด้วยแรงบีบฉีก(tidal
lock) เลย
ยูโรปาสะท้อนแสงอาทิตย์ได้มากกว่ากานิมีด
และจึงมีอุณหภูมิเย็นกว่ากานิมีดประมาณ 33 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุดบนยูโรปาน่าจะอยู่ที่ราว -160 องศาเซลเซียส
ซึ่งน่าจะมีน้ำแข็งจำนวนหนึ่งที่ระเหิดและเปลี่ยนกลายเป็นไอลอยขึ้นมา
แต่จากความจริงที่พบไอน้ำเฉพาะบนซีกโลกด้านตามของยูโรปา
ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเพราะเหตุใด
ภาพจากกล้องฮับเบิลแสดงดาวพฤหัสฯ
และยูโรปาในเดือนสิงหาคม 2020
นักวิทยาศาสตร์อวกาศที่ทำงานเพื่อให้เข้าใจดวงจันทร์น้ำแข็งเหล่านี้จะสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์จากภาพในระยะประชิดเมื่อปฏิบัติการของอีซา
JUICE(Jupiter Icy moons Explorer) กำลังเตรียมตัวเดินทางไปกานิมีด,
คัลลิสโตและยูโรปา ดวงจันทร์น้ำแข็งสามดวงที่ใหญ่ที่สุดของดาวพฤหัสฯ JUICE เป็นปฏิบัติการขนาดใหญ่งานแรกของอีซาในโครงการ Cosmic
Vision 2015-2025 และคาดว่าจะส่งออกได้ในปี
2022 และไปถึงระบบดาวพฤหัสฯ
ในปี 2031
ยานจะนำชุดเครื่องมือชั้นสูงซึ่งเป็นระวางตรวจสอบจากระยะไกล(remote
sensing) ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยบินออกสู่ระบบสุริยะส่วนนอกมา
และจะใช้เวลาอย่างน้อยสามปีเพื่อทำการสำรวจระบบดาวพฤหัสฯ ในรายละเอียด
ยูโรปายังเป็นปลายทางของปฏิบัติการ Europa Clipper ของนาซา ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งออกในปี 2024 และไปถึงระบบดาวพฤหัสฯ ในปี 2030 จะบินผ่านดวงจันทร์ในระยะประชิดหลายสิบครั้ง,
ศึกษามหาสมุทรและเปลือกน้ำแข็งของมั
และบางทีอาจจะบินผ่านพวยพุถ้าปะทุขึ้นมาอย่างเหมาะเจาะ และสำรวจความสามารถในการเอื้ออาศัยได้(habitability)
ของมัน
เช่นเดียวกับหาพื้นที่ลงจอดสำหรับปฏิบัติการในอนาคต
ผลสรุปนี้เป็นรากฐานสำหรับงานวิทยาศาสตร์ในอนาคตสำหรับปฏิบัติการที่จะเกิดขึ้นสู่ดวงจันทร์ดาวพฤหัสฯ
Roth สรุป
ยิ่งเราสามารถเข้าใจเกี่ยวกับดวงจันทร์น้ำแข็งเหล่านี้ก่อนยานอย่าง JUICE และคลิปเปอร์บินไป ได้มากแค่ไหน
เราก็จะยิ่งสามารถใช้เวลาการสำรวจที่มีจำกัดได้ดีขึ้นตามไปด้วย
การค้นพบและแง่มุมจากปฏิบัติการที่จะเกิดขึ้นอย่าง JUICE จะปรับปรุงความเข้าใจของเราเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่มีศักยภาพเอื้ออาศัยได้ในระบบสุริยะ
การเข้าใจการก่อตัวและวิวัฒนาการของดาวพฤหัสฯ
และดวงจันทร์ของมันยังช่วยนักดาราศาสตร์ให้ได้แง่มุมสู่ดาวเคราะห์นอกระบบที่คล้ายดาวพฤหัสฯ
รอบดาวฤกษ์อื่น เมื่อรวมกับการสำรวจจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเช่น
กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์
นี่จะช่วยนักดาราศาสตร์ให้ตรวจสอบได้ว่าจะมีชีวิตอุบัติขึ้นในระบบดาวเคราะห์ต่างด้าวที่คล้ายดาวพฤหัสฯ
ในแห่งหนอื่นในเอกภพได้หรือไม่
แหล่งข่าว spacetelescope.org
: Hubble finds evidence of persistent water vapour atmosphere on Europa
space.com : water vapour
detected on Jupiter’s ocean moon Europa
iflscience.com : Europa
has a persistent single-hemisphere water vapor atmosphere
No comments:
Post a Comment