ปรากฏหลักฐานเพิ่มขึ้นจากไอโซโทปกัมมันตรังสีว่า ระบบสุริยะของเราก่อตัวขึ้นจากเมฆโมเลกุลก๊าซเย็นยุบตัวลงเมื่อถูกบีบอัดโดยคลื่นกระแทกจากซุปเปอร์โนวาที่เกิดขึ้นใกล้ๆ
พื้นที่ที่มีการก่อตัวดาวฤกษ์อย่างคึกคักแห่งหนึ่งในกลุ่มดาวคนแบกงู(Ophiuchus)
กำลังให้แง่มุมใหม่ๆ
เกี่ยวกับสภาวะที่ระบบสุริยะของเราได้ถือกำเนิดขึ้นแก่นักดาราศาสตร์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การศึกษาเมฆก่อตัวดาวเชิงซ้อนคนแบกงู(Ophiuchus
star-forming complex) งานใหม่นี้ได้แสดงว่าระบบสุริยะของเราอาจจะอุดมไปด้วยธาตุกัมมันตรังสีอายุน้อยได้อย่างไร
หลักฐานกระบวนการเติม(enrichment) ธาตุกัมมันตรังสีเหล่านี้ถูกพบมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษามลทิน(inclusion)
ในแร่ธาตุบางชนิดที่อยู่ในอุกกาบาต
ได้สรุปว่าพวกมันเป็นซากดึกดำบรรพ์จากระบบสุริยะที่ยังเพิ่งตั้งไข่ และมีผลผลิตที่ได้จากการสลายตัวของไอโซโทปกัมมันตรังสีอายุน้อย
ธาตุกัมมันตรังสีเหล่านี้น่าจะถูกเป่าเข้าสู่ระบบสุริยะที่ยังเพิ่งเยาว์วัยโดยการระเบิดของดาวเป็นซุปเปอร์โนวาที่เกิดขึ้นใกล้ๆ
หรือจากลมดวงดาว(stellar wind) ที่รุนแรงจากดาวมวลสูงชนิดหนึ่งที่เรียกว่า
ดาวโวล์ฟ-ราเยท์(Wolf-Rayet
star)
ผู้เขียนในการศึกษาใหม่ซึ่งเผยแพร่ใน Nature
Astronomy วันที่ 16
สิงหาคม ได้ใช้การสำรวจพื้นที่ก่อตัวดาวคนแบกงูซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง
460 ปีแสงในหลายช่วงความยาวคลื่น
ซึ่งรวมถึงข้อมูลอินฟราเรดอันตระการตา เพื่อเผยให้เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างเมฆก๊าซที่กำลังก่อตัวดาว
กับไอโซโทปกัมมันตรังสีที่ถูกสร้างในกระจุกดาวอายุน้อยแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
การค้นพบได้บ่งชี้ว่าซุปเปอร์โนวาในกระจุกดาวนี้น่าจะเป็นแหล่งของไอโซโทปกัมมันตรังสีอายุน้อยในเมฆที่ก่อตัวดาว
Douglas N. C. Lin ผู้เขียนร่วม ศาสตราจารย์กิตติคุณสาขาดาราศาสตร์และดาราศาสตร์ฟิสิกส์
ที่มหาวิทยาลัยคาลิฟอร์เนีย(UC) ซานตาครูซ
กล่าวว่า ระบบสุริยะของเราน่าจะก่อตัวขึ้นในเมฆโมเลกุลก๊าซก้อนใหญ่ก้อนเดียวกับกระจุกดาวอายุน้อย
และการเกิดซุปเปอร์โนวาหนึ่งเหตุการณ์หรือมากกว่านั้นจากดาวมวลสูงบางดวงในกระจุกนี้
ก็ปนเปื้อนก๊าซซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นดวงอาทิตย์และระบบดาวเคราะห์ของมัน
แม้ว่าจะเคยนำเสนอลำดับเหตุการณ์นี้ในอดีต
แต่ความหนักแน่นของรายงานนี้ก็คือใช้การสำรวจหลายช่วงความยาวคลื่นและการวิเคราะห์ทางสถิติที่ละเอียดละออเพื่อทำการตรวจสอบความน่าจะเป็นของแบบจำลองนี้ในเชิงปริมาณ
John Forbes ผู้เขียนคนแรกจากศูนย์เพื่อดาราศาสตร์ฟิสิกส์การคำนวณ
สถาบันฟลาติรอน บอกว่าข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศรังสีแกมมา
ช่วยให้มีการตรวจจับรังสีแกมมาที่เปล่งออกจากอลูมินัม-26 นิวเคลียสกัมมันตรังสีอายุสั้น(ค่าครึ่งชีวิต;
half-life 717,000 ปี)
นี่เป็นการสำรวจที่ท้าทาย
เราเพิ่งจะพบมันได้อย่างเชื่อมั่นในพื้นที่ที่กำลังก่อตัวดาวเพียง 2 แห่งเท่านั้น และข้อมูลที่ดีที่สุดก็มาจาก(เมฆ)
เชิงซ้อนคนแบกงู เขากล่าว
เมฆเชิงซ้อนคนแบกงูประกอบด้วยแกนดาวฤกษ์ทารกที่หนาแน่นหลายแห่งอยู่ในหลากหลายขั้นตอนของการก่อตัวดาวฤกษ์
และมีการพัฒนาดิสก์ก่อตัวดาวเคราะห์(protoplanetary disk) ซึ่งแสดงถึงสถานะแรกสุดในการก่อตัวระบบดาวเคราะห์ขึ้นมา
ด้วยการรวมข้อมูลภาพถ่ายในช่วงความยาวคลื่นตั้งแต่มิลลิเมตรจนถึงรังสีแกมมา
นักวิจัยก็สามารถเห็นการไหลของอลูมินัม-26 จากกระจุกดาวใกล้เคียงเข้าหาพื้นที่ก่อตัวดาวคนแบกงูนี้
กระบวนการเติมสารที่เรากำลังได้เห็นที่คนแบกงูนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงการก่อตัวของระบบสุริยะเมื่อ
5 พันล้านปีก่อน Forbes
กล่าว
เมื่อเราได้เห็นตัวอย่างชั้นดีว่ากระบวนการน่าจะเกิดขึ้นอย่างไร
เราก็พยายามทำแบบจำลองกระจุกดาวใกล้เคียงที่สร้างไอโซโทปกัมมันตรังสีที่เราเห็นในรังสีแกมมา
Forbes ได้พัฒนาแบบจำลองซึ่งรวมดาวมวลสูงทุกๆ
ดวงที่อาจจะมีอยู่ในพื้นที่นี้ ซึ่งมีตั้งแต่มวล, อายุ
จนถึงความน่าจะเป็นที่จะระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวา และยังรวมผลผลิตอลูมินัม-26
ที่คาดการณ์ไว้จากลมดวงดาวและซุปเปอร์โนวา
แบบจำลองได้ช่วยให้เขาได้ตรวจสอบความน่าจะเป็นของลำดับเหตุการณ์ต่างๆ
ในการสร้างอะลูมินัม-26 ที่พบในปัจจุบัน
ขณะนี้เรามีข้อมูลเพียงพอที่จะบอกได้ว่ามีโอกาส 59% ที่มัน(อลูมินัม-26) จะเกิดจากซุปเปอร์โนวา และอีก 68% ที่จะมาจากหลายๆ
แหล่งไม่ใช่ซุปเปอร์โนวาเพียงเหตุการณ์เดียว Forbes กล่าว
การวิเคราะห์ทางสถิติชนิดนี้ได้ให้ค่าความเป็นไปได้ของลำดับเหตุการณ์ที่นักดาราศาสตร์ได้โต้เถียงมาตลอดช่วง
50 ปีหลังนี้ Lin
ระบุไว้
นี่เป็นทิศทางใหม่สำหรับดาราศาสตร์ เพื่อระบุขอบเขตความน่าจะเป็น
การค้นพบใหม่ยังแสดงว่าปริมาณของไอโซโทปกัมมันตรังสีอายุสั้นที่ส่งให้กับระบบดาวที่กำลังก่อตัวขึ้นใหม่นั้น
สามารถแตกต่างได้อย่างกว้างขวาง ระบบดาวใหม่หลายแห่งจะก่อตัวขึ้นโดยมีปริมาณอลูมินัม-26
ใกล้เคียงกับระบบสุริยะของเรา
แต่ความหลากหลายก็สูงมาก แตกต่างกันได้ถึงหลายสิบหลายร้อยเท่า Forbes กล่าว สิ่งนี้ส่งผลต่อวิวัฒนาการช่วงต้นของระบบดาวเคราะห์
เนื่องจากอลูมินัม-26 เป็นแหล่งความร้อนหลักในช่วงต้น
อลูมินัม-26 ที่มากขึ้นอาจจะหมายถึงดาวเคราะห์ที่แห้งแล้งกว่า
ข้อมูลอินฟราเรดซึ่งช่วยให้ทีมเจาะทะลุเมฆฝุ่นเข้าสู่ใจกลางของเมฆก่อตัวดาวเชิงซ้อนก้อนนี้
ทำโดยผู้เขียนร่วม Joao Alves จากมหาวิทยาลัยเวียนนา
ในฐานะส่วนหนึ่งของการสำรวจ VISION ของหอสังเกตการณ์ทางใต้ของยุโรป(ESO)
เพื่อสำรวจแหล่งเพาะฟักดาวใกล้ๆ
โดยใช้กล้อง VISTA ในชิลี เขากล่าวว่า
สำหรับ(เมฆ) คนแบกงูในฐานะพื้นที่ก่อตัวดาวก็ไม่มีอะไรพิเศษ
มันก็เป็นการเรียงตัวของก๊าซและดาวมวลสูงอายุน้อยทั่วๆ ไป ดังนั้น
ผลสรุปของเราก็น่าจะเป็นตัวแทนการเติมไอโซโทปกัมมันตรังสีอายุสั้นในการก่อตัวดาวและดาวเคราะห์ทั่วทางช้างเผือก
ทีมยังใช้ข้อมูลจากหอสังเกตการณ์อวกาศเฮอร์เชลและดาวเทียมพลังค์ขององค์กรอวกาศยุโรป(ESA)
และหอสังเกตการณ์รังสีแกมมาคอมพ์ตันของนาซา
แหล่งข่าว spaceref.com
: nearby star-forming region yields clues to the formation of our solar system
sciencealert.com : this eerie
star nursery shows how the solar system got radioactive elements
No comments:
Post a Comment