ธาตุในตารางธาตุมีกำเนิดที่แตกต่างกัน
ธาตุเกือบทั้งหมดที่เบากว่าเหล็กถูกหลอมขึ้นในแกนกลางของดาวฤกษ์
ใจกลางที่ร้อนจนขาวของดาวโหมไฟขึ้นจากการหลอมโปรตอน บีบอัดพวกมันเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นธาตุที่หนักขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่เลยจากเหล็กไป นักวิทยาศาสตร์ต้องงงงันว่าแล้วจะสร้างทองคำ, ทองคำขาว,
ยูเรเนียม และธาตุหนักที่เหลือในเอกภพได้อย่างไร ซึ่งการก่อตัวธาตุ(หนักกว่าเหล็ก)
เหล่านี้ต้องการพลังงานมากกว่าที่ดาวจะสร้างขึ้นได้
ในตอนแรกสุด หลังจากบิ๊กแบง(Big
Bang)
ก็ไม่ได้มีธาตุอยู่มากนัก เอกภพยังเป็นซุปของไฮโดรเจนและฮีเลียมเกือบทั้งหมด
จนกระทั่งดาวฤกษ์ก่อตัวขึ้นและเริ่มชนนิวเคลียสอะตอมเข้าด้วยกันในแกนกลางของพวกมัน
การหลอมนิวเคลียสหรือ nuclear fusion ในดาวนี้สร้างธาตุที่หนักขึ้นตั้งแต่คาร์บอนจนถึง
เหล็ก(ในกรณีดาวมวลสูงมาก) ให้กับอวกาศ และส่งต่อสู่ห้วงอวกาศเมื่อดาวตายลง
แต่เหล็ก เป็นตัวหยุดการหลอมในแกนกลาง
ความร้อนและพลังงานที่ต้องใช้เพื่อสร้างเหล็กผ่านการหลอมเกินเลยจากพลังงานที่กระบวนการจะสร้างขึ้น
เป็นสาเหตุให้อุณหภูมิแกนกลางลดลง ซึ่งจะเป็นผลให้ดาวตายในการระเบิดที่ตระการตาคือ
ซุปเปอร์โนวา และก็เป็นการตายที่ตระการตานี้(และการระเบิดจากดาวนิวตรอนชนกัน)
ที่จะหลอมธาตุหนักขึ้นไปอีก
ในการระเบิดซุปเปอร์โนวาหรือการชนกันของดาวนิวตรอน
การระเบิดเหล่านั้นทรงพลังมากจนบังคับให้อะตอมชนกันเองได้
ยึดจับนิวตรอนจากกันและกัน นี่เป็นสิ่งที่เรียกว่า กระบวนการจับนิวตรอนแบบเร็ว(rapid
neutron capture process; r-process) ซึ่งต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
จนไม่มีเวลาให้เกิดการสลายตัวของไอโซโทปกัมมันตรังสี
ก่อนที่จะมีนิวตรอนเพิ่มเข้ามาในนิวเคลียส
การศึกษาใหม่โดยนักวิจัยที่เอ็มไอทีและมหาวิทยาลัยนิวแฮมเชียร์
ได้พบว่าแหล่งของโลหะหนักที่ต้องสงสัยมานาน 2 แห่งนั้น
แห่งหนึ่งเป็นขุมทองในสัดส่วนที่สูงกว่าอีกแห่ง การศึกษาซึ่งเผยแพร่ใน Astrophysical
Journal Letters ได้รายงานว่าในช่วง
2.5 พันล้านปีหลังนี้
มีโลหะหนักที่ถูกสร้างในการควบรวมของดาวนิวตรอนคู่ มากกว่าในการควบรวมดาวนิวตรอน-หลุมดำ
การศึกษานี้เป็นงานแรกที่เปรียบเทียบการควบรวม 2 ชนิดในแง่การสร้างโลหะหนักออกมา
และบอกว่าระบบดาวนิวตรอนคู่น่าจะเป็นแหล่งของทองคำ, ทองคำขาว(platinum) และธาตุหนักอื่นๆ ที่เราเห็นในปัจจุบัน
การค้นพบน่าจะช่วยนักวิทยาศาสตร์ให้ตรวจสอบอัตราที่โลหะหนักถูกสร้างทั่วเอกภพได้
Hsin-Yu Chen นักวิจัยหลังปริญญาเอกที่สถาบันคัฟลี่เพื่อดาราศาสตร์ฟิสิกส์และการวิจัยอวกาศ
เอ็มไอที ผู้เขียนนำ กล่าวว่า สิ่งที่เราได้พบว่าน่าตื่นเต้นจากผลสรุปของเราก็คือด้ว่ยระดับความเชื่อมั่นพอสมควร
เราบอกได้ว่าการควบรวมของดาวนิวตรอนคู่
น่าจะเป็นเหมืองทองได้มากกว่าการควบรวมดาวนิวตรอน-หลุมดำ ผู้เขียนร่วมของ Chen ก็คือ Salvatore Vitale ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ที่เอ็มไอที และ Francois
Foucart จากมหาวิทยาลัยนิวแฮมเชียร์
ภาพกราฟฟิคแสดง
r-process ซึ่งเกิดในสภาพแวดล้อมที่อุดมด้วยนิวตรอน
เช่นเมื่อดาวนิวตรอนควบรวมกัน หรือซุปเปอร์โนวาของดาวมวลสูง
เมื่อดาวมีการหลอมนิวเคลียสขึ้นมา
พวกมันต้องการพลังงานในการหลอมโปรตอน(ไฮโดรเจน) เพื่อสร้างธาตุที่หนักขึ้น
ดาวมีประสิทธิภาพในการผลิตธาตุที่เบาตั้งแต่ไฮโดรเจนจนถึงเหล็ก อย่างไรก็ตาม
การหลอมมากกว่า 26 โปรตอนที่มีในเหล็กกลับใช้พลังงานฟุ่มเฟือยอย่างยิ่ง
Vitale กล่าวว่า
ถ้าคุณต้องการจะข้ามเหล็กและสร้างธาตุที่หนักขึ้นอย่างทองคำและทองคำขาว
คุณต้องหาทางอื่นที่จะรวมโปรตอนเข้าไว้ด้วยกัน
นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าซุปเปอร์โนวาอาจจะเป็นคำตอบ
เมื่อดาวฤกษ์มวลสูงยุบตัวและระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวา
เหล็กในแกนกลางก็น่าจะสามารถรวมกับธาตุเบากว่าในการแตกดับที่รุนแรงสุดขั้วนี้
เพื่อสร้างธาตุที่หนักมากขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2017 ก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นเป็นการควบรวมของดาวนิวตรอนคู่หนึ่ง
ซึ่งตรวจพบเป็นครั้งแรกโดย หอสังเกตการณ์คลื่นความโน้มถ่วง LIGO และ Virgo ในสหรัฐฯ และอิตาลี ตามลำดับ
เครื่องตรวจจับได้พบคลื่นความโน้มถ่วงซึ่งเป็นระลอกในกาลอวกาศ
ที่มีกำเนิดห่างจากโลกออกไป 130 ล้านปีแสง
จากการชนของดาวนิวตรอนซึ่งเป็นแกนกลางที่ยุบตัวลงของดาวมวลสูงประกอบด้วยนิวตรอนเกือบทั้งหมด
2 ดวง
การควบรวมนี้ได้เปล่งแสงวาบออกมา
ซึ่งมีร่องรอยสัญญาณของโลหะหนัก
ปริมาณของทองคำที่สร้างในการควบรวมนี้เทียบเท่ากับหลายเท่ามวลโลก Chen กล่าว นี่เปลี่ยนภาพทั้งหมดโดยสิ้นเชิง คณิตศาสตร์ได้แสดงว่าระบบดาวนิวตรอนคู่มีประสิทธิภาพในการสร้างธาตุหนักสูงกว่าซุปเปอร์โนวา
Chen และเพื่อนร่วมงานของเธอก็แปลกใจ
แล้วถ้าเทียบระหว่างการควบรวมของดาวนิวตรอนคู่ กับการชนของดาวนิวตรอน-หลุมดำ ล่ะ นี่ก็เป็นการควบรวมอีกชนิดที่ LIGO
และ Virgo ได้ตรวจพบ
และน่าจะมีศักยภาพเป็นโรงงานผลิตโลหะหนักด้วย ภายใต้สภาวะที่แน่นอน
นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าหลุมดำน่าจะรบกวนดาวนิวตรอนจนมันปะทุและพ่นโลหะหนักออกมา
ก่อนที่หลุมดำจะกลืนกินดาวนิวตรอนเข้าไปทั้งหมด
ทีมเริ่มตรวจสอบปริมาณของทองคำและโลหะหนักอื่นๆ ที่การควบรวมแต่ละชนิดน่าจะสร้างขึ้น
ในการวิเคราะห์ พวกเขามุ่งเป้าไปที่การตรวจจับการควบรวมของดาวนิวตรอนคู่ 2 เหตุการณ์ กับดาวนิวตรอน-หลุมดำ อีก 2 เหตุการณ์ของ LIGO และ Virgo พวกเขายังตรวจสอบความต้านทานของดาวนิวตรอนแต่ละดวงที่จะถูกรบกวน
ยิ่งดาวต้านทานได้ดีแค่ไหน ก็มีโอกาสน้อยลงที่มันจะปั่นธาตุหนัก
พวกเขายังประเมินว่าการควบรวมแต่ละชนิดเกิดขึ้นได้บ่อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับอีกชนิดหนึ่ง
โดยมีพื้นฐานจากการสำรวจของ LIGO, Virgo และหอสังเกตการณ์อื่นๆ
สุดท้าย
ทีมใช้แบบจำลองเสมือนจริงหลายอันที่พัฒนาโดย Foucart เพื่อคำนวณปริมาณทองคำและโลหะหนักอื่นๆ โดยเฉลี่ย
ที่การควบรวมแต่ละครั้งน่าจะสร้างขึ้น โดยให้มวล, การหมุนรอบตัว, ระดับการถูกรบกวน
และอัตราการปรากฏของวัตถุผันค่าไป โดยเฉลี่ยแล้ว
นักวิจัยพบว่าการควบรวมของดาวนิวตรอนคู่ น่าจะสร้างโลหะหนักได้ 2 ถึง 100 เท่าของดาวนิวตรอน-หลุมดำ
การควบรวมทั้งสี่ที่ใช้ในการวิเคราะห์ประเมินว่าเกิดขึ้นภายในช่วง 2.5
พันล้านปีหลังนี้
ซึ่งพวกเขาสรุปว่าในช่วงเวลาดังกล่าว
อย่างน้อยก็มีธาตุหนักที่ถูกสร้างโดยระบบดาวนิวตรอนคู่
มากกว่าจากการชนของดาวนิวตรอนกับหลุมดำ ตาชั่งอาจจะพลิกไปด้านการชนของดาวนิวตรอน-หลุมดำได้
ถ้าหลุมดำมีอัตราการหมุนรอบตัวที่สูงและมวลต่ำ อย่างไรก็ตาม
นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยได้สำรวจพบหลุมดำลักษณะนี้ในการควบรวม 2 เหตุการณ์ที่พบเลย
สัญญาณแสงคู่ขนานกับเหตุการณ์คลื่นความโน้มถ่วง
GW 170817 จะสังเกตเห็นแหล่งแสงในวันที่เกิดเหตุการณ์
เปลี่ยนสีไปในอีกไม่กี่วันต่อมา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบสัญญาณสเปคตรัมของทองคำ, ทองคำขาว
ถูกสร้างขึ้นจากการควบรวมนี้
Chen และเพื่อนร่วมงานของเธอหวังว่าเมื่อ
LIGO และ Virgo
กลับมาทำการสำรวจในปีหน้า
การตรวจจับที่มากขึ้นจะช่วยปรับปรุงการประเมินอัตราที่การควบรวมแต่ละชนิดสร้างธาตุหนักขึ้นมา
อัตราเหล่านั้นก็อาจจะช่วยนักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบอายุของกาแลคซีที่ห่างไกล
โดยอ้างอิงจากปริมาณของธาตุหลากหลายที่มีอยู่
คุณสามารถใช้โลหะหนักในแบบเดียวกับที่ใช้คาร์บอนเพื่อวัดอายุฟอสซิล Vitale กล่าว
เนื่องจากปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดเหล่านั้นมีอัตราการผลิตและเส้นทางสร้างธาตุหนักที่แตกต่างกัน
จะส่งผลต่ออายุของกาแลคซี
ดังนั้นการศึกษาลักษณะนี้จะพัฒนาการวิเคราะห์เหล่านั้นได้
งานวิจัยอีกชิ้น
เผยถึงความน่าจะเป็นในการสร้างธาตุหนักว่าน่าจะก่อตัวในการหมุนวนที่วุ่นวายที่ล้อมรอบหลุมดำที่เพิ่งก่อตัวขึ้นใหม่
เมื่อมันกลืนฝุ่นและก๊าซจากห้วงอวกาศรอบๆ
ในดิสก์สะสมมวลสารเกิดขึ้นได้เมื่อดาวนิวตรอนสองดวงควบรวมกัน
และมวลรวมของพวกมันเพียงพอที่จะทำให้วัตถุที่เพิ่งก่อตัวขึ้นใหม่กลายเป็นหลุมดำ
ดาวที่ยุบตัวลงเองและเกิดระเบิด(collapsar) ก็เป็นอีกความเป็นไปได้หนึ่ง
เมื่อแกนกลางของดาวมวลสูงมากยุบตัวลงภายใต้แรงโน้มถ่วงกลายเป็นหลุมดำมวลดวงดาว(stellar-mass
black hole)
ในกรณีทั้งสอง
คิดกันว่าหลุมดำทารกถูกล้อมไว้ด้วยวงแหวนวัสดุสารร้อนและหนาแน่นสูง
ซึ่งหมุนวนไปรอบๆ หลุมดำและกลายเป็นอาหารของหลุมดำเหมือนกับน้ำที่ไหลลงท่อระบายน้ำทิ้ง
ในสภาพแวดล้อมที่สุดขั้วเหล่านั้น อัตราการสร้างนิวตริโน(neutrino) ที่สูง
น่าจะทำให้การเปลี่ยนโปรตอนเป็นนิวตรอนทำได้ง่ายขึ้น
เป็นผลให้เกิดสภาพคล่องของนิวตรอน ซึ่งเป็นที่ต้องการในกระบวนการเพื่อสร้างธาตุหนักผ่าน
r-process
Oliver Just นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่ GSI Helmholtz
Centre for Heavy Ion Research ที่ดัมชตัดท์
ในเจอรมนี กล่าวว่า ในการศึกษาของเรา
เป็นครั้งแรกที่เราสำรวจอัตราการเปลี่ยนนิวตรอนและโปรตอนในดิสก์จำนวนมากในแบบจำลองเสมือนจริงคอมพิวเตอร์ได้อย่างเป็นระบบ
และเราก็พบว่าดิสก์นั้นอุดมด้วยนิวตรอนอย่างมากตราบเท่าที่สภาวะจำเพาะนี้เอื้ออำนวย
Just และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทำแบบจำลองเสมือนจริงชุดหนึ่งอย่างครบครันเพื่อตรวจสอบว่าเป็นจริงตามที่กล่าวข้างต้นหรือไม่
พวกเขาปรับแต่งทั้งมวลและการหมุนรอบตัวของหลุมดำ, มวลของวัสดุสารรอบๆ มัน
และผลจากปัจจัยที่แตกต่างกันที่มีต่อนิวตริโน พวกเขาพบว่า เมื่อมีสภาวะที่เอื้อ
การสังเคราะห์ธาตุใหม่ผ่าน r-process ก็เกิดขึ้นได้ในสภาพแวดล้อมเหล่านั้น
ตัวตัดสินเกมก็คือมวลรวมของดิสก์ Just กล่าว
ยิ่งดิสก์มีมวลสูงเท่าใด
นิวตรอนก็ยิ่งก่อตัวขึ้นจากโปรตอนได้บ่อยขึ้นผ่านการจับอิเลคตรอนภายใต้การเปล่งนิวตริโน
และมีนิวตรอนใช้เพื่อการสังเคราะห์ธาตุหนักผ่าน r-process ได้ Just กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถ้ามวลของดิสก์สูงเกินไป ปฏิกิริยาย้อนกลับก็จะแสดงบทบาทเพิ่มขึ้นจน
มีนิวตริโนที่ถูกจับอีกครั้งโดยนิวตรอนมากขึ้น ก่อนที่มันจะทิ้งดิสก์ออกมา
นิวตรอนเหล่านั้นก็จะถูกเปลี่ยนกลับเป็นโปรตอน ซึ่งหยุด r-process
จุดที่เหมาะสมที่จะผลิตธาตุหนักได้อย่างมีประสิทธิผลมากที่สุดก็คือ
ดิสก์มีมวลระหว่าง 0.01 ถึง 0.1
เท่ามวลดวงอาทิตย์
ผลสรุปบอกว่าการควบรวมของดาวนิวตรอนสร้างดิสก์ที่มีมวลในช่วงดังกล่าวนี้
ก็อาจเป็นจุดเริ่มโรงงานผลิตธาตุหนัก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่ทราบแน่ชัดว่า
ดิสก์รอบดาวที่ยุบตัวลงเกิดขึ้นได้หรือไม่ และพบได้บ่อยแค่ไหน
จึงยังตัดสินกรณีนี้ไม่ได้ นักวิจัยกล่าว
ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการตรวจสอบว่าแสงที่เปล่งออกจากการควบรวมของดาวนิวตรอน
จะสามารถใช้เพื่อคำนวณมวลของดิสก์สะสมมวลสารของมันได้อย่างไร Andreas
Bauswein นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่
GSI Helmholtz Centre for Heavy Ion Research กล่าวว่า ตอนนี้ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ
แต่ด้วยเครื่องเร่งอนุภาครุ่นใหม่ อย่างเช่น FAIR(Facility for Antiproton
and Ion Research) ซึ่งกำลังสร้างอยู่
ก็จะเป็นไปได้ที่จะตรวจสอบได้ด้วยความเที่ยงตรงอย่างไม่น่าเชื่อในอนาคต
การสอดประสานกันเป็นอย่างดีระหว่างแบบจำลองทางทฤษฎี, การทดลอง
และการสำรวจทางดาราศาสตร์ จะช่วยให้เราเหล่านักวิจัยในหลายปีที่จะมาถึง
ได้ทดสอบการควบรวมของดาวนิวตรอนในฐานะกำเนิดของธาตุ r-process ได้ งานวิจัยเผยแพร่ใน Monthly Notices of
the Royal Astronomical Society
แหล่งข่าว phys.org
: neutron star collisions are “goldmine” of heavy elements, study finds
sciencealert.com : black
holes could be inadvertently making gold, astrophysicists say
sciencedaily.com : where
does gold come from? New insights into element synthesis in the universe
No comments:
Post a Comment