นักวิทยาศาสตร์ได้สำรวจคลื่นไหวสะเทือนที่เดินทางผ่านแกนกลางของดาวอังคารได้เป็นครั้งแรก และยืนยันการทำนายจากแบบจำลองว่าด้วยองค์ประกอบของแกนกลาง
ทีมวิจัยนานาชาติซึ่งรวมถึงนักวิทยาศาสตร์คลื่นไหวสะเทือนจากมหาวิทยาลัยมารีแลนด์
ได้ใช้ข้อมูลคลื่นไหวสะเทือนที่ได้จากแลนเดอร์ InSight ของนาซาเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของแกนกลางดาวอังคารโดยตรง
โดยพบแกนกลางที่เป็นโลหะเหล็กผสมที่มีกำมะถันและออกซิเจนในปริมาณสูงในสภาพหลอมเหลวโดยสิ้นเชิง
ผลสรุปเผยแพร่ใน Proceedings of the National Academy of Sciences วันที่ 24 เมษายน ได้เผยให้เห็นแง่มุมใหม่สู่การก่อตัวดาวอังคารและความแตกต่างทางธรณีวิทยาระหว่างโลกและดาวอังคารซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญสู่การประคับประคองความสามารถในการเอื้ออาศัยได้ของดาวเคราะห์
ในปี 1906 นักวิทยาศาสตร์ได้พบแกนกลางของโลกจากการสำรวจว่าคลื่นไหวสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้รับผลอย่างไรเมื่อเดินทางผ่านแกนกลาง
Vedran Lekic รองศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยมารีแลนด์
ผู้เขียนคนที่สองในรายงานนี้ กล่าว ในอีกร้อยกว่าปีต่อมา
เราก็กำลังปรับใช้ความรู้ด้านคลื่นไหวสะเทือนนี้กับดาวอังคาร ด้วยอินไซท์
สุดท้ายเราก็ได้พบสิ่งที่อยู่ในใจกลางดาวอังคาร
และสิ่งที่ทำให้ดาวอังคารดูคล้ายกับโลกอย่างมากแต่ก็ยังแตกต่างอยู่
เพื่อตรวจสอบความแตกต่างเหล่านี้
ทีมได้ตามรอยการคืบคลานเหตุการณ์คลื่นไหวสะเทือนบนดาวอังคาร 2 เหตุการณ์
เหตุการณ์หนึ่งเกิดจากแผ่นดินไหวบนดาวอังคาร และอีกเหตุการณ์เกิดจากการชนขนาดใหญ่
และคลื่นที่ตรวจพบก็เดินทางผ่านแกนกลางดาวเคราะห์นี้
ด้วยการเปรียบเทียบเวลาที่คลื่นใช้เพื่อเดินทางผ่านดาวอังคาร
เปรียบเทียบกับเมื่อคลื่นอยู่ในชั้นเนื้อหรือแมนเทิล(mantle) และรวมข้อมูลนี้กับการตรวจสอบคลื่นไหวสะเทือนและธรณีฟิสิกส์อื่นๆ
ทีมก็ประเมินความหนาแน่นและความสามารถในการบีบอัดตัวของวัสดุสารที่คลื่นเดินทางผ่าน
ผลสรุปของนักวิจัยบ่งชี้ว่าดาวอังคารนั้นน่าจะมีแกนกลางที่หลอมเหลวโดยสิ้นเชิง
ไม่เหมือนกับโลก ที่แกนกลางส่วนนอกเป็นของเหลวและแกนกลางส่วนในเป็นของแข็ง
นอกจากนี้ ทีมยังทราบรายละเอียดเกี่ยวกับองค์ประกอบเคมีของแกนกลางด้วย
ซึ่งรวมถึงปริมาณธาตุเบา เช่น กำมะถันและออกซิเจน ที่มีปริมาณมากอย่างน่าประหลาดใจ
ในชั้นส่วนในสุดของดาวอังคาร
การค้นพบได้บอกว่ามวลแกนกลางหนึ่งในห้าส่วนมาจากธาตุเหล่านี้
สัดส่วนที่สูงนั้นแตกต่างอย่างสุดโต่งกับสัดส่วนมวลธาตุเบาที่ต่ำกว่าที่พบในแกนกลางโลก
ได้บ่งชี้ว่าแกนกลางดาวอังคารมีความหนาแน่นต่ำกว่าอย่างมากและบีบอัดตัวได้ดีกว่าแกนกลางของโลก
ความแตกต่างนี้ชี้ไปถึงสภาวะการก่อตัวดาวเคราะห์ทั้งสองที่แตกต่างกัน
Nicholas Schmerr รองศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยมารีแลนด์
ผู้เขียนร่วมอีกคน กล่าวว่า คุณอาจจะคิดแบบนี้ก็ได้
คุณสมบัติของแกนกลางดาวเคราะห์ดวงหนึ่งๆ อาจทำหน้าที่เป็นตัวสรุปว่าดาวเคราะห์ก่อตัวได้อย่งไรและมันพัฒนาอย่างไร
ผลสุดท้ายจากกระบวนการการก่อตัวและวิวัฒนาการอาจจะสร้างหรือไม่สร้างสภาวะที่ค้ำจุนสิ่งมีชีวิตก็ได้
ความเป็นอัตลักษณ์ของแกนกลางโลกช่วยให้มันสร้างสนามแม่เหล็กซึ่งปกป้องเราจากลมสุริยะ
ช่วยรักษาน้ำไว้ให้เรา แต่แกนกลางดาวอังคารไม่ได้สร้างเกราะป้องกันนี้
ดังนั้นสภาวะบนพื้นผิวดาวเคราะห์จึงทารุณต่อสิ่งมีชีวิต
แม้ว่าขณะนี้ดาวอังคารจะไม่มีสนามแม่เหล็กแล้ว
แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ตั้งสมมุติฐานว่าครั้งหนึ่งมันเคยมีการปกป้องจากสนามแม่เหล็กคล้ายกับสนามแม่เหล็กที่เกิดจากแกนกลางของโลก
เนื่องจากพบร่องรอยของความเป็นแม่เหล็กในเปลือกดาวอังคาร Lekic และ Schmerr บอกว่านี่อาจหมายความว่าดาวอังคารค่อยๆ
พัฒนาเข้าสู่สภาวะปัจจุบัน
เปลี่ยนแปลงจากดาวเคราะห์ที่มีสภาพแวดล้อมที่มีศักยภาพความสามารถในการเอื้ออาศัยได้
กลายเป็นดาวเคราะห์ที่ทารุณต่อชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ
นักวิจัยบอกว่า
สภาวะในภายในดาวเคราะห์แสดงบทบาทสำคัญในวิวัฒนาการนี้พอๆ กับการชนครั้งรุนแรง
มันก็เหมือนกับปริศนา Lekic กล่าว
ยกตัวอย่างเช่น มีร่องรอยของไฮโดรเจนในแกนกลางดาวอังคาร
นี่หมายความว่าจะต้องมีสภาวะจำเพาะบางอย่างที่ยอมให้มีไฮโดรเจนอยู่ที่นั่นได้
และเราต้องเข้าใจสภาวะเหล่านั้นเพื่อที่จะเข้าใจว่าดาวอังคารพัฒนาไปสู่ดาวเคราะห์อย่างที่เป็นทุกวันนี้ได้อย่างไร
การค้นพบของทีมยังได้ยืนยันความเที่ยงตรงของการประเมินจากแบบจำลองปัจจุบันที่ตั้งเป้าเพื่อเผยชั้นต่างๆ
ที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นผิวดาวเคราะห์ สำหรับนักธรณีฟิสิกส์อย่าง Lekic และ Schmerr งานวิจัยอย่างนี้ก็ยังแผ้วถางทางสู่การสำรวจที่มุ่งเป้าไปที่ธรณีฟิสิกส์ในอนาคตสู่วัตถุฟากฟ้าอื่นๆ
ซึ่งรวมถึงดาวเคราะห์อย่างดาวศุกร์ และดาวพุธ ด้วย
Jessica Irving จากมหาวิทยาลัยบริสตัล
และผู้เขียนคนแรกในการศึกษานี้ บอกว่า นี่เป็นความพยายามครั้งใหญ่มาก
ซึ่งรวมถึงเทคนิคคลื่นไหวสะเทือนแบบละเอียดอ่อนที่ใช้บนโลก ประสานกับผลสรุปใหม่ๆ จากนักฟิสิกส์แร่ธาตุและแง่มุมจากสมาชิกทีมที่จำลองว่าภายในของดาวเคราะห์จะเปลี่ยนแปลงตามเวลาอย่างไร
แต่งานนี้ก็ให้ผลที่คุ้มค่า
ขณะนี้เราทราบมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในแกนกลางดาวอังคาร
แม้ว่าปฏิบัติการอินไซท์จะยุติไปเมื่อเดือนธันวาคม 2022 หลังจากการเฝ้าคลื่นไหวสะเทือนมา 4 ปี แต่เราก็ยังคงวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมไว้อยู่
Lekic กล่าว
อินไซท์ยังคงมีอิทธิพลต่อความเข้าใจการก่อตัวและวิวัฒนาการดาวอังคารและดาวเคราะห์อื่นๆ
ไปอีกหลายปี
No comments:
Post a Comment