การศึกษาใหม่โดยนักฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ ได้ให้หลักฐานที่หนักแน่นที่สุดเท่าที่เคยมีว่า วงแหวนของดาวเสาร์นั้นมีอายุน้อยมากๆ ซึ่งอาจจะตอบคำถามที่คาใจนักวิทยาศาสตร์มาเป็นร้อยปี
งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Science
Advances วันที่ 12
พฤษภาคม
ระบุอายุของวงแหวนดาวเสาร์ไว้ที่ไม่เกิน 4 ร้อยล้านปี
ซึ่งทำให้วงแหวนมีอายุน้อยกว่าดาวเสาร์ที่ 4.5 พันล้านปีอย่างมาก Sascha Kempf นักฟิสิกส์
รองศาสตราจารย์ที่ห้องทดลองเพื่อฟิสิกส์ชั้นบรรยากาศและอวกาศ(LASP) ซียูโบลเดอร์ กล่าวว่า เมื่อมีคำตอบแบบนี้
เราก็ใกล้จะปิดคำตอบที่เริ่มต้นโดย James Clerk Maxwell
นักวิจัยมาถึงข้อสรุปดังกล่าวได้โดยการศึกษาสิ่งที่อาจจะดูเหมือนไม่ใช่หัวข้อปกติ
โดยการศึกษาการสะสมฝุ่น Kempf อธิบายว่า
เม็ดวัสดุสารหินขนาดจิ๋วที่พัดพาไปทั่วระบบสุริยะด้วยความคงที่ ในบางกรณี
กระแสนี้ก็อาจทิ้งชั้นฝุ่นบางๆ ไว้บนวัตถุในระบบสุริยะ ซึ่งรวมถึงบนก้อนน้ำแข็งที่เป็นองค์ประกอบในวงแหวนดาวเสาร์ด้วย
ในการศึกษาใหม่นี้ Kempf และเพื่อนร่วมงานได้เริ่มตรวจสอบอายุวงแหวนดาวเสาร์
โดยการศึกษาว่าชั้นฝุ่นนี้สะสมเร็วแค่ไหน ก็เหมือนกับการพยายามบอกว่าบ้านหลังหนึ่งมีอายุเก่าแก่แค่ไหน
จากแค่การไล้นิ้วไปตามกำแพง ลองนึกว่าวงแหวนดาวเสาร์ก็เหมือนพรมที่บ้านคุณ Kempf
กล่าว ถ้าคุณมีพรมที่สะอาดวางอยู่
ก็แค่รอเวลา ฝุ่นก็จะไปสะสมบนพรม วงแหวนก็เป็นแบบเดียวกันนี้
นี่เป็นกระบวนการที่กินเวลา ตั้งแต่ปี 2004
ถึง 2017 ทีมใช้เครื่องมือที่เรียกว่า
เครื่องวิเคราะห์ฝุ่นอวกาศ(Cosmic Dust Analyzer) ที่ติดตั้งบนยานคาสสินีของนาซา
เพื่อวิเคราะห์ชิ้นฝุ่นที่บินอยู่รอบๆ ดาวเสาร์ จากช่วง 13 ปีนั้นเอง นักวิจัยได้รวบรวมฝุ่นได้เพียง 163
เม็ดที่มีกำเนิดจากนอกละแวกใกล้เคียงดาวเคราะห์
แต่ก็เพียงพอแล้ว
ทีมประเมินว่าฝุ่นระหว่างดาวเคราะห์ที่ไปถึงวงแหวนดาวเสาร์น่าจะไม่ถึง 1
กรัมฝุ่นต่อทุกตารางฟุตในแต่ละปี
ซึ่งดูเล็กน้อยแต่ก็พอจะสะสมได้
เพียงแค่มุ่งเป้าไปที่วงแหวนที่สว่างที่สุดบนดาวเสาร์ มันแผ่จากระยะทาง 70,000
จนถึง 140,000 กิโลเมตรเทียบเท่ากับพื้นที่ 30 เท่าโลก นี่หมายความว่าจะมีฝุ่นราว 166 พันล้านตันตกบนวงแหวนในแต่ละปี จากการคำนวณ
วงแหวนดาวเสาร์เองก็น่าจะรวบรวมฝุ่นขึ้นมาเมื่อเพียงไม่กี่ร้อยล้านปีเท่านั้น
หรือพูดอีกอย่างก็คือ
วงแหวนของดาวเสาร์นั้นเป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่เพิ่งเกิดใหม่ อาจจะเพียงพริบตาในทางดาราศาสตร์
และอาจจะหายไปได้ในที่สุด เราทราบว่าวงแหวนมีอายุคร่าวๆ เท่าใด
แต่มันก็ไม่ได้ไขปัญหาอื่นๆ Kempf กล่าว
เรายังคงไม่ทราบว่าวงแหวนเหล่านี้ก่อตัวขึ้นได้อย่างไร
นักวิจัยประทับใจกับวงแหวนตระการตาเหล่านี้มานานกว่า 400 ปีแล้ว ในปี 1610 นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี Galileo Galilei เป็นคนแรกที่สำรวจรายละเอียดนี้ผ่านกล้องโทรทรรศน์
แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ภาพวาดของกาลิเลโอเขียนให้วงแหวนดูคล้ายกับหูจับของเหยือกน้ำ ในศตวรรษ 18
Maxwell นักวิทยาศาสตร์ชาวสก๊อต
สรุปว่าวงแหวนดาวเสาร์ไม่ได้เป็นของแข็ง แต่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนมากมาย
ทุกวันนี้
นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าดาวเสาร์มีวงแหวน 7 วงที่ประกอบด้วยก้อนน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน
ซึ่งเกือบทั้งหมดไม่ใหญ่ไปกว่ากองหินบนโลก แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว
น้ำแข็งนี้มีมวลราวครึ่งหนึ่งของดวงจันทร์ไมมาส(Mimas) ของดาวเสาร์ และแผ่ออกไปเกือบ 280 ล้านกิโลเมตรจากพื้นผิวดาวเคราะห์ Kempf กล่าวเสริมว่า เกือบตลอดศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าวงแหวนน่าจะก่อตัวขึ้นในเวลาเดียวกับดาวเสาร์
แต่แนวคิดนี้ก็สร้างปัญหาขึ้นมา
เมื่อวงแหวนดาวเสาร์ดูสะอาดสดใส
การสำรวจได้บอกว่ารายละเอียดเหล่านี้ประกอบด้วยน้ำแข็งบริสุทธิ์ราว 98% โดยปริมาตร
โดยมีวัสดุสารหินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีวงแหวนที่เป็นน้ำแข็งเกือบทั้งหมดอย่างนี้ Kempf กล่าว
คาสสินีได้ให้โอกาสในการระบุอายุของวงแหวนดาวเสาร์
เมื่อยานไปถึงดาวเสาร์ในปี 2004 และรวบรวมข้อมูลจนกระทั่ง
ยานจบชีวิตด้วยการพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศดาวเคราะห์ในปี 2017 เครื่องวิเคราะห์ฝุ่นอวกาศซึ่งมีรูปร่างคล้ายตะกร้า
ก็เก็บอนุภาคขนาดเล็กเมื่อยานพุ่งเข้าไปได้
วิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ที่ LASP ออกแบบและสร้างเครื่องวิเคราะห์ฝุ่นที่ดีขึ้นไปอีก
ให้กับปฏิบัติการ ยูโรปา คลิปเปอร์(Europa Clipper) ของนาซา ซึ่งมีกำหนดบินออกสู่อวกาศในปี 2024
ทีมประเมินว่าฝุ่นระหว่างดาวเคราะห์ที่ไปถึงวงแหวนดาวเสาร์น่าจะไม่ถึง
1 กรัมฝุ่นต่อทุกตารางฟุตในแต่ละปี
ซึ่งดูเล็กน้อยแต่ก็พอจะสะสมได้ การศึกษาก่อนหน้านี้ยังบอกว่าวงแหวนน่าจะมีอายุน้อย
แต่ก็ไม่ได้รวมการตรวจสอบการสะสมฝุ่นไว้
วงแหวนน่าจะค่อยๆ หายไป
ในการศึกษาก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์นาซาได้รายงานว่าน้ำแข็งค่อยๆ ตกลงสู่ดาวเคราะห์
และอาจจะหายไปโดยสิ้นเชิงในอีก 1 ร้อยล้านปีข้างหน้า
รายละเอียดที่ปรากฏเพียงไม่นานเหล่านี้เมื่อยานกาลิเลโอและคาสสินีได้สำรวจ
ก็แทบจะเกินฝันไป Kempf กล่าว
และมันก็ให้คำอธิบายว่าวงแหวนก่อตัวขึ้นได้อย่างไร
นักวิทยาศาสตร์บางคนเคยสงสัยว่าวงแหวนดาวเสาร์อาจจะก่อตัวขึ้นเมื่อแรงโน้มถ่วงดาวเคราะห์ได้ฉีกทำลายหนึ่งในดวงจันทร์ของมันไป
ถ้าวงแหวนมีอายุสั้นและมีพลวัต เพราะเหตุใดเราจึงยังเห็นมันในตอนนี้
นี่ต้องเรียกว่าโชคดีอย่างมาก
ผู้เขียนร่วมการศึกษาใหม่ได้แก่ Nicolas
Altobell จากองค์กรอวกาศยุโรป,
Jürgen Schmidt จากมหาวิทยาลัยอิสระแห่งแบร์ลิน,
Jeffrey Cuzzi และ Paul
Estrada จากศูนย์วิจัยเอมส์นาซา
และ Ralf Srama จากมหาวิทยาลัยชตุดการ์ด
iflscience.com – Saturn’s rings are much, much younger than their planet
No comments:
Post a Comment