ภาพจากศิลปินแสดงฟีธอน(3200 Phaethon) ร้อนขึ้นและปล่อยวัสดุสารออกมาเมื่อมันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น
ดาวเคราะห์น้อยแปลกประหลาดดวงหนึ่ง
ดูจะยิ่งแปลกขึ้นไปอีกเล็กน้อย เราทราบมาสักระยะหนึ่งแล้วว่า ดาวเคราะห์น้อยฟีธอน(3200
Phaethon) ทำตัวเหมือนกับดาวหาง
มันสว่างขึ้นและสร้างหางเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
และมันเป็นแหล่งของฝนดาวตกเจมินิดส์(Geminid meteor shower) ที่มาทุกปี
แม้ว่าฝนดาวตกเกือบทุกเหตุการณ์จะเกิดจากดาวหางทั้งนั้น
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าพฤติกรรมที่คล้ายดาวหางของฟีธอน เกิดจากฝุ่นที่หนีออกจากดาวเคราะห์น้อยเมื่อดวงอาทิตย์ทำให้มันร้อนขึ้น
อย่างไรก็ตาม
การศึกษาใหม่โดยใช้หอสังเกตการณ์สุริยะสองแห่งของนาซาได้เผยให้เห็นว่า
หางของฟีธอนไม่ได้เป็นฝุ่นทั้งหมดแต่อย่างใด แต่แท้ที่จริงแล้ว
มันประกอบด้วยก๊าซโซเดียม Qicheng Zhang นักศึกษาปริญญาเอกที่คัลเทค(Caltech)
ซึ่งเป็นผู้เขียนนำรายงานใน Planetary
Science Journal กล่าวว่า
การวิเคราะห์ของเราได้แสดงว่ากิจกรรมที่คล้ายดาวหางของฟีธอนไม่สามารถอธิบายได้โดยฝุ่นชนิดใดๆ
เลย
ดาวเคราะห์น้อยซึ่งมีองค์ประกอบเป็นหินเกือบทั้งหมด โดยปกติจะไม่สร้างหางเมื่อพวกมันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม ดาวหางซึ่งเป็นส่วนผสมของน้ำแข็งกับหิน
และปกติแล้วจะสร้างหางเมื่อดวงอาทิตย์ทำให้น้ำแข็งระเหิดออกมา
ระเบิดวัสดุสารออกจากพื้นผิวและทิ้งรอยทางไว้ตามวงโคจร
เมื่อโลกเคลื่อนผ่านรอยเศษซาก ชิ้นส่วนจากดาวหางเหล่านั้นก็จะร้อนขึ้นในชั้นบรรยากาศและสร้างกลุ่มของดาวตก
ซึ่งกลายเป็นฝนดาวตก นั้นเอง
หลังจากที่นักดาราศาสตร์ได้พบฟีธอนในปี 1983
พวกเขาก็ตระหนักว่าวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยดวงนี้สอดคล้องกับฝนดาวตกเจมินิดส์
นี่ชี้ว่าฟีธอนเป็นแหล่งที่มาของฝนดาวตกประจำปี แม้ว่าฟีธอนจะเป็นดาวเคราะห์น้อยไม่ใช่ดาวหางก็ตาม
ในปี 2009 ดาวเทียม STEREO(Solar
Terrestrial Relation Observatory) ของนาซาได้พบหางสั้นๆ
จากฟีธอน เมื่อมันเคลื่อนเข้าใกล้จุดที่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด(perihelion)
ตามวงโคจร 524 วันของมัน
กล้องโทรทรรศน์ปกติมองหางนี้ไม่เห็นเนื่องจากมันจะก่อตัวขึ้นเฉพาะเมื่อฟีธอนอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เกินกว่าจะสำรวจได้
ยกเว้นด้วยหอสังเกตการณ์สุริยะเท่านั้น
STEREO ยังมองเห็นการพัฒนาของหางฟีธอนในช่วงที่มันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งหลังๆ
ในปี 2012 และ
2016 ลักษณะปรากฏของหางยืนยันแนวคิดที่ว่ามีฝุ่นที่กำลังหนีออกจากพื้นผิวดาวเคราะห์น้อยเมื่อดวงอาทิตย์ทำให้ดาวเคราะห์น้อยร้อนขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2018 ปฏิบัติการสุริยะอีกงานได้ถ่ายภาพร่องรอยซากที่สร้างฝนดาวตกเจมินิดส์และพบเรื่องที่สร้างความประหลาดใจ
การสำรวจจาก Parker Solar Probe ได้แสดงว่ารอยเศษซากมีวัสดุสารมากเกินกว่าที่ฟีธอนจะสามารถทิ้งออกมาได้ในระหว่างเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
ทีมของ Zhang สงสัยว่าน่าจะเป็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ฝุ่น
เบื้องหลังพฤติกรรมมีหางของฟีธอนนี้
ดาวหางมักจะเรืองสว่างไสวจากการเปล่งคลื่นของโซเดียม เมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากๆ
ดังนั้น เราจึงสงสัยว่าโซเดียมก็น่าจะมีบทบาทหลักที่ทำให้ฟีธอนสว่างขึ้นเช่นกัน Zhang
กล่าว
การศึกษาก่อนหน้านี้ซึ่งมีพื้นฐานจากแบบจำลองและการทดสอบในห้องทดลอง
ได้บอกว่าความร้อนรุนแรงจากดวงอาทิตย์ในระหว่างที่ฟีธอนผ่านเข้าใกล้ น่าจะระเหิดโซเดียมภายในดาวเคราะห์น้อยออกมาและผลักดันกิจกรรมการสร้างหางขึ้นมา
ด้วยความหวังที่จะค้นหาว่าหางฟีธอนนั้นจริงๆ แล้วมีองค์ประกอบเช่นไร Zhang
จึงตรวจสอบมันอีกครั้งในระหว่างที่ฟีธอนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดครั้งล่าสุดในปี
2022 เขาใช้ยาน SOHO(Solar
and Heliosphere Observatory) ซึ่งเป็นปฏิบัติการร่วมระหว่างนาซาและอีซา(European
Space Agency) ซึ่งมีฟิลเตอร์สีที่สามารถตรวจจับโซเดียมและฝุ่นได้
ทีมยังสำรวจภาพในคลังจาก STEREO และ SOHO
ได้พบหางในระหว่างฟีธอนผ่านเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
18 ครั้งระหว่างปี
1997 จนถึง 2022
ด้วย
ในตอนแรก STEREO ไม่สามารถตรวจจับช่วงความยาวคลื่นที่โซเดียมเรืองสว่างได้
แต่เมื่อยานมีอายุมากขึ้น ฟิลเตอร์ Heliospheric Imager 1 ได้เสื่อมสภาพลงจนมีความไวต่อโซเดียม และในการสำรวจของ
SOHO หางของฟีธอนปรากฏสว่างในฟิลเตอร์ที่ตรวจจับโซเดียม
แต่ไม่ปรากฏในฟิลเตอร์ที่ตรวจจับฝุ่น
นอกจากนี้ รูปร่างของหางและรูปแบบที่หางสว่างขึ้นเมื่อฟีธอนวาดตัวผ่านดวงอาทิตย์ก็สอดคล้องพอดีกับสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์คาดไว้ถ้ามันมีองค์ประกอบเป็นโซเดียม
แต่ไม่สอดคล้องถ้ามันเป็นฝุ่น หลักฐานนี้จึงบ่งชี้ว่าหางของฟีธอนประกอบด้วยโซเดียม
ไม่ใช่ฝุ่น
Karl Battams สมาชิกทีมจากห้องทดลองวิจัยกองทัพเรือ กล่าวว่า
ไม่เพียงแต่เรามีข้อสรุปแบบสวยๆ ที่จะจบการคิดที่ยาวนาน 14 ปีว่าเรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฟีธอน
แต่เรายังใช้ข้อมูลจากยานฟิสิกส์สุริยะ 2 ลำคือ STEREO
และ SOHO ซึ่งก็ไม่ได้ตั้งเป้ามาเพื่อศึกษาปรากฏการณ์ประหลาดอย่างนี้เลย
Zhang และเพื่อนร่วมงานสงสัยว่าดาวหางบางดวงที่ SOHO
ได้พบ
หรือโดยนักวิทยาศาสตร์ภาคประชาชนที่ศึกษาภาพจาก SOHO ในฐานะส่วนหนึ่งของ sungrazer project ก็น่าจะไม่ใช่ดาวหางเลย มี
“ดาวหางที่เฉียดดวงอาทิตย์” อีกมากมายหลายดวงที่อาจจะไม่ใช่ดาวหางในแบบที่เป็นวัตถุน้ำแข็งทั่วไป
แต่อาจจะเป็นดาวเคราะห์หินอย่างฟีธอนที่ดวงอาทิตย์ทำให้มันร้อนขึ้นแทน Zhang
อธิบาย
แต่กระนั้น
ก็ยังมีคำถามสำคัญอีกข้อเหลืออยู่ ถ้าฟีธอนไม่ได้ทิ้งฝุ่นออกมาแต่เป็นก๊าซ
แล้วดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ป้อนวัสดุสารให้กับฝนดาวตกเจมินิดส์ที่เรามองเห็นทุกๆ
เดือนธันวาคม ได้อย่างไร ทีมของ Zhang สงสัยว่าน่าจะมีการรบกวนบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่พันปีก่อน
บางทีอาจมีชิ้นส่วนของดาวเคราะห์น้อยที่แตกออกภายใต้ความเครียดจากการหมุนรอบตัวของฟีธอน
เป็นสาเหตุให้ฟีธอนผลักวัสดุสารหลายพันล้านตันออกมาสร้างเป็นกระแสธารเศษซากป้อนให้กับฝนดาวตกเจมินิดส์
แต่เหตุการณ์นั้นจะเป็นอะไรก็ยังเป็นปริศนา
อาจจะมีคำตอบเพิ่มขึ้นจากปฏิบัติการขององค์กรสำรวจอวกาศญี่ปุ่น(JAXA)
ที่เรียกว่า DESTINY+(Demonstration
and Experiment of Space Technology for Interplanetary voyage Phaethon flyby and
dust science) ซึ่งในทศวรรษนี้
คาดว่า DESTINY+ จะบินผ่านฟีธอน
ถ่ายภาพพื้นผิวหินของมันและศึกษาฝุ่นใดๆ
ที่อาจจะมีอยู่รอบดาวเคราะห์น้อยพิสดารดวงนี้
การค้นพบดาวเคราะห์น้อยที่มีคุณลักษณะคล้ายดาวหางซึ่งรวมถึง
มีหางด้วย ซึ่งเรียกดาวเคราะห์น้อยกลุ่มนี้ว่า ดาวเคราะห์น้อยมีกิจกรรม(active
asteroids) ทำให้เส้นแบ่งพฤติกรรมระหว่างดาวหางและดาวเคราะห์น้อยพร่าเลือน
แหล่งข่าว phys.org
: asteroid’s comet-like tail is not made of dust, solar observatories reveal
sciencealert.com : the
tail on this bizarre, comet-like asteroid isn’t quite what anybody expected
No comments:
Post a Comment