ตัวอย่างเลนส์ความโน้มถ่วงจากการสำรวจของปฏิบัติการไกอา
นักฟิสิกส์เชื่อว่าสสารเกือบทั้งหมดในเอกภพ
เป็นสสารที่มองไม่เห็นซึ่งเราจะทราบเกี่ยวกับมันก็เมื่อตรวจสอบผลโดยอ้อมของสสารชนิดนี้
ที่มีต่อดาวและกาแลคซีที่เรามองเห็นเท่านั้น อาจจะกล่าวไม่ผิดว่า ถ้าไม่มีสสารมืดนี้
เอกภพจะไม่เป็นอย่างที่เราได้เห็นทุกวันนี้
แต่ธรรมชาติของสสารมืด(dark matter)
ก็เป็นปริศนามาอย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตาม การศึกษางานใหม่โดย Alfrec Amruth จากมหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกง และเพื่อนร่วมงาน
ซึ่งเผยแพร่ใน Nature Astronomy ได้ใช้การบิดเบนแสงโดยแรงโน้มถ่วง
เพื่อนำเราเข้าใกล้การเข้าใจสสารมืดอีกก้าวหนึ่ง
โดยบอกว่าสสารมืดไม่ได้ประกอบด้วยอนุภาคที่หนักมาก
เหตุผลที่เราคิดว่าสสารมืดมีอยู่ก็เพราะเราได้เห็นผลกระทบแรงโน้มถ่วงของมันที่มีต่อพฤติกรรมกาแลคซี
พูดให้จำเพาะขึ้นก็คือ สสารมืดดูเหมือนจะมีอยู่ถึง 85% มวลเอกภพ
และกาแลคซีไกลโพ้นเกือบทุกแห่งที่เราได้เห็นก็ดูจะถูกล้อมด้วยกลด(halo) ของสสารปริศนานี้ แต่ที่มันถูกเรียกว่า สสารมืด
ก็เพราะมันไม่ส่องแสงใดๆ ออกมา(ไม่ดูดกลืนหรือไม่สะท้อนแสง)
ซึ่งทำให้ยากที่จะตรวจจับสสารมืดอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่สสารนี้เป็นอะไร
เราคิดว่ามันจะต้องเป็นอนุภาคมูลฐานที่ไม่ทราบชนิด แต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก
ความพยายามทั้งหมดเพื่อตรวจจับอนุภาคสสารมืดในห้องทดลองโดยรวมแล้วล้มเหลว
และนักฟิสิกส์ก็โต้แย้งเกี่ยวกับธรรมชาติของมันมาหลายทศวรรษ นักวิทยาศาสตร์ได้เสนอว่าที่อนุภาคสสารมืดในทางทฤษฎี
2 แบบ
ในแบบที่ค่อนข้างหนักเรียกว่า WIMPs
(Weak interacting massive particles) และอนุภาคที่เบาอย่างยิ่งที่เรียกว่า
แอกซิออน(axions)
ในทางทฤษฎีแล้ว WIMPs น่าจะมีพฤติกรรมเหมือนกับอนุภาคซึ่งไม่ปะติดปะต่อ
ในขณะที่แอกซิออนน่าจะดูคล้ายคลื่นมากกว่า อันเนื่องจากการแทรกสอดควอนตัม
เป็นการยากที่จะแยกแยะระหว่างความเป็นไปได้ทั้งสองแบบ แต่ขณะนี้
การเลี้ยวเบนของแสงรอบๆ กาแลคซีที่ห่างไกล ได้ให้เงื่อนงำออกมา
เมื่อแสงเดินทางผ่านเอกภพ
เข้าใกล้วัตถุมวลสูงเช่น กาแลคซีและกระจุกกาแลคซี เส้นทางของมันจะเลี้ยวเบน
จากทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์บอกว่า
แรงโน้มถ่วงของวัตถุมวลสูงจะบิดห้วงกาล-อวกาศรอบๆ
วัตถุ ด้วยเหตุนี้ บางครั้งเมื่อเรามองไปที่กาแลคซีที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง
เราจะได้เห็นภาพกาแลคซีอื่นๆ ที่อยู่เบื้องหลังมันซึ่งบิดเบี้ยวพร้อมกันไปด้วย
และถ้าแนวนี้เรียงตัวพอดี
แสงจากแหล่งที่พื้นหลังก็จะเกลี่ยออกเป็นวงกลมรอบกาแลคซีที่อยู่ใกล้กว่า
การรบกวนที่เกิดขึ้นกับแสงลักษณะนี้
เรียกว่า เลนส์ความโน้มถ่วง(gravitational lensing) และวงกลมที่มันสร้างขึ้นก็ถูกเรียกว่า
วงแหวนไอน์สไตน์(Einstein rings) โดยการศึกษาวงแหวนหรือภาพที่เกิดจากเลนส์ลักษณะนี้
นักดาราศาสตร์ก็สามารถเรียนรู้คุณสมบัติของกลดสสารมืดที่อยู่รอบๆ
วัตถุที่เป็นเลนส์ได้มากขึ้น
และนั่นก็เป็นสิ่งที่ Amruth และทีมได้ทำในการศึกษางานใหม่นี้
พวกเขาตรวจสอบระบบหลายแห่งที่มีพหุภาพจากวัตถุพื้นหลังแหล่งเดียวกัน รอบๆ
กาแลคซีที่ทำหน้าที่เป็นเลนส์ โดยมุ่งเป้าเป็นพิเศษที่เลนส์ความโน้มถ่วง HS
0810+2554 ด้วยการใช้แบบจำลองรายละเอียด
ทีมก็บอกได้ว่าภาพน่าจะถูกรบกวนอย่างไรถ้าสสารมืดประกอบด้วย WIMPs เทียบกับเมื่อสสารมืดประกอบด้วยแอกซิออน แบบจำลอง
WIMPs ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นจริง
แต่แบบจำลองแอกซิออนได้สร้างรายละเอียดทั้งหมดของระบบนี้ได้ใหม่อีกครั้ง
เนื่องจากคุณสมบัติที่มีความหนาแน่นปั่นป่วนเมื่อคลื่นเกิดการแทรกสอดกันและกัน
ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นทำให้การกระจายของสสารมืดรอบกาแลคซีเป็นแบบขรุขระ
ผลสรุปจึงบอกว่า แอกซิออนน่าจะเป็นว่าที่สสารมืดที่เป็นไปได้มากกว่า
และความสามารถที่แอกซิออนอธิบายความผิดปกติในการเกิดเลนส์
และการสำรวจทางดาราศาสตร์ฟิสิกส์อื่นๆ ก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์ตื่นเต้นอย่างมาก งานวิจัยนี้สร้างจากการศึกษาก่อนหน้านี้ซึ่งก็ชี้ไปสู่แอกซิออนว่าน่าจะเป็นสสารมืดได้มากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น
การศึกษาหนึ่งได้พิจารณาผลกระทบของสสารมืดแอกซิออนต่อไมโครเวฟพื้นหลังเอกภพ(cosmic
microwave background)
ในขณะที่งานอื่นๆ
ก็ตรวจสอบพฤติกรรมของสสารมืดในกาแลคซีแคระ
แม้ว่างานวิจัยนี้จะยังไม่ปิดการโต้เถียงทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับธรรมชาติสสารมืดได้
แต่มันก็เปิดเส้นทางใหม่สู่การทดสอบและการทดลอง ยกตัวอย่างเช่น
การสำรวจเลนส์ความโน้มถ่วงในอนาคตด้วยกล้องเวบบ์
น่าจะถูกใช้เพื่อทดสอบธรรมชาติที่คล้ายคลื่นของแอกซิออนและอาจจะตรวจสอบมวลของพวกมันได้ด้วย
ความเข้าใจสสารมืดที่ดีขึ้น
จะมีนัยสำคัญต่อสิ่งที่เราได้ทราบเกี่ยวกับฟิสิกส์อนุภาคและเอกภพยุคต้น
มันยังจะช่วยเราให้เข้าใจว่ากาแลคซีก่อตัวและเปลี่ยนแปลงตามเวลาได้อย่างไร
การกระจายตัวของสสารมืดในกรณีที่เป็น WIMPs(a) และ axion(b) ตามแบบจำลอง เทียบกับการกระจายมวลรอบระบบเลนส์ความโน้มถ่วง HS 0810+2554 ที่สำรวจพบ (c)
แหล่งข่าว phys.org : new look at “Einstein rings” around distant galaxies just got us closer to solving the dark matter debate
skyandtelescope.com distorted galaxy hints at the nature of dark
matter
No comments:
Post a Comment