ด้านใกล้และด้านไกลของดวงจันทร์ดูแตกต่างกันอย่างมาก และในที่สุดเราก็อาจมีคำอธิบายให้กับความแตกต่างนี้ ทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับปื้นสีมืดจางๆ ใกล้ขั้วใต้บนด้านไกล
ไม่ว่าคุณจะอยู่มุมใดบนโลก
ก็จะเห็นดวงจันทร์ได้เพียงด้านเดียว ด้านของดวงจันทร์ที่หันเข้าหาโลกก็ดูแตกต่างอย่างมากกับด้านที่มันซ่อนไว้ที่ด้านไกล
ด้านใกล้นั้นเต็มไปด้วยทะเล(sea หรือ maria) เมื่อลาวาโบราณไหลกินพื้นที่กว้างใหญ่ มีสีคล้ำ
ในทางตรงกันข้าม ด้านไกลปุปะด้วยหลุมอุกกาบาตนั้นแทบจะมองไม่เห็นรายละเอียด “ทะเล”
ขนาดใหญ่เลย
เพราะเหตุใดทั้งสองด้านจึงแตกต่างกันมากเป็นหนึ่งในปริศนาที่อยู่มายาวนานที่สุดประการหนึ่งของดวงจันทร์
ขณะนี้ นักวิจัยมีคำอธิบายใหม่ให้กับดวงจันทร์สองหน้านี้
คือเกี่ยวข้องกับการชนขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีก่อนใกล้กับขั้วใต้ของดวงจันทร์
การศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ในวารสาร Science Advances ได้แสดงว่าการชนที่ก่อตัวแอ่งขั้วใต้-ไอค์เคน(South Pole-Aitken basin; SPA
basin) ขนาดใหญ่ของดวงจันทร์เมื่อราว
4.3 พันล้านปีก่อน
น่าจะสร้างความร้อนจำนวนมหาศาลที่แทรกซึมไปทั่วภายในดวงจันทร์
กลุ่มความร้อนซึ่งน่าจะนำวัสดุสารที่จำเพาะเช่น กลุ่มของธาตุแรร์เอิร์ธ(rare-Earth
elements)และธาตุที่สร้างความร้อน
ไปสู่ด้านใกล้ของดวงจันทร์ ความเข้มข้นของธาตุน่าจะทำให้เกิดกิจกรรมภูเขาไฟที่สร้างที่ราบทุ่งลาวาที่ด้านใกล้ของดวงจันทร์
เราทราบว่าการชนครั้งใหญ่อย่างที่สร้างแอ่ง SPA
ก็น่าจะสร้างความร้อนจำนวนมากด้วย Matt
Jones ว่าที่ดอกเตอร์ที่มหาวิทยาลัยบราวน์
และผู้เขียนนำการศึกษา กล่าว คำถามก็คือแล้วความร้อนส่งผลต่อพลวัตภายในดวงจันทร์อย่างไรบ้าง
สิ่งที่เราแสดงก็คือภายในสภาวะที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่ก่อตัว SPA ขึ้นมา
มันก็ทำให้เกิดการกระจุกตัวของธาตุที่สร้างความร้อนเหล่านี้บนด้านใกล้ด้วย
เราคาดว่านี่จะทำให้แมนเทิลเกิดการหลอมเหลว ซึ่งสร้างการไหลลาวาที่เราเห็นบนพื้นผิว
การศึกษานี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Jones
กับอาจารย์ที่ปรึกษาของเขา Alexander
Evans ผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่บราวน์
พร้อมทั้งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพอร์ดิว,
ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ในอริโซนา, มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
และห้องทดลองไอพ่นขับดัน(JPL) ของนาซา
ความแตกต่างระหว่างด้านใกล้และด้านไกลบนดวงจันทร์เปิดเผยออกมาเป็นครั้งแรกในทศวรรษ
1960 โดยปฏิบัติการลูนา(Luna)
ของอดีตสหภาพโซเวียตและโครงการอพอลโลของสหรัฐฯ
ในขณะที่มองเห็นความแตกต่างจากกิจกรรมภูเขาไฟได้ง่าย ปฏิบัติการในอนาคตก็น่าจะเผยให้เห็นความแตกต่างในองค์ประกอบธรณีเคมีได้ด้วยเช่นกัน
ทะเลที่ใหญ่ที่สุดบนดวงจันทร์ด้านใกล้ Oceanus Procellarum เป็นที่ที่พบความผิดปกติในองค์ประกอบ(เคมี)
ที่เรียกว่า PKT(Procellarum KREEP terrane) เป็นการกระจุกของธาตุโพทัสเซ๊ยม(K), แรร์เอิร์ธ(REE), ฟอสฟอรัส(P) พร้อมกับธาตุที่สร้างความร้อนอย่าง ธอเรียม(Th)
KREEP ดูจะกระจุกอยู่ภายในและรอบๆ
ทะเลแห่งนี้ แต่ก็กระจายเบาบางอยู่ทั่วดวงจันทร์
แต่แทบไม่พบที่ด้านไกลเลยซึ่งบอกใบ้ว่า KREEP อาจจะเป็นกุญแจสำคัญ
นักวิทยาศาสตร์บางส่วนสงสัยถึงความเชื่อมโยงระหว่าง
PKT กับการไหลลาวาบนด้านใกล้
แต่คำถามก็คือเพราะเหตุใดชุดธาตุเหล่านั้นจึงกระจุกเหลืออยู่ที่ด้านใกล้
การศึกษาใหม่ได้ให้คำอธิบายที่เชื่อมโยงกับแอ่งขั้วใต้-ไอค์เคน
ซึ่งเป็นแอ่งการชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองบนระบบสุริยะ
และมีโครงสร้างประหลาดที่เป็นโลหะซึ่งอาจเป็นวัตถุที่พุ่งมาชนอยู่ข้างใต้แอ่ง
ในการศึกษานี้
นักวิจัยได้ทำแบบจำลองเสมือนจริงคอมพิวเตอร์แสดงว่าความร้อนที่สร้างในการชนครั้งใหญ่น่าจะส่งผลต่อรูปแบบการพาความร้อน(convection)
ในภายในดวงจันทร์อย่างไร
และสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้วัสดุสาร KREEP ในแมนเทิลดวงจันทร์กระจายตัวใหม่อย่างไร
คิดกันว่า KREEP เป็นตัวแทนของแมนเทิลส่วนท้ายสุดที่แข็งตัวหลังจากการก่อตัวของดวงจันทร์
ด้วยเหตุนี้
มันก็น่าจะก่อตัวแมนเทิลชั้นนอกสุดซึ่งอยู่ใต้เปลือกดวงจันทร์ลงไปเล็กน้อยด้วย
แบบจำลองภายในดวงจันทร์ได้บอกว่ามันน่าจะกระจายค่อนข้างสม่ำเสมอใต้พื้นผิว
แต่แบบจำลองใหม่บอกถึงการกระจายที่ไม่สม่ำเสมอซึ่งน่าจะถูกรบกวนโดยกลุ่มความร้อนจากการชนที่ขั้วใต้-ไอค์เค่น
จากแบบจำลอง วัสดุสาร KREEP น่าจะล่องไปกับคลื่นความร้อนที่ปล่อยออกจากการชนที่
SPA เหมือนกับนักโต้คลื่น
เมื่อกลุ่มความร้อนกระจายใต้เปลือกดวงจันทร์
วัสดุสารเหล่านี้ก็จะถูกนำไปกองที่ด้านใกล้
ทีมได้เดินแบบจำลองเสมือนจริงลำดับเหตุการณ์การชนที่แตกต่างกันมากมาย ตั้งแต่
การชนแบบจังๆ จนถึงการชนแบบเฉียดเฉี่ยว
ในขณะที่แต่ละอันก็สร้างรูปแบบความร้อนที่แตกต่างกันไปและผลักดัน KREEP ไปด้วยปริมาณที่แตกต่างกัน
แต่ทั้งหมดสร้างการกระจุก KREEEP บนด้านใกล้สอดคล้องกับความผิดปกติที่
Oceanus Procellanum
ในแบบจำลองเสมือนจริงนี้
ที่ราบภูเขาไฟด้านใกล้ที่โบราณที่สุดปะทุขึ้นราว 2 ร้อยล้านปีหลังจากการชน ในความเป็นจริง
กิจกรรมภูเขาไฟที่รุนแรงเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ
ดำเนินไปบนด้านใกล้ของดวงจันทร์ยาวนานถึง 7 ร้อยล้านปีหลังการชน
นักวิจัยบอกว่างานนี้ได้ให้คำอธิบายที่มีน้ำหนักกับปริศนาที่ยาวนานอย่างหนึ่งของดวงจันทร์
PKT ก่อตัวได้อย่างไรนั้นเป็นคำถามที่สำคัญที่สุดในวิทยาศาสตร์ดวงจันทร์
Jones กล่าว และการชนที่ขั้วใต้-ไอค์เคน
ก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในความเป็นมาดวงจันทร์
งานศึกษานี้นำสองสิ่งนี้มาไว้ด้วยกัน และผมก็คิดว่าผลสรุปนั้นน่าตื่นเต้นมากจริงๆ
แหล่งข่าว phys.org
: differences between the Moon’s near and far sides linked to colossal ancient
impact
sciencealert.com :
the far side of the Moon is significantly more cratered. We may finally know
why
iflscience.com : huge
impact may be why the Moon’s near and far sides differ so much
No comments:
Post a Comment