ภาพจากศิลปินแสดงดาวนิวตรอนสองดวงหมุนวนเข้าหากันและกัน จนชนและควบรวมกัน ในเบื้องต้น นักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบว่า วัตถุที่ควบรวมได้ จะเป็นดาวนิวตรอนหนัก หรือหลุมดำที่เบา แต่การสำรวจครั้งใหม่ได้ให้เงื่อนงำวัตถุนี้
การเรืองรังสีเอกซ์ประหลาดที่พบเห็นบนท้องฟ้าสามปีครึ่งหลังจากการชนครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างดาวนิวตรอนสองดวง
นักดาราศาสตร์ที่ศึกษาอวกาศในพื้นที่นี้ บอกว่ามันอาจเป็นแสงเรืองไล่หลัง(afterglow)
จากการระเบิดกิโลโนวา(kilonova)
ที่ถูกสร้างโดยการควบรวม
ซึ่งน่าจะถูกสร้างโดยคลื่นกระแทก(shockwave) จากการระเบิดชนกับฝุ่นในห้วงอวกาศในพื้นที่รอบข้างการระเบิด
หรืออีกทางเลือกหนึ่ง
แสงเรืองน่าจะถูกสร้างโดยวัสดุสารที่ถูกผลักออกมาในระหว่างการระเบิด
ได้ตกกลับสู่วัตถุที่เพิ่งควบรวมได้ ซึ่งน่าจะเป็นหลุมดำมวลต่ำ ไม่ว่าเป็นทางไหน
ก็ไม่เคยพบปรากฏการณ์ประหลาดเท่านั้นมาก่อน
เราได้เข้าสู่พรมแดนใหม่โดยการศึกษาผลที่เกิดขึ้นจากการควบรวมของดาวนิวตรอนนี้ Aprajita
Hajela นักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น
กล่าว เรากำลังได้เห็นสิ่งใหม่เอี่ยมพิเศษนี้เป็นครั้งแรกเลย
ช่วยให้เรามีโอกาสในการศึกษาและเข้าใจกระบวนการทางกายภาพใหม่ๆ
ซึ่งไม่เคยถูกสำรวจพบมาก่อน
คลื่นความโน้มถ่วงจากการควบรวมเหตุการณ์นี้ถูกพบครั้งแรกในวันที่
17 สิงหาคม 2017
โดย Advanced LIGO(Laser
Interferometer Gravitational-wave Observatory) และกลุ่มความร่วมมือ
Virgo กล้องโทรทรรศน์ทั้งภาคพื้นดินและในอวกาศได้ตามรอยอย่างรวดเร็ว
มีการเปล่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาตลอดด้วย ซึ่งบันทึกการปะทุรังสีแกมมา(gamma
ray burst) และการเปล่งคลื่นในช่วงตาเห็นและอินฟราเรดได้
ซึ่งทั้งหมดได้ยืนยันทฤษฎีว่ามีการสร้างธาตุหนักมากมายอันเป็นผลจากการควบรวมลักษณะนี้ภายในวัสดุสารที่ระเบิดออก
ที่สร้างกิโลโนวา(kilonova) สว่าง
การเรืองของกิโลโนวาเกิดขึ้นจากแสงที่เปล่งในระหว่างการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี
เช่น ทองคำขาว(platinum) และทองคำ
ซึ่งถูกสร้างซึ่งในเศษซากการควบรวมนี้
กล้องจันทราเองก็สำรวจ GW 170817 ด้วยเช่นกัน แต่ไม่เห็นสัญญาณจนกระทั่งอีก 9
วันต่อมา
ซึ่งบอกว่าการควบรวมยังสร้างไอพ่นวัสดุสารลำแคบที่เมื่อชนกับวัสดุสารรอบๆ
ดาวนิวตรอน จะเปล่งกรวย(cone) รังสีเอกซ์ซึ่งในตอนแรกไม่ได้เล็งมาที่โลกจังๆ
แต่ต่อมาเมื่อหัวของไอพ่นขยายออกและเริ่มเปล่งรังสีเอกซ์
เป็นไอพ่นลำกว้างขึ้นที่มองเห็นได้จากโลก การเปล่งรังสีเอกซ์จากไอพ่นนี้เพิ่มตลอด 160
วันหลังจากการควบรวม หลังจากนั้น
ก็ค่อยๆ สลัวลงอย่างคงที่เมื่อไอพ่นช้าลงและขยายตัวออกไปมาก แต่ Hajeta และทีมสังเกตว่าตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020(ประมาณ 900 วันหลังจากกาควบรวม) จนถึงสิ้นปี 2020 ความสว่างกลับไม่ลดลงและหยุดอยู่
การเปล่งรังสีเอกซ์มีความสว่างที่คงที่
ความจริงที่ว่าการสลัวลงของรังสีเอกซ์หยุดลงเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดที่เรามี
ว่ามีบางสิ่งนอกเหนือจากไอพ่นที่ตรวจจับได้ในรังสีเอกซ์จากแหล่งนี้ Raffaella
Margutti นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยคาลิฟอร์เนีย(UC)
เบิร์กลีย์ และผู้เขียนอาวุโสในการศึกษาซึ่งเผยแพร่ใน
Astrophysical Journal Letters วันที่
28 กุมภาพันธ์ กล่าว
เพื่อใช้ในการอธิบายสิ่งที่เรากำลังได้เห็น
มีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มแหล่งรังสีเอกซ์อื่นที่แตกต่างออกไป
จากการวิเคราะห์ของทีม
คำอธิบายที่สอดคล้องกับการเรืองไล่หลังนี้ก็คือ คลื่นกระแทกสัมพัทธภาพ
คลื่นกระแทกนี้เป็นผลจากการยุบตัวอย่างล่าช้าของดาวนิวตรอนที่ควบรวม
ซึ่งน่าจะเป็นเพราะมันหมุนรอบตัวเร็วเพื่อต้านทานการยุบตัวลงโดยคงอยู่เพียงไม่กี่วินาที(ก่อนที่จะยุบตัวกลายเป็นหลุมดำ)
เกิดขึ้นคล้ายกับโซนิกบูม(sonic boom) จากเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงบนโลก
ก็คือ เมื่อวัสดุสารนี้ขยายตัวออกสู่อวกาศรอบๆ พื้นที่การควบรวม มันจะชนกับก๊าซ
สร้างคลื่นกระแทกที่ทำให้ก๊าซร้อนขึ้น
และเป็นสาเหตุให้มีการเรืองรังสีเอกซ์เกิดขึ้น ซึ่งถ้าเป็นกรณีนี้ ก็จะบอกได้ว่า
การก่อตัวของหลุมดำจากการควบรวมของดาวนิวตรอนสองดวง
ไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นรวดเดียวจบ
คำอธิบายอีกทางก็คือ เมื่อหลุมดำก่อตัวขึ้น
วัสดุสารรอบๆ มันจะเริ่มตกลง หลังจากก่อตัวเป็นดิสก์สะสมมวลสาร(accretion
disk)
ในภาพจากศิลปิน การควบรวมของดาวนิวตรอนสองดวงได้ก่อตัวหลุมดำขึ้นมา(ซ่อนอยู่ในก้อนสว่างป่องในใจกลางภาพ) ได้สร้างไอพ่นอนุภาคพลังงานสูง(สีฟ้า) ที่ทำให้วัสดุสารรอบวัตถุนี้ร้อนขึ้นจนมันเปล่งรังสีเอกซ์ออกมา(เมฆสีแดง) จันทรายังคงตรวจจับรังสีเอกซ์จากเหตุการณ์นี้ได้จนทุกวันนี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากคลื่นกระแทกในวัสดุสารรอบหลุมดำ หรือจากวัสดุสารทีตกลงสู่หลุมดำอย่างรุนแรง(จานสีเหลืองรอบก้อนป่อง)
ถ้าดาวนิวตรอนที่ควบรวมกันได้ยุบตัวโดยตรงกลายเป็นหลุมดำโดยไม่มีขั้นตอนมาคั่น
มันก็น่าจะยากมากๆ ที่จะอธิบายรังสีเอกซ์จำนวนมากที่เราได้เห็นตอนนี้
เนื่องจากไม่น่าจะมีพื้นผิวแข็งอยู่ให้สสารกระดอนออกมาด้วยความเร็วที่สูงมากเพื่อสร้างแสงเรืองไล่หลัง
Margutti รองศาสตราจารย์ด้านดาราศาสตร์และฟิสิกส์
กล่าว มันก็น่าจะตกลงไปก็เท่านั้น
เหตุผลที่แท้จริงว่าเพราะอะไรฉันจึงตื่นเต้นก็คือ
ความเป็นไปได้ที่เรากำลังได้เห็นบางสิ่งที่มากกว่าไอพ่น
ในที่สุดเราอาจจะได้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับวัตถุใหม่นี้
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นแสงเรืองไล่หลังกิโลโนวา
หรือเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นวัสดุสารตกลงสู่หลุมดำหลังจากการควบรวมของดาวนิวตรอน
Joe Bright ผู้เขียนร่วม
นักวิจัยหลังปริญญาเอกที่ยูซี เบิร์กลีย์ กล่าว
ไม่ว่าจะมาจากทางไหนก็น่าตื่นเต้นอย่างสุดขั้ว
ขณะนี้
จันทราเป็นหอสังเกตการณ์เพียงแห่งเดียวที่ยังคงตรวจจับแสงจากการชนนี้ได้
การสำรวจติดตามผลด้วยจันทราและกล้องโทรทรรศน์วิทยุน่าจะแยกแยะได้ระหว่างคำอธิบายทั้งสอง
อย่างไรก็ตาม ถ้ามันเป็นแสงเรืองไล่หลังกิโลโนวา ก็คาดว่าจะตรวจจับการเปล่งรังสีเอกซ์และคลื่นวิทยุสว่างขึ้นได้ในอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีข้างหน้านี้
เมื่อการกระแทกยังคงถางผ่านสภาพแวดล้อมของมันไป แต่ถ้ารังสีเอกซ์ถูกสร้างโดยวัสดุสารที่ตกลงสู่หลุมดำที่เพิ่งก่อตัวใหม่
ดังนั้นแล้ว รังสีเอกซ์ที่ผลิตออกมาก็น่าจะคงที่หรือลดลงอย่างรวดเร็ว และไม่พบคลื่นวิทยุเลย
Margutti หวังว่า LIGO, Virgo และกล้องโทรทรรศน์อื่นๆ
จะตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วงและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากการควบรวมของดาวนิวตรอนได้มากขึ้นอีก
เพื่อที่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดมากขึ้นและมีการติดตามผลมากขึ้น
ก็จะสามารถระบุได้แม่นยำมากขึ้น และช่วยเผยให้เห็นฟิสิกส์การก่อตัวของหลุมดำ
จนกระทั่งบัดนี้ GW 170817 เป็นเพียงตัวอย่างเดียวที่มีให้ศึกษา
การศึกษา GW 170817 ต่อๆ ไปน่าจะให้นัยยะที่เกินคาดคิด Kate
Alexander ผู้เขียนร่วม
นักวิจัยหลังปริญญาเอกจากนอร์ธเวสเทิร์น กล่าว การตรวจจับแสงเรืองไล่หลังกิโลโนวา
น่าจะบอกว่าการควบรวมไม่ได้สร้างหลุมดำขึ้นในทันที
วัตถุนี้อาจจะให้โอกาสแก่นักวิจัยในการศึกษาว่าสสารตกลงสู่หลุมดำไม่กี่ปีหลังจากที่มันเกิดขึ้นอย่างไร
Margutti และทีมเพิ่งประกาศว่าจันทราได้ตรวจจับรังสีเอกซ์ในการสำรวจ
GW 170817 ที่ทำในเดือนธันวาคม
2021 ยังคงทำการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นอยู่
ไม่มีรายงานการตรวจพบคลื่นวิทยุที่เกี่ยวข้องกับรังสีเอกซ์นี้แต่อย่างใด
แหล่งข่าว phys.org
: did rapid spin delay 2107 collapse of neutron stars into black hole?
sciencealert.com : we
might have seen the afterglow of a neutron star kilonova explosion
space.com : possible massive “kilonova” explosion
creates an epic afterglow
scitechdaily.com : astronomers may have
detected a “sonic
boom” from a powerful blast
known as a kilonova
No comments:
Post a Comment