เมื่อดาวฤกษ์มวลสูงดวงหนึ่งตายลง
ในตอนแรกจะมีการระเบิดซุปเปอร์โนวาขึ้นมา
จากนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ก็จะกลายเป็นหลุมดำ หรือไม่ก็ดาวนิวตรอน
ดาวนิวตรอนดังกล่าวเป็นวัตถุฟากฟ้าที่มีความหนาแน่นสูงที่สุดเท่าที่นักดาราศาสตร์เคยสำรวจพบมา
โดยมีมวลที่ราว 1.4 เท่ามวลดวงอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่ทราบมากนักเกี่ยวกับวัตถุที่น่าประทับใจเหล่านี้ ขณะนี้
นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยฟลอริดาสเตท ได้เผยแพร่รายงานชิ้นหนึ่งใน Physical
Review Letters วันที่ 27
เมษายน โต้แย้งว่าการตรวจสอบครั้งใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ
“ผิว” นิวตรอนของนิวเคลียสธาตุตะกั่ว
อาจจะทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องกลับมาใคร่ครวญทฤษฎีเกี่ยวกับขนาดของดาวนิวตรอน
พูดสั้นๆ คือ
ดาวนิวตรอนอาจจะมีขนาดใหญ่กว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยทำนายไว้ก่อนหน้านี้
ขนาดของผิว(skin) ว่ามันแผ่ออกไปแค่ไหน เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับขนาดของดาวนิวตรอน
Jorge Piekarewicz ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์
กล่าว เขาและเพื่อนร่วมงานได้คำนวณว่าการตรวจสอบความหนาของผิวนิวตรอนของตะกั่ว
ครั้งใหม่ได้บอกว่ามันมีรัศมีระหว่าง 13.25 ถึง 14.25 กิโลเมตรสำหรับดาวนิวตรอนในขนาดเฉลี่ย
จากการทดลองเกี่ยวกับผิวนิวตรอนก่อนหน้านี้ ทฤษฎีอื่นให้ขนาดเฉลี่ยของดาวนิวตรอนไว้ที่ประมาณ
10 ถึง 12 กิโลเมตร
งานของ Piekarewicz สร้างจากการศึกษาชิ้นหนึ่งซึ่งเผยแพร่ใน Physical
Review Letters เช่นกัน
โดยนักฟิสิกส์ที่ PREX(Pb Radius Experiment; Pb เป็นสัญลักษณ์ธาตุของตะกั่ว) ที่สำนักงานเครื่องเร่งอนุภาคแห่งชาติ โธมัส
เจฟเฟอร์สันในเวอร์จิเนีย นักวิจัย PREX ทำการทดสอบตรวจสอบอะตอมตะกั่วโดยใช้ลำแสงอิเลคตรอนช่วยให้พวกเขาได้ตรวจสอบความหนาของผิวนิวตรอน
ของนิวเคลียสตะกั่วได้ที่ 0.28 เฟมโตเมตร(femtometer;
ล้านส่วนของหนึ่งมิลลิเมตร) หนาเป็นสองเท่าของที่ทำนายไว้โดยนักทฤษฎี
นิวเคลียสอะตอมนั้นประกอบด้วยนิวตรอนและโปรตอน สำหรับธาตุที่หนักมากๆ
อย่างตะกั่ว(ตะกั่ว-208 มี 82 โปรตอน 126 นิวตรอน) จำนวนนิวตรอนในนิวเคลียสมีมากกว่าโปรตอน
นิวตรอนส่วนเกินจะก่อตัวเป็นชั้นรอบๆ นิวเคลียส ชั้นของนิวตรอนล้วนนี้เองที่เรียกว่า
ผิว และก็เป็นความหนาของผิวนี้เองที่ดึงความสนใจของนักฟิสิกส์ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ
เนื่องจากมันจะเปิดช่องสู่ขนาดโดยรวมและโครงสร้างของดาวนิวตรอน
และจากการทดลองที่ทำกับธาตุตะกั่ว
ฟิสิกส์ที่เกิดขึ้นก็สามารถปรับใช้กับดาวนิวตรอนได้ ซึ่งเป็นวัตถุที่ใหญ่กว่านิวเคลียสอะตอม
1 ล้านล้านล้านเท่า(10^18
เท่า)
แล้วตะกั่วมาเกี่ยวด้วยได้อย่างไร
ตะกั่วเป็นหนึ่งในวัสดุสารที่หนาแน่นที่สุดที่พบได้ในธรรมชาติบนโลก
แม้ว่าตะกั่วจะไม่ได้มีความหนาแน่นสูงใกล้เคียงกับดาวนิวตรอนเลย
แต่นักวิทยาศาสตร์ก็สันนิษฐานกฎฟิสิกส์ที่กำกับโครงสร้างอะตอมของตะกั่ว
ก็จะต้องเหมือนกับกฎที่อยู่เบื้องหลังโครงสร้างของดาวนิวตรอน
Piekarewicz ใช้ผลสรุปที่รายงานโดยทีม PREX เพื่อคำนวณข้อมูลดาวนิวตรอนใหม่ทั้งหมด
เขากล่าวว่า
ไม่มีงานทดลองใดที่เราสามารถนำได้ในห้องทดลองซึ่งสามารถตรวจสอบโครงสร้างของดาวนิวตรอนได้
ดาวนิวตรอนเป็นวัตถุที่น่าพิศวงที่เราไม่เคยสามารถสร้างขึ้นได้ในแล็ป ดังนั้น
อะไรก็ตามที่ทำได้ในแล็ปซึ่งให้ข้อมูลเราเกี่ยวกับคุณสมบัติของดาวนิวตรอน
ก็มีประโยชน์อย่างมาก
ผลสรุปใหม่จากทีม PREX นั้นใหญ่กว่าการทดลองก่อนหน้านี้
ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อทฤษฎีและการคำนวณโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับดาวนิวตรอน Piekarewicz
บอกว่ายังมีงานที่ต้องทำในหัวข้อนี้อีกมาก
และการพัฒนาใหม่ๆ
ในเทคโนโลจีก็ยังคงเพิ่มเติมความเข้าใจเกี่ยวกับอวกาศให้กับนักวิทยาศาสตร์อย่างคงที่
มันกำลังผลักดันพรมแดนแห่งความรู้ เขากล่าว เราทั้งหมดต้องการจะทราบว่าเรามาจากไหน
เอกภพประกอบด้วยอะไรบ้าง และชะตากรรมสุดท้ายของเอกภพเป็นอย่างไร
กล้องโทรทรรศน์ NICER ของนาซาที่ติดตั้งบนสถานีอวกาศนานาชาติมาตั้งแต่ปี
2017 ช่วยให้นักดาราศาสตร์ได้ทำการตรวจสอบขนาดและมวลของดาวนิวตรอนบางดวงได้
แต่สิ่งที่นักดาราศาสตร์สันนิษฐานเกี่ยวกับวัตถุนี้ก็ยังคงมีพื้นฐานมาจากทฤษฎีจำนวนมาก
และการตรวจสอบดาวนิวตรอนด้วยวิธีเข้าถึงแบบใหม่ ก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 6
ปีก่อนจากการตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วง
(gravitational
wave) ได้เป็นครั้งแรก
ซึ่งเกิดขึ้นจากการชนกันของหลุมดำ
แม้ขณะนี้เหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวจะพบได้เป็นประจำ แต่จากการสำรวจคลื่นความโน้มถ่วงที่เกิดจากการควบรวมของดาวนิวตรอน
2 ดวง
ก็ให้ความรู้ใหม่ๆ
มีการทำนายว่าจะเกิดคลื่นความโน้มถ่วงอย่างต่อเนื่อง(continuous
gravitational waves) จากการหมุนรอบตัวของวัตถุหนาแน่นสูงที่ไม่เป็นทรงกลม
อย่างดาวนิวตรอน ซึ่งจะปล่อยพลังงานออกมาในช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า Karl
Wette จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย(ANU)
เปรียบเทียบคลื่นจากการชนที่เราได้สำรวจว่าเป็นเหมือนเสียงร้องของนกที่ดังลั่น
ในขณะที่คลื่นต่อเนื่องนั้นก็เหมือนกับเสียงหึ่งเบาๆ จากผึ้งที่บินอยู่ไกลๆ
ในรายงานฉบับอื่นอธิบายการตามล่าคลื่นต่อเนื่องนี้ว่า
เหมือนกับการพยายามจับเสียงจี๊ดๆ ของหนู ท่ามกลางเสียงวิ่งของโขลงช้างที่แตกตื่น
อย่างไรก็ตาม Susan Scott ศาสตราจารย์จากสำนักวิจัยฟิสิกส์ ANU บอกว่าถ้าเราได้ตรวจพบคลื่นความโน้มถ่วงแบบต่อเนื่องจริงๆ ขนาดและรูปร่างของคลื่นก็น่าจะบอกเราได้มากเกี่ยวกับธรรมชาติของดาวนิวตรอน เช่นว่า สสารแข็งแกร่งแค่ไหนภายใต้สภาวะที่สุดขั้วนี้
เมื่อดาวนิวตรอนก่อตัวขึ้นจากซากซุปเปอร์โนวา
คิดกันว่าความไม่สมมาตรของการระเบิดน่าจะทำให้พวกมันมีความรีเล็กน้อย
คือในทิศทางหนึ่งยาวกว่าอีกทิศทางหนึ่งไม่กี่มิลลิเมตร
สำหรับวัตถุที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ถึง 15
กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม
ความหนาแน่นที่สูงมากและความเร็วในการหมุนรอบตัวเพียงชั่วพริบตาของดาวนิวตรอน
ก็หมายความว่า ความไม่สมบูรณ์แบบ(ของรูปทรงกลม) จะทำให้ปล่อยพลังงานออกมา
เราสามารถประเมินพลังงานที่ดาวนิวตรอนสูญเสียได้ Scott กล่าว ถ้าทั้งหมดอยู่ในรูปของคลื่นความโน้มถ่วง
เราก็สามารถคำนวณขนาดของมันได้จากโลก
ขณะนี้เครื่องตรวจจับมีความไวสูงมากจนเราควรจะจับขีดจำกัดขั้นสูงได้ ถ้าทำได้สำเร็จ
ก็น่าจะเป็นการตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วงครั้งแรกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชนของวัตถุมวลสูงเลย
อย่างไรก็ตาม รายงานสามฉบับก็ตรวจไม่พบ
ความล้มเหลวในการหาคลื่นต่อเนื่องนี้ยิ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่จะจำกัดธรรมชาติของดาวนิวตรอน
Scott ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เขียนมากกว่าพันคนในรายงานฉบับหนึ่งที่เผยแพร่ใน
Astrophysical Journal ซึ่งอธิบายการสำรวจดาวนิวตรอนอายุน้อย
15 ดวง
ที่มีอายุหลายร้อยจนถึงหลายพันปี รายงานระบุว่า ไม่พบหลักฐาน(คลื่นต่อเนื่อง)
นี่บอกว่าดาวนิวตรอนจะต้องเป็นทรงกลมมากกว่าที่แบบจำลองบางงานเสนอไว้ หรือไม่
พวกมันก็สูญเสียพลังงานส่วนใหญ่ในทางอื่น เช่น รังสีเอกซ์ และคลื่นวิทยุที่เปล่งออกจากพัลซาร์
รายงานอีกฉบับที่เกี่ยวข้องกันอธิบายการสำรวจหาคลื่นความโน้มถ่วงจากดาวนิวตรอนในระบบดาวคู่
เมื่อสนามแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงของดาวนิวตรอนมักจะทำให้พวกมันดึงก๊าซออกจากดาวข้างเคียงได้ซึ่งอาจจะสร้างความไม่สม่ำเสมอชั่วคราว
เมื่อวัสดุสารใหม่ๆ ตกลงมา
รายงานฉบับที่สามมุ่งเป้าไปที่ PSR
J0537-6910 ซึ่งผู้เขียนบอกว่า
มีการลดลงของกำลังสว่าง(luminosity) ที่มากที่สุดในบรรดาพัลซาร์ใดๆ
และมักจะแสดงการกระตุกติดขัด(glitches) บ่อยครั้งและรุนแรง
รายละเอียดเหล่านี้ทำให้มันเป็นว่าที่วัตถุที่อาจจะพบคลื่นแบบต่อเนื่อง
ทำให้นักดาราศาสตร์จากทั่วโลกเฝ้าจับตาดู อย่างไรก็ตาม ไม่พบสิ่งใด ซึ่งบอกว่า
คลื่นความโน้มถ่วงได้นำพลังงานจาก PSR J0537-6910 ออกมาไม่ถึง 14% ของพลังงานที่มันกำลังสูญเสียเมื่อหมุนช้าลงอย่างรวดเร็ว
แหล่งข่าว phys.org
: physicists predict neutron stars may be bigger than previously imagined
space.com : city-sized
neutron stars may actually be bigger than we thought
iflscience.com : hunt for
elusive continuous gravitational waves reveals much about nature of neutron
stars
phys.org : gravitational
wave search no hum drum hunt
No comments:
Post a Comment