เส้นทางในภาพนี้แสดงว่าดาวฤกษ์ราว 4 หมื่นดวงซึ่งทั้งหมดอยู่ในระยะทาง 326 ปีแสงจากระบบสุริยะได้เคลื่อนที่ไปทั่วท้องฟ้าในอีก 4 แสนปีข้างหน้าอย่างไรบ้าง
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ทีมที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการไกอาขององค์กรอวกาศยุโรปได้เผยแพร่บัญชีรายชื่อดาวฉบับที่สามและเป็นฉบับที่เที่ยงตรงที่สุด
บัญชีนี้ซึ่งมีชื่อว่า การเผยแพร่ข้อมูลครั้งที่สามช่วงต้น(Early Data
Release 3) ประกอบด้วยพิกัดที่แม่นยำสูงมากของดาวฤกษ์
1,811,709,771 ดวงที่มีอันดับความสว่าง(magnitude)
ระหว่าง 6 ถึง 20 โดยมีความแม่นยำในระดับถึงไม่กี่ส่วนในหลายสิบส่วนของไมโครอาร์ควินาที
ซึ่งเกือบทั้งหมดยังถูกตรวจสอบความสว่างด้วย นอกจากนี้ บัญชีรวมยังพารัลแลกซ์(parallax)
หรือการวัดระยะทาง
และการเคลื่อนที่เฉพาะ(proper motion) บนท้องฟ้าของดาวกลุ่มย่อยที่
1,467,744,818 ดวง
Anthony Brown ประธานกลุ่มความร่วมมือ จากหอสังเกตการณ์ไลเดน
ในเนเธอร์แลนด์ส กล่าวว่า
แน่นอนว่านี่เป็นหนึ่งในบัญชีรายชื่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่จัดทำขึ้นมาในประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์
ยานไกอาของอีซา ได้สแกนท้องฟ้าจากมุมมองที่ไกลจากโลก
1.5 ล้านกิโลเมตร
ในตำแหน่งตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์ ที่จุดลากรันจ์ 2(Lagrangian point 2,
L2) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2014 หลังจากที่ส่งขึ้นสู่อวกาศในช่วงปลายปี 2013
ทีมปฏิบัติการได้เผยแพร่บัญชีรายชื่อที่ปรับปรุงออกมาอย่างสม่ำเสมอ
โดยบัญชีแรกเผยแพร่ในเดือนกันยายน 2016 และจากนั้นก๊เดือนเมษายน
2018 การเผยแพร่ครั้งต่อไปคาดว่าจะเกิดในต้นปี
2022 โดยมีรายงานมากกว่า
3600 ฉบับที่ได้เผยแพร่ออกมาโดยอ้างอิงผลสรุปจากไกอาก่อนหน้านี้
การเผยแพร่ครั้งล่าสุดยังรวมข้อมูลในช่วงเกือบสามปีเต็ม เนื่องจากเส้นฐานที่ใช้เวลานานขึ้น การประเมินพารัลแลกซ์ซึ่งนักดาราศาสตร์ใช้เพื่อหาระยะทางในอวกาศ จึงแม่นยำมากขึ้น 30% จากการเผยแพร่ข้อมูลครั้งสุดท้าย การเคลื่อนที่เฉพาะข้ามท้องฟ้ายังแม่นยำขึ้นเป็นสองเท่าด้วย ข้อมูลยังรวมข้อมูลจากเควซาร์(quasars) 1.6 ล้านแห่ง ซึ่งเป็นหลุมดำที่กลืนกินก๊าซอย่างตะกละตะกลามในกาแลคซีที่ห่างไกล และสุดท้าย ด้วยข้อมูล 10 ปีการตรวจสอบทั้งหมดจึงมีความเที่ยงตรงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในขณะที่ความแม่นยำจากการเคลื่อนที่เฉพาะจะเพิ่มขึ้น 7 เท่า คาดว่าไกอาจะทำงานจนถึง ปี 2025
ในรายงานชุดที่เผยแพร่ใน
Astronomy & Astrophysics กลุ่มความร่วมมือไกอาได้แง้มข้อมูลใหม่ๆ
ออกมาให้ชิมลาง ยกตัวอย่างเช่น ข้อมุลสีของดาวแต่ละดวงในเมฆมาเจลลันใหญ่และเล็ก(Large
and Small Magellanic Clouds) ซึ่งเผยให้เห็นทั้งประชากรดาวอายุมากกว่า(สีแดง)
และอายุน้อยกว่า(สีฟ้ากว่า)
ในสะพานก๊าซที่เชื่อมโยงกาแลคซีบริวารของทางช้างเผือกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดทั้งสองแห่งไว้
ข้อมูลการเคลื่อนที่เฉพาะยังแสดงว่าในขณะที่ LMC กำลังหมุนรอบตัวอย่างมีระเบียบ แต่ดาวหลายดวงใน SMC
ดูจะลอยเข้าหาสะพานมาเจลลัน
การสำรวจเหล่านี้ช่วยส่งอิทธิพลต่อแนวคิดที่ว่ากาแลคซีบริวารเหล่านี้กำลังมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
และกับทางช้างเผือก อย่างไรบ้าง
ด้วยการใช้สีและการเคลื่อนที่เฉพาะของดาวที่ส่วนตรงกันข้ามกับใจกลางกาแลคซี(anticenter)
นักวิทยาศาสตร์ไกอาได้แยกแยะดาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของไกอา-เอนเซลาดัส กาแลคซีบริวารที่ชนและควบรวมกับทางช้างเผือกเมื่อราว
8 ถึง 11 พันล้านปีก่อน Amina Helmi จากมหาวิทยาลัยกรอนิงเงน เนเธอร์แลนด์ส กล่าวว่า
เราสามารถเห็นซากนี้ได้อย่างชัดเจนจนถึงระยะ 65000 ปีแสงจากใจกลางกาแลคซี
ทีมของเธอได้พบกาแลคซีผู้บุกรุกแห่งนี้ในปี 2018
จากการเผยแพร่ข้อมูลไกอาก่อนหน้านี้
การวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ในเบื้องต้นบ่งชี้ว่าดิสก์ของทางช้างเผือกมีขนาดเล็กกว่าปัจจุบันราว
20% ในการผ่านเข้าใกล้ครั้งนั้น
นี่สอดคล้องกับแบบจำลองเสมือนจริงคอมพิวเตอร์ที่แสดงหลักฐานการเจริญของดิสก์หลังจากมีการควบรวมของกาแลคซี
ผลสรุปที่น่าประทับใจอีกอย่างก็คือ
การตรวจสอบความเร่ง(acceleration) ของระบบสุริยะเอง
ในขณะที่ดวงอาทิตย์มีความเร็วการหมุนรอบตัวค่อนข้างคงที่ที่ประมาณ 230 กิโลเมตรต่อวินาที มันกำลังพุ่งเข้าหาใจกลางกาแลคซีอย่างต่อเนื่อง
เป็นสาเหตุให้เกิดการขยับตำแหน่งปรากฏของเควซาร์ที่ใช้อ้างอิง จากข้อมูลใหม่
ทีมไกอาได้ข้อสรุป ความเร่งเข้าสู่ศูนย์กลางอยู่ที่ 7 มิลลิเมตรต่อวินาทีต่อปี
สอดคล้องด้วยดีกับแบบจำลองปัจจุบันว่าด้วยการกระจายมวลในทางช้างเผือก Floor
van Leeuwen จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
สหราชอาณาจักร กล่าวว่า นี่เป็นการตรวจสอบตำแหน่งดาว(astrometry) ที่สุดขั้วมากๆ
สุดท้าย
กลุ่มความร่วมมือไกอายังได้สร้างบัญชีย่อย และภาพยนตร์สามมิติที่เกี่ยวข้อง ของดาว
331,312 ดวงภายในระยะทาง
326 ปีแสงจากดวงอาทิตย์
สำมะโนประชากรท้องถิ่นนี้ทำไปได้มากกว่า 95%
มีแต่เฉพาะดาวแคระขาวที่สลัวอย่างสุดขั้วเท่านั้นที่น่าจะหลุดรอดไป
พื้นที่หลังบ้านของดวงอาทิตย์ ประกอบด้วยกระจุกดาวเปิด(open cluster) 2 แห่ง คือ กระจุกดาวสามเหลี่ยมหน้าวัว(Hyades) และ กระจุกผมของเบเรนีซ(Coma Berenice
cluster) สมาชิกของกระจุกเหล่านี้สามารถจำแนกได้ง่ายโดยมีการเคลื่อนที่เฉพาะร่วมกัน
มีดาวราว 1000 ดวงในกระจุกสามเหลี่ยมหน้าวัว
กระจายในระยะทางเกือบ 100 ปีแสง
เป็นโครงสร้างที่ยืดยาวที่แผ่ไปหลายสิบองศาบนท้องฟ้า
เรารู้แล้วว่ากระจุกสามเหลี่ยมหน้าวัวกำลังกระจัดกระจายออกอันเนื่องจากแรงบีบฉีก(tidal forces) ของทางช้างเผือก
Brown กล่าว
แต่ข้อมูลใหม่ได้ให้ภาพที่แม่นยำมากขึ้น
ประชาคมดาราศาสตร์ทั่วโลกได้รับอนุญาตให้เข้าถึงการเผยแพร่ข้อมูลใหม่ล่าสุดของไกอาครั้งนี้ในเวลา 11.00 นาฬิกาตามเวลามาตรฐาน และก็มีหลายกลุ่มทั่วโลกที่จะทำการวิจัยต่อยอด ตามที่ Gerry Gilmore จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร กล่าวว่า จะมีคลัง(งาน) วิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่มากมาจากไกอา ผลสรุปใหม่จากการเผยแพร่ข้อมูลล่าสุดอาจจะขึ้นบนเวบ arXiv ในช่วงไม่กี่วันนี้ และจะมีอีกมากมายตามมาตลอดช่วงหลายสัปดาห์และหลายเดือน แทบทุกแขนง(ในดาราศาสตร์) ได้ประโยชน์จากปฏิบัติการนี้ Helmi กล่าว ไกอากำลังสร้างความเปลี่ยนแปลง มันกำลังปฏิวัติวงการดาราศาสตร์
แหล่งข่าว skyandtelescope.com
: Gaia makes most accurate 3D map of the Milky Way yet
No comments:
Post a Comment