ภาพจากศิลปินแสดงดาวเคราะห์ทารก(protoplanet) ดวงหนึ่งกำลังก่อตัวขึ้นภายในดิสก์สะสมมวลสาร(accretion disk) ของดาวฤกษ์ทารก(protostar)
ดาวพฤหัสฯ
นั้นประกอบด้วยก๊าซไฮโดรเจนและฮีเลียมเกือบทั้งหมด
แต่ก็ยังมีธาตุที่หนักกว่าธาตุทั้งสองอยู่บ้างในจำนวนเล็กน้อย ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติได้พบว่าเปลือกก๊าซขนาดใหญ่ของดาวพฤหัสฯ
ไม่ได้มีการกระจายตัวที่เป็นเนื้อเดียวกัน เปลือกส่วนในมีโลหะสูงกว่าเปลือกชั้นนอก
โลหะ(metal; ในทางดาราศาสตร์หมายถึงธาตุที่หนักกว่าไฮโดรเจนและฮีเลียม))
ซึ่งรวมๆ แล้วมีมวลระหว่าง 11
ถึง 30 เท่ามวลโลก ซึ่งก็หมายถึงว่า 3 ถึง 9% มวลรวมดาวพฤหัสฯ
เลยทีเดียว ซึ่งมีความเป็นโลหะสูงมากพอที่จะสรุปได้ว่า
อาจจะมีวัตถุก่อตัวดาวเคราะห์ระดับกิโลเมตร มามีบทบาทในการก่อตัวของดาวเคราะห์
งานวิจัยเผยแพร่ใน Astronomy & Astrophysics วันที่ 8 มิถุนายน
เมื่อปฏิบัติการจูโน(Juno) ของนาซา บินไปถึงดาวพฤหัสฯ ในเดือนกรกฎาคม 2016
เราได้เห็นความงามอันน่าตะลึงของดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะของเรา
นอกเหนือจากจุดแดงใหญ่(Great Red Spot) แล้ว
ดาวพฤหัสฯ ก็ยังมีพายุเฮอริเคนอีกมาย
แทบจะทำให้มันมีลักษณะปรากฏเหมือนกับภาพเขียนของวานก๊อก แต่โดยรวมแล้ว
เรายังได้เห็นเพียงแค่ระดับผิวๆ ภาพเมฆและพายุทั้งหมดมีความหนาราว 50 กิโลเมตรในส่วนนอกสุดของชั้นบรรยากาศดาวเคราะห์เท่านั้น
โครงสร้างและรายละเอียดต่างๆ ของดาวพฤหัสฯ ปฏิบัติการจูโนกำลังช่วยเราให้ปะติดปะต่อความเข้าใจเกี่ยวกับภายในของดาวพฤหัสฯ ให้ดีขึ้น
จูโนยังได้รวบรวมข้อมูลซึ่งช่วยเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของเราเกี่ยวกับการก่อตัวและวิวัฒนาการของดาวพฤหัสฯ
ซึ่งกุญแจสู่การก่อตัวและวิวัฒนาการของดาวพฤหัสฯ
ฝังอยู่ลึกในชั้นบรรยากาศซึ่งมีความลึกหลายหมื่นกิโลเมตร หนึ่งในรายละเอียดของปฏิบัติการเป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์แรงโน้มถ่วง
จูโนรับรู้แรงโน้มถ่วงเหนือตำแหน่งต่างๆ บนดาวพฤหัสฯ โดยส่งสัญญาณคลื่นวิทยุไปและกลับระหว่างยานกับสถานีรับสัญญาณบนโลก
กระบวนการนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสนามแรงโน้มถ่วงที่แต่ละจุดและบอกถึงองค์ประกอบภายในของดาวเคราะห์
ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติซึ่งนำโดย Yamila
Miguel ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากหอสังเกตการณ์ไลเดน/SRON(The
Netherlands Institute for Space Reseaerch) ได้พบว่าชั้นก๊าซที่ห่อหุ้มไม่ได้ผสมคลุกเคล้าจนเป็นเนื้อเดียวกันอย่างที่เคยคิดไว้
แต่กลับมีการกระจุกของโลหะ ในทิศทางเข้าสู่ใจกลางดาวเคราะห์ เพื่อหาข้อสรุป
ทีมได้สร้างแบบจำลองทางทฤษฎีจำนวนหนึ่ง เพื่อสอดคล้องกับการสำรวจที่จูโนพบ โดยแบ่งแบบจำลองออกเป็น
2 กลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นแบบจำลองว่าภายในแบ่งได้สามชั้น(3-layer model) และกลุ่มที่สองเป็นแบบจำลองแกนกลางเลือน(diluted
core model)
ทีมได้ศึกษาการกระจายของโลหะเนื่องจากพวกมันจะให้ข้อมูลว่าดาวพฤหัสฯ
ก่อตัวขึ้นได้อย่างไร
โลหะดูจะไม่ได้กระจายตัวสม่ำเสมอเป็นเนื้อเดียวกันทั่วเปลือกก๊าซ
โดยมีสัดส่วนสูงในเปลือกก๊าซส่วนในมากกว่าส่วนนอก ปริมาณโลหะโดยรวมอยู่ที่ระหว่าง 11
ถึง 30 เท่ามวลโลก
ก็มีกลไกสองอย่างที่ดาวเคราะห์ก๊าซยักษ์อย่างดาวพฤหัสฯ
จะได้โลหะมาในระหว่างการก่อตัว
คือ ผ่านการสะสม(accretion) จากก้อนกรวดขนาดเล็กจำนวนมากหรือวัตถุก่อตัวดาวเคราะห์(planetesimal)
ที่มีขนาดใหญ่กว่า(ในระดับกิโลเมตรเป็นต้นไป)
จำนวนหนึ่ง เราทราบว่าเมื่อดาวเคราะห์ทารกมีขนาดใหญ่มากพอ มันจะเริ่มผลักก้อนกรวดออกไป
ซึ่งจะไม่สามารถบรรลุถึงปริมาณโลหะที่มีอุดมสมบูรณ์ภายในดาวพฤหัสฯ ที่ได้พบ
ดังนั้น เราจึงสามารถตัดลำดับเหตุการณ์การก่อตัวจากก้อนกรวดเพียงอย่างเดียวออกไปได้
ในขณะที่วัตถุก่อตัวดาวเคราะห์นั้นมีขนาดใหญ่กว่าจะถูกผลักออกไปได้ ดังนั้น
มันต้องมีบทบาทในการก่อตัว
การค้นพบที่ว่าเปลือกก๊าซส่วนในมีโลหะสูงกว่าส่วนนอก
ก็หมายความว่าปริมาณ(โลหะ) จะลดลงตามขนาดรัศมี แทนที่จะเป็นปริมาณคงที่
ก่อนหน้านี้ เราคิดว่าดาวพฤหัสฯ มีการพาความร้อน(convection) เหมือนกับน้ำเดือด ทำให้มันผสมอย่างสมบูรณ์ Miguel
กล่าว
แต่การค้นพบของเราบอกถึงสิ่งที่ต่างออกไป
เราได้แสดงให้เห็นว่าปริมาณโลหะกระจายไม่เป็นเนื้อเดียวกันในชั้นก๊าซที่ห่อหุ้มดาวพฤหัสฯ
ผู้เขียนเขียนไว้ในรายงาน ผลสรุปของพวกเขาบอกว่าดาวพฤหัสฯ
ยังคงสะสมโลหะในปริมาณมากในขณะที่ก็สะสมชั้นก๊าซห่อหุ้มไฮโดรเจน-ฮีเลียมของมันไปด้วย
ซึ่งค้านกับการทำนายจากแบบจำลองกรวด
แต่โน้มเอียงไปทางแบบจำลองวัตถุก่อตัวดาวเคราะห์ หรือมีการผสมที่ซับซ้อนมากขึ้น
ผลสรุปของทีมยังสามารถขยายสู่การศึกษาดาวเคราะห์ก๊าซนอกระบบ(gas
exoplanet) และความพยายามเพื่อที่จะตรวจสอบความเป็นโลหะของพวกมัน
ผลสรุปของเราจะเป็นรากฐานตัวอย่างสำหรับดาวเคราะห์นอกระบบ
ลักษณะชั้นก๊าซห่อหุ้มที่ไม่เป็นเนื้อเดียวกันจะบอกถึงว่าความเป็นโลหะที่สำรวจพบ
จะเป็นค่าต่ำกว่าความเป็นโลหะโดยรวมของดาวเคราะห์
ในกรณีของดาวพฤหัสฯ
คงไม่มีทางที่จะตรวจสอบความเป็นโลหะของมันได้จากระยะไกล
มีแต่เพียงเมื่อจูโนไปถึงที่นักวิทยาศาสตร์จะตรวจสอบความเป็นโลหะได้โดยอ้อม
ดังนั้นแล้ว ความเป็นโลหะที่ได้จากการสำรวจชั้นบรรยากาศดาวเคราะห์นอกระบบจากระยะไกล
ก็อาจจะไม่ได้แสดงถึงความเป็นโลหะโดยรวมของดาวเคราะห์เลย
เมื่อกล้องเวบบ์เริ่มงานวิทยาศาสตร์ของมัน
หนึ่งในเป้าหมายหลักก็คือตรวจสอบชั้นบรรยากาศดาวเคราะห์นอกระบบและตรวจสอบองค์ประกอบ
จากงานวิจัยนี้ ข้อมูลที่เวบบ์ให้อาจจะไม่ได้บอกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในชั้นลึกๆ
ของดาวเคราะห์ก๊าซยักษ์เลย
ยานจูโนของนาซาจับภาพดาวพฤหัสฯ
ภาพนี้ในระหว่างการบินผ่านเข้าใกล้ดาวเคราะห์ยักษ์ครั้งที่ 40 ของปฏิบัติการเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2022 เงาสีมืดขนาดใหญ่ทางด้านซ้ายของภาพเกิดขึ้นจากดวงจันทร์กานิมีด(Ganymede)
ปฏิบัติการจูโนกำลังช่วยเราให้ปะติดปะต่อความเข้าใจเกี่ยวกับภายในของดาวพฤหัสฯ
ให้ดีขึ้น
ภาพจากศิลปินแสดงดาวเคราะห์ทารก(protoplanet)
ดวงหนึ่งกำลังก่อตัวขึ้นภายในดิสก์สะสมมวลสาร(accretion
disk) ของดาวฤกษ์ทารก(protostar)
นักวิจัยได้สร้างแบบจำลองดาวพฤหัสฯ
ที่แตกต่างกัน 2 อย่าง แบบจำลองภายในแบ่งสามชั้น(3-layer
model) จะมีพื้นที่ที่แบ่งอย่างชัดเจน
โดยมีแกนกลางที่เป็นโลหะ, พื้นที่ตรงกลางที่เต็มไปด้วยไฮโดรเจนโลหะ(metallic
hydrogen) และเปลือกส่วนนอกที่เต็มไปด้วยก๊าซไฮโดรเจน(H2)
ส่วนแบบจำลองแกนกลางเลือน(dilute
core model) โลหะในแกนกลางจะผสมรวมเข้าสู่พื้นที่ตรงกลาง
เป็นผลให้แกนกลางเลือน
แหล่งข่าว phys.org
: Jupiter turns out to be inhomogeneous; metallicity gives clues about origin
sciencealert.com : new
study suggests that a young Jupiter gobbled up plenty of planetesimals
universetoday.com :
Jupiter is up to 9% rock and metal, which means it ate a lot of planets in its
youth
No comments:
Post a Comment