การศึกษาใหม่พบว่า
โลกล้อมรอบด้วยฟองขนาดยักษ์ที่มีความกว้างประมาณหนึ่งพันปีแสง
ที่รอยต่อของฟองผลักดันให้เกิดการก่อตัวดาวฤกษ์อายุน้อยทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียง
เป็นเวลาหลายทศวรรษที่นักดาราศาสตร์ทราบว่าระบบสุริยะอยู่ภายในสิ่งที่เรียกว่า
ฟองท้องถิ่น(Local Bubble) เป็นฟองขนาดยักษ์ที่ล้อมรอบด้วยดาวฤกษ์อายุน้อยหลายพันดวง
อย่างไรก็ตาม ยังมีความคลุมเครือเกี่ยวกับฟองนี้
ตั้งแต่ไม่ทราบขนาดและรูปร่างของมันที่แม่นยำ จนถึงกำเนิดและวิวัฒนาการ
ในการศึกษาใหม่ นักวิจัยได้สำรวจฟองนี้ และพบแง่มุมใหม่ๆ ว่าฟองนี้เกื้อหนุนการก่อตัวดาวใหม่ๆ
ได้อย่างไร
ที่ไม่คาดคิดก็คือ
นักดาราศาสตร์พบว่าพื้นที่ก่อตัวดาวที่อยู่ใกล้ๆ
ทั้งหมดเรียงอยู่ตามพื้นผิวของฟองท้องถิ่นพอดี Catherine Zucker ผู้เขียนนำการศึกษา
นักดาราศาสตร์ที่สถาบันวิทยาศาสตร์กล้องโทรทรรศน์อวกาศ ในบัลติมอร์ กล่าว เรามีการค้นพบนี้บังเอิญโดยสิ้นเชิง
ด้วยการศึกษานี้
พวกเขาได้สร้างแผนที่จุดสำคัญหลักๆ ในละแวกกาแลคซีใกล้กับระบบสุริยะ
พวกเขาได้วิเคราะห์ตำแหน่งในแบบสามมิติ, รูปร่างและการเคลื่อนที่ของก๊าซหนาทึบ
และดาวอายุน้อย ภายในระยะทาง 650 ปีแสงจากดวงอาทิตย์
หนึ่งในความท้าทายที่สุดในงานวิจัยนี้ก็คือ
จำนวนข้อมูลมากมายที่ต้องใช้เพื่อสร้างภาพสามมิติของจริงเพื่อแสดงการก่อตัวดาวบนพื้นผิวฟอง
งานวิจัยเกี่ยวข้องกับการทำแผนที่อวกาศในแบบสามมิติ,
การเคลื่อนที่ในแบบสามมิติ และมิติของเวลา ขณะนี้เราพูดได้ว่า ได้ย้อนเวลากลับไปและดูว่าพื้นที่ก่อตัวดาวเหล่านี้พัฒนาอย่างไรในช่วงพันปีที่ผ่านมา
เมื่อเทียบแล้ว
ความเข้าใจเกี่ยวกับการก่อตัวดาวดั่งเดิมของเราเกือบทั้งหมดมีพื้นฐานมาจากภาพพื้นที่ก่อตัวดาวในแบบสองมิติสถิต
Zucker กล่าวเพิ่ม
การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของดาวอายุน้อยเหล่านี้ได้ช่วยนักวิทยาศาสตร์ได้สร้างห่วงโซ่เหตุการณ์เบื้องหลังการสร้างและการเจริญของฟองท้องถิ่นขึ้นมาอีกครั้ง
พวกเขาได้พบว่าดาวเหล่านี้กำลังเดินทางโดยตรงออกจากพื้นผิวฟอง ซึ่งบอกว่าพวกมันกำลังเคลื่อนที่เนื่องจากฟองกำลังขยายตัวตามเวลา
ภายในฟองมีดาวที่อายุเก่าแก่มากกว่าแต่ไม่มีดวงใดเลยที่มีอายุน้อยกว่า 50 ล้านปี
นักวิจัยได้พบว่ามีซุปเปอร์โนวาชุดหนึ่งประมาณ 15 เหตุการณ์ที่น่าจะเริ่มเกิดขึ้นใกล้กับใจกลางของฟองท้องถิ่นเมื่อราว
14 ล้านปีก่อน
การระเบิดซุปเปอร์โนวาได้สร้างคลื่นกระแทก และต่อมาคลื่นกระแทกที่ขยายตัวนี้ก็ได้กวาดก๊าซเย็นให้เป็นชั้นที่หนา
นั้นก็คือพื้นผิวของฟองท้องถิ่น ซึ่งในขณะนี้ได้ยุบตัวลงก่อตัวดาวฤกษ์ใหม่ๆ
หลายพันดวง Zucker กล่าว
ทุกวันนี้ พื้นที่ก่อตัวดาวและเมฆโมเลกุลที่เป็นที่รู้จักกันดี 7 แห่ง ก็อยู่ตามพื้นผิวฟองนี้ ได้แก่
พื้นที่ก่อตัวดาวกลุ่มดาวคนแบกงู, สุนัขป่า, กิ้งก่าคามิเลียน และแมลงวัน,
พื้นที่ก่อตัวดาวไปป์, พื้นที่ที่กลุ่มดาวมงกุฏใต้ และเมฆโมเลกุลกลุ่มดาววัว
ตำแหน่งฟองท้องถิ่นในทางช้างเผือก
นักดาราศาสตร์ตั้งทฤษฎีมานานแล้วว่าซุปเปอร์โนวาน่าจะกวาดก๊าซไปกองเป็นเมฆหนาทึบที่สุดท้ายจะก่อตัวดาวฤกษ์ใหม่ๆ
แต่นักวิจัยในการศึกษานี้ก็ค่อนข้างประหลาดใจเมื่อได้เรียนรู้ว่า
ดาวฤกษ์ใหม่ดวงเดี่ยวๆ เกือบทุกดวงใกล้ดวงอาทิตย์ ก็กำลังบนพื้นผิวฟองท้องถิ่นนี้
โดยปกติ
เราสามารถอธิบายได้ว่าพื้นที่ก่อตัวดาวฤกษ์ใกล้เคียงทั้งหมดเริ่มต้นได้อย่างไร
และเมื่อทำเช่นนั้น ก็จะให้หลักฐานจากการสำรวจที่ชัดเจนมากๆ
แก่ทฤษฎีการก่อตัวดาวที่ขับดันโดยซุปเปอร์โนวา
ว่าการแตกดับของดาวสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดการก่อตัวของดาวได้ Zucker กล่าว
การค้นพบใหม่ยังบอกว่าซุปเปอร์โนวามีความเกี่ยวข้องกับฟองนี้
ได้ระเบิดประมาณทุกๆ ล้านปี นับตั้งแต่ซุปเปอร์โนวาเหตุการณ์แรกเริ่มต้นเมื่อราว 14
ล้านปีก่อน และเหตุการณ์ล่าสุดอาจจะเกิดเมื่อเพียงไม่กี่ล้านปีก่อน
เราคิดว่าเราทราบว่าซุปเปอร์โนวาที่ทำให้ฟองขยายตัวออกนี้มาจากกลุ่มดาวไหน
ก็คือสองกระจุกเหล่านี้ที่เรียกว่า Upper Centaurus Lupus และ Lower Centaurus Crux ในกลุ่มของดาวที่เรียกว่า Sco-Cen stellar
Association ซึ่งก่อตัวขึ้นใกล้ชิดกันและกันอย่างมากห่างกันเพียง
50 ปีแสง เมื่อราว
15 ถึง 16 ล้านปีก่อน ดังนั้น
ดาวทั้งหมดในกระจุกทั้งสองเหล่านี้จึงมีอายุใกล้เคียงกัน Zucker กล่าว
ดาวในกระจุกทั้งสองก่อตัวขึ้นมาโดยมีช่วงมวลที่แตกต่างกัน จากดาวทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน
กระจุกน่าจะมีดาวใหญ่ที่สุดก็ใหญ่มากพอที่จะระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวาได้
ดาวมวลสูงที่สุดเหล่านั้นเริ่มกลายเป็นซุปเปอร์โนวาก่อนเลย
โดยดาวที่มีมวลสูงน้อยกว่าก็ระเบิดตามๆ กันมา Zucker กล่าว
ในกระจุกน่าจะมีซุปเปอร์โนวาเกิดขึ้นตั้งแต่ 14 ถึง 20 เหตุการณ์
ก็สอดคล้องกับจำนวนการระเบิดที่ต้องใช้เพื่อเป่าฟองท้องถิ่น
ฟองท้องถิ่นไม่ได้สิ้นฤทธิ์
แต่มันขยายตัวอย่างช้าๆ ที่ราว 6.4 กิโลเมตรต่อวินาที
อย่างไรก็ตาม มันได้สูญเสียแรงผลักดันเกือบทั้งหมดไปและมีความเร็วที่คงที่มาก Joao
Alves ผู้เขียนร่วม
นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยแห่งเวียนนา กล่าวในแถลงการณ์ว่า
เมื่อซุปเปอร์โนวาเหตุการณ์แรกที่สร้างฟองท้องถิ่นเริ่มระเบิด
ดวงอาทิตย์ของเรายังอยู่ไกลจากการระเบิด อย่างไรก็ตาม จนเมื่อ 5 ล้านปีก่อน
เส้นทางของดวงอาทิตย์ในทางช้างเผือกก็นำมันผ่านเข้ามาในฟอง
และขณะนี้ดวงอาทิตย์ก็อยู่เกือบใจกลางฟองพอดี
ความจริงที่ว่าดวงอาทิตย์กำลังอยู่ในใจกลางฟองท้องถิ่นพอดี
ได้บอกว่าฟองยักษ์ลักษณะนี้อาจจะพบได้ทั่วไปในทางช้างเผือก ไม่เช่นนั้น
ดวงอาทิตย์ก็ไม่น่าจะมีโอกาสที่ไปอยู่ใจกลางฟองได้ Zucker กล่าว ทางช้างเผือกก็ไม่ต่างจากสวิสชีส
ซึ่งมีโพรงในชีสที่ระเบิดจากซุปเปอร์โนวา และดาวฤกษ์ใหม่ๆ
ก็กำลังก่อตัวอยู่ในเนื้อชีสรอบโพรงที่สร้างโดยดาวที่ตายแล้ว
เป็นไปได้ที่ดวงอาทิตย์และโลกเคยวิ่งผ่านฟองยักษ์ลักษณะนี้หลายแห่งในทางช้างเผือก
Zucker กล่าว
เราคิดว่าเป็นไปได้ที่จะมีซุปเปอร์โนวาอื่นๆ
หรือเพียงแค่ฟองยักษ์ที่เราผ่านเข้าไปก็เป็นได้
แต่ขณะนี้เมื่อดวงอาทิตย์บังเอิญอยู่ตรงกลางฟองท้องถิ่น
เราก็จะมีที่นั่งแถวหน้าสุดที่ได้เห็นการก่อตัวดาวเกิดขึ้นรอบๆ เรา
นักวิทยาศาสตร์วางแผนจะทำแผนที่ตำแหน่ง,
ขนาดและรูปร่างของฟองอื่นๆ ในทางช้างเผือก
ฟองท้องถิ่นอาจจะกำลังมีปฏิสัมพันธ์กับฟองอื่นๆ ในกาแลคซี และเราหวังว่าจะทำแผนที่ฟองอื่นๆ
ในอนาคต Zucker กล่าว เธอยังสงสัยว่าแล้วฟองเหล่านี้จะไปแตะกันที่ไหน
พวกมันจะมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกันอย่างไร
และฟองยักษ์ผลักดันการกำเนิดดาวอย่างดวงอาทิตย์ของเราในทางช้างเผือก อย่างไรบ้าง
ก็น่าจะช่วยให้นักดาราศาสตร์ได้เข้าใจบทบาทที่ดาวที่ตายแล้วมีต่อการให้กำเนิดดาวฤกษ์ใหม่ๆ
และในโครงสร้างและวิวัฒนาการของกาแลคซีอย่างทางช้างเผือก
หนึ่งในความท้าทายที่สุดก็คือการพยายามหาอายุและกระจุกดาวต้นกำเนิดซุปเปอร์โนวาที่สร้างฟองเหล่านี้
เมื่อเราขยับไปไกลจากดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม
ข้อมูลใหม่จากปฏิบัติการไกอา(Gaia) ที่เรียกว่า
Gaia DR3 จะช่วยเราได้
เมื่อมันจะให้การเคลื่อนที่ของดาวราว 30 ล้านดวงในอวกาศสามมิติ
ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการปะติดปะต่อปริศนานี้
นักวิทยาศาสตร์อธิบายการค้นพบออนไลน์วันที่ 12
มกราคม ในวารสาร Nature พวกเขายังนำเสนอผลสรุปในการแถลงข่าวในการประชุมสมาคมดาราศาสตร์อเมริกัน
ด้วย
แหล่งข่าว space.com
: giant galactic bubble is driving star formation, new study finds
sciencedaily.com : 1000-light-year
wide bubble surrounding Earth is source of all nearby, young stars
skyandtelescope.com :
1000-light-year “bubble” is the source of all nearby baby stars
No comments:
Post a Comment