ภาพจากศิลปิน(ซ้าย) แสดงระบบ GW Orionis มีดาวฤกษ์สามดวงอยู่ในใจกลาง แวดล้อมด้วยวงแหวนฝุ่นที่หมุนเอียง 3 วง นักดาราศาสตร์คิดว่าน่าจะมีดาวเคราะห์ที่หาได้ยากซึ่งมีดาวฤกษ์แม่สามดวงอยู่ด้วย
ยิ่งปรากฏหลักฐานมากขึ้นว่า มีระบบดาวประหลาดแห่งหนึ่งที่ตำแหน่งจมูกของกลุ่มดาวนายพราน(Orion)
ว่าอาจจะมีดาวเคราะห์ชนิดที่พบได้ยากที่สุดเท่าที่เคยพบในเอกภพมา
เป็นพิภพแห่งหนึ่งที่กำลังโคจรรอบดวงอาทิตย์สามดวงพร้อมกัน
ระบบดาวแห่งนี้เรียกว่า GW Orionis(เรียกสั้นๆ ว่า GW Ori) อยู่ห่างออกไปราว 1300 ปีแสงจากโลก กลายเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจ
โดยมีวงแหวนฝุ่นสีส้ม 3 วงฝังตัวอยู่ในวงแหวนอีกแห่งหนึ่ง
ระบบแห่งนี้แลดูคล้ายกับตาวัวยักษ์บนท้องฟ้า ที่ใจกลางของตาวัว เป็นดาวฤกษ์ 3
ดวง
โดยสองดวงอยู่ในระบบคู่โคจรในระยะประชิดรอบกันและกัน
และมีดวงที่สามหมุนรอบดาวคู่อยู่ห่างๆ
ไม่เหมือนกับระบบสุริยะของเราซึ่งมีดาวฤกษ์แม่เพียงดวงเดียว
เชื่อกันว่าในทางช้างเผือกดาวฤกษ์กว่าครึ่ง
มีดาวข้างเคียงที่ยึดกันด้วยแรงโน้มถ่วงอยู่กันเป็นคู่(binary) หรือมากกว่าสอง ระบบไตรดาราเช่นนี้พบได้ยากในเอกภพ
แต่ GW Ori ก็ยิ่งประหลาดมากขึ้นเมื่อนักดาราศาสตร์ได้ตรวจสอบมันใกล้ชิดมากขึ้น
ในรายงานปี 2020 ที่เผยแพร่ใน Astrophysical
Journal Letters นักวิจัยได้ตรวจสอบ
GW Ori ด้วย ALMA(Atacama
Large Millimeter/submillimeter Array) ในชิลี
และพบว่าวงแหวนฝุ่นสามวงในระบบแห่งนี้ แท้จริงแล้วเรียงตัวเอียงออกจากกัน
โดยวงในสุดนั้นส่ายอย่างรุนแรงเมื่อมันหมุนไป
ทีมได้เสนอว่ามีดาวเคราะห์อายุน้อยดวงหนึ่ง
หรือดาวเคราะห์ที่กำลังก่อตัว
น่าจะส่งแรงโน้มถ่วงรบกวนการเรียงตัวที่ละเอียดอ่อนของวงแหวนทั้งสาม
ถ้าการตรวจจับนี้ได้รับการยืนยัน มันก็น่าจะเป็นดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์สามดวง(circumtriple
planet) ดวงแรกที่เคยพบมาในเอกภพนี้
ทาทูอีน(Tatooine) จ๋อยไปเลย
ขณะนี้ รายงานฉบับใหม่ที่เผยแพร่ในวารสาร Monthly
Notices of the Royal Astronomical Society วันที่
17 กันยายน
ได้ให้หลักฐานใหม่เอี่ยมย้ำการมีอยู่ของดาวเคราะห์ที่หายากดวงนี้
ผู้เขียนการศึกษาได้ทำแบบจำลองเสมือนจริงสามมิติเพื่อสร้างภาพว่าช่องว่างปริศนาในวงแหวนของระบบดาว
น่าจะก่อตัวขึ้นได้อย่างไร
โดยมีพื้นฐานจากการสำรวจวงแหวนฝุ่นอื่นๆ(หรือดิสก์ก่อตัวดาวเคราะห์)
ในแห่งหนอื่นในเอกภพ
การสำรวจระบบ GW Orionis ของ ALMA (ซ้าย) และ SPHERE(ขวา)
ทีมได้ตรวจสอบสมมุติฐานสองอย่าง ก็คือ รอยแตกในวงแหวนของ
GW Ori ก่อตัวขึ้นจากแรงบิด(torque)
ที่ดาวฤกษ์ทั้งสามที่ใจกลางระบบส่งมาให้
หรือ รอยแตกปรากฏเมื่อมีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งก่อตัวขึ้นภายในหนึ่งในวงแหวนนั้น
นักวิจัยสรุปได้ว่า แรงบิดจากดาวฤกษ์ไม่ได้สร้างความปั่นป่วนมากพอให้กับวงแหวน
แต่แบบจำลองกลับบอกถึงการมีอยู่ของดาวเคราะห์ก๊าซยักษ์ขนาดพอๆ กับดาวพฤหัสฯ
ดวงหนึ่ง หรืออาจจะหลายดวงด้วย
น่าจะเป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้มากกว่าสำหรับรูปร่างและพฤติกรรมที่แปลกของวงแหวนเหล่านั้น
ถ้าการสำรวจระบบแห่งนี้ในอนาคตสนับสนุนทฤษฎีนี้
GW Ori ก็อาจจะเป็นหลักฐานแรกของดาวเคราะห์รอบดาวฤกษ์สามดวงที่เปิดถางช่องว่างให้เห็นจริง
Jeremy Smallwood ผู้เขียนนำการศึกษา
นักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเนวาดา ลาสเวกัส กล่าว
แต่น่าเศร้าถ้ามีผู้สังเกตการณ์บนสิ่งที่อาจเป็นดาวเคราะห์นี้
ไม่น่าจะได้เห็นดวงอาทิตย์ทั้งสามขึ้นและตกลงท้องฟ้า
เมื่อดาวฤกษ์คู่ที่ใจกลางระบบอยู่ในวงโคจรที่ใกล้ชิดกันอย่างมากจนพวกมันน่าจะปรากฏเป็นดาวฤกษ์ใหญ่ดวงเดี่ยว
และดวงที่สามก็วิ่งไปรอบๆ พวกมัน
แต่ถ้ายืนยัน
การมีอยู่ของพิภพแห่งนี้ก็น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าดาวเคราะห์สามารถก่อตัวขึ้นภายใต้สภาวะที่หลากหลายมากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยตระหนักถึง
เมื่อดวงอาทิตย์สามดวงกับวงแหวนฝุ่นที่หมุนส่ายไปส่ายมายังไม่พอที่จะหยุดยั้งการก่อตัวของดาวเคราะห์ได้
มันตื่นเต้นจริงๆ เนื่องจากระบบนี้ทำให้ทฤษฎีการก่อตัวดาวเคราะห์ยิ่งแหวกแนวมากขึ้น
นี่ยังหมายความว่า การก่อตัวดาวเคราะห์เกิดขึ้นได้อย่างคึกคักมากกว่าที่เคยคิดซึ่งก็เป็นเรื่องดี
คาดว่าจะมีการสำรวจด้วย ALMA ในอนาคตอันใกล้นี้
ซึ่งน่าจะให้หลักฐานโดยตรงได้
แหล่งข่าว space.com
: exceptionally rare planet with three suns may lurk in Orion’s nose
phys.org : astronomers
may have discovered first planet to orbit 3 stars
No comments:
Post a Comment