กาแลคซีบริวารทางช้างเผือก คือ เมฆมาเจลลันใหญ่และเล็ก(Large and Small Magellanic Cloud) ปรากฎบนท้องฟ้าเหนือหมู่กล้องโทรทรรศน์ที่ VLT
นักดาราศาสตร์ทราบดีว่าทางช้างเผือกเจริญขึ้นจากการรวบรวมกาแลคซีขนาดเล็กกว่า
แม้แต่ในตอนนี้ ทางช้างเผือกก็กำลังเขมือบกาแลคซีแคระคนยิงธนู(Sagittarius
dwarf) แต่ขณะนี้
ทีมนักวิจัยอิตาเลียนกับดัตช์ ได้แสดงว่า
กาแลคซีเพื่อนบ้านขนาดเล็กของทางช้างเผือกเอง ก็กลืนกาแลคซีที่มีขนาดเล็กกว่าไป
นักวิจัยเผยแพร่การค้นพบในวารสาร Nature Astronomy
จากทฤษฎีการก่อตัวแบบลำดับขั้น(hierarchical
assembly)
กาแลคซีขนาดใหญ่อย่างทางช้างเผือก ก่อตัวขึ้นจากการควบรวมกับกาแลคซีขนาดเล็กกว่า
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
มีหลักฐานเหตุการณ์เหล่านี้พบได้ในทางช้างเผือกต้องขอบคุณดาวเทียมไกอา(Gaia)
ทีมนักวิจัยอิตาเลียน-ดัตช์ที่นำโดย Alessio Mucciarelli จากมหาวิทยาลัยโบโลญญาในอิตาลี
ต้องการจะพิสูจน์สมมุติฐานว่ากาแลคซีขนาดเล็กเองก็เจริญขึ้นจากกาแลคซีที่มีขนาดเล็กกว่าด้วยเช่นกัน
เพื่อทดสอบสมมุติฐาน
นักวิจัยได้ศึกษาเมฆมาเจลลันใหญ่(Large Magellanic Cloud; LMC) ซึ่งเป็นกาแลคซีเพื่อนบ้านของทางช้างเผือก
เมฆมาเจลลันใหญ่และเล็กอยู่ในการเต้นรำที่ซับซ้อนกับทางช้างเผือก บริวารทั้งสองก็โคจรรอบกันและกัน
และทั้งคู่ก็มาโคจรรอบทางช้างเผือกอีกที LMC มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของ SMC และมีมวลรวมที่ 2.5 แสนล้านเท่ามวลดวงอาทิตย์
ซึ่งคิดกันว่ากาแลคซีแคระมวลขนาดนี้ก็น่าจะมีบริวารของมันเองด้วย
ในความเป็นจริง LMC มีกาแลคซีที่สลัวมาก(ultra-faint galaxies)
สี่ถึงหกแห่งเกี่ยวข้อง
ซึ่งอาจจะหมายความว่าครั้งหนึ่งอาจจะเคยมีมากกว่านี้ ในปี 2018 นักดาราศาสตร์พบว่ามีดาวจำนวนหนึ่งใน LMC ที่โคจรสวนทางกับดาวอื่นๆ รอบใจกลางกาแลคซี
ซึ่งพวกเขาสรุปว่าน่าจะเป็นซากจากการควบรวมของกาแลคซีในอดีต
ขณะนี้ ทีม Mucciarelli มุ่งเป้าไปที่กระจุกดาวทรงกลม(globular
cluster) เป็นพิเศษ
กระจุกดาวทรงกลมเป็นกลุ่มของดาวหลายพันจนถึงหลายล้านดวงที่เกาะกลุ่มกันอย่างแออัด
โดยมีดาวอยู่อย่างหนาแน่นในใจกลางกระจุก
แนวคิดก็คือแกนกลางของกระจุกทรงกลมสามารถดำรงอยู่ได้แม้จะผ่านไปหลายพันล้านปีที่เกิดการฉุดลากในกาแลคซี
นักวิจัยได้วิเคราะห์องค์ประกอบเคมีของกระจุกทรงกลม 11 แห่งจาก 60 แห่งของ LMC ซึ่งรวบรวมโดยกล้องโทรทรรศน์ใหญ่มาก(VLT) และกล้องโทรทรรศน์มาเจลลันในชิลี ในบรรดากระจุก 11
แห่งที่ศึกษาว่ามีอายุใกล้เคียงกัน
พบว่ามีแห่งหนึ่งที่มีองค์ประกอบเคมีที่แตกต่างออกไปอย่างมาก เป็นกระจุกดาวทรงกลม NGC
2005 กระจุกแห่งนี้ประกอบด้วยดาวประมาณ
2 แสนดวงและอยู่ห่างออกไป
750 ปีแสงจากใจกลางของ
LMC นอกจากนี้
มันยังมีสังกะสี, ทองแดง, ซิลิกอน และคัลเซียมในระดับที่ต่ำกว่าอีกสิบกระจุก
จากองค์ประกอบเคมีของ NGC 2005 นักวิจัยสรุปว่ากระจุกจะต้องเป็นซากของกาแลคซีขนาดเล็กแห่งหนึ่งที่ก่อตัวดาวขึ้นอย่างช้าๆ
จนเมื่อหลายพันล้านปีก่อน กาแลคซีขนาดเล็กแห่งนี้น่าจะควบรวมกับ LMC ที่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก เมื่อเวลาผ่านไป
กาแลคซีขนาดเล็กแห่งนี้ก็ถูกฉีกออกเกือบทั้งหมด
และดาวของมันเกือบทั้งหมดก็ถูกกระจายออกไป เหลือแต่กระจุก NGC 2005 ไว้
Davide Massari นักวิจัยที่ทำงานในอิตาลี
และมหาวิทยาลัยกรอนิงเงน เนเธอร์แลนด์ส กล่าวว่า
แท้จริงแล้วเรากำลังได้เห็นซากของการควบรวมก่อนหน้านี้
และขณะนี้เราก็ตระหนักเป็นครั้งแรกว่า กาแลคซีเพื่อนบ้านขนาดเล็กของทางช้างเผือก
ก็อาจจะก่อตัวขึ้นจากกาแลคซีที่มีขนาดเล็กลงไปอีกเหมือนกัน
การค้นพบนี้เป็นหลักฐานจากการสำรวจเป็นครั้งแรกว่า กระบวนการเจริญแบบลำดับขั้นก็เกิดขึ้นกับเพื่อนบ้านใกล้สุดของเราด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าว phys.org
: dwarf galaxy catches even smaller galaxy
sciencealert.com :
busted! Astronomers confirm the Large Magellanic Cloud totally ate another
galaxy
No comments:
Post a Comment