ดาวพฤหัสฯ
ไม่ได้โคจรเพียงลำพังในเส้นทางรอบดวงอาทิตย์
ยังมีดาวเคราะห์น้อยอีกสองกลุ่มใหญ่ที่ถูกดักไว้ในบ่อปฏิสัมพันธ์แรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเคราะห์ยักษ์ดวงนี้
กับดวงอาทิตย์ โดยอยู่นำหน้าและตามหลังดาวเคราะห์อ
กลุ่มดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้น ซึ่งเรียกว่า
ดาวเคราะห์น้อยทรอย(Trojans) ดาวพฤหัสฯ
พบมากกว่า 12000 ดวงแล้วในขณะนี้
แต่ก็ยังมีปริศนาที่น่าประหลาดใจอยู่ กล่าวคือ กลุ่มนำ ที่เรียกว่า กลุ่มกรีก
หรือกลุ่ม L4 นั้นมีจำนวนมากกว่า
กลุ่มตามที่เรียกว่า กลุ่มทรอยหรือ L5 พอสมควร
แม้ทั้งสองกลุ่มจะดูมีเสถียรภาพพอๆ กัน ซึ่งขณะนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้พบคำตอบว่า
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระยะทางของดาวพฤหัสฯ จากดวงอาทิตย์ในช่วงแรกๆ ของระบบสุริยะ
พูดให้แคบลงก็คือ การขยับจากตำแหน่งที่อยู่ใกล้กว่าออกมาที่วงโคจรปัจจุบัน
Jian Li นักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยหนานจิง ในจีน กล่าวว่า
เราเสนอว่า การขยับออกอย่างรวดเร็วของดาวพฤหัสฯ อาจรบกวนการเรียงตัวของกลุ่มทรอย
เป็นผลให้กลุ่มที่ L4 ที่การโคจรที่เสถียรกว่ากลุ่มที่
L5 กลไกนี้ซึ่งเหนี่ยวนำให้เกิดเส้นทางวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน
ในทรอยสองกลุ่มที่อยู่ร่วมวงโคจรของดาวพฤหัสฯ กลายเป็นคำอธิบายใหม่ที่เป็นธรรมชาติให้กับการสำรวจที่ไม่มีอคติ
ที่ว่าดาวเคราะห์น้อยใน L4 มีจำนวนมากกว่า
ที่ L5 ประมาณ 1.6
เท่า Li นำทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ โดยรวมถึง Nikolaos
Georgakarakos และนักวิจัยอื่นๆ
จากสหรัฐฯ, ญี่ปุ่นและจีน
L4 และ L5 นั้นหมายถึง จุดลากรองจ์(Lagrange points) ซึ่งเป็นจุดที่เสถียรภาพแรงโน้มถ่วงที่เกิดระหว่างวัตถุ 2 ดวงมีปฏิสัมพันธ์กัน ระบบที่มีวัตถุสองดวงแต่ละแห่งก็มีลากรองจ์ 5 จุด ซึ่งปฏิสัมพันธ์แรงโน้มถ่วงระหว่างวัตถุทั้งสองจะอยู่ในสมดุลกับแรงหนีศูนย์กลาง ที่วัตถุขนาดเล็กจะเคลื่อนไปกับพวกมัน สามในห้านั้นอยู่ตามเส้นที่เชื่อมโยงระหว่างวัตถุทั้งสอง ส่วนที่เหลืออีกสอง คือ L4 และ L5 อยู่ในเส้นทางโคจรของวัตถุขนาดเล็กในปฏิสัมพันธ์วัตถุคู่นี้ L4 นำหน้าและ L5 ตามไป
Lagrage points Sun-Jupiter
ตามงานวิจัยหลายทศวรรษแล้ว
กลุ่มกรีกและกลุ่มทรอยของดาวพฤหัสฯ ก็น่าจะมีจำนวนใกล้เคียงกัน
ประชากรทั้งสองกลุ่มมีคุณสมบัติเกือบเป็นฝาแฝดกัน ในแง่ของเสถียรภาพและความอยู่รอด
แต่กลุ่มกรีกกลับมีจำนวนมากกว่ากลุ่มทรอย เพื่อระบุเหตุผล Li และเพื่อนร่วมงานจึงตัดสินใจทำแบบจำลองวิวัฒนาการในช่วงต้นของดาวพฤหัสฯ
โดยมีพื้นฐานจากสิ่งที่เรียกว่า ความไร้เสถียรภาพของดาวเคราะห์ยักษ์ในช่วงต้น(early
gas-giant instability)
ทฤษฎีบอกว่า ดาวพฤหัสฯ
ก่อตัวขึ้นในตำแหน่งที่แตกต่างจากตำแหน่งปัจจุบันของมัน
แต่ขยับเข้ามาเนื่องจากการรบกวนด้านแรงโน้มถ่วงจากดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ
ที่ช่วงต้นของความเป็นมาของระบบสุริยะ สมมุติฐาน Grand Tack ซึ่งสามารถอธิบายปัญหาหลายอย่างในระบบสุริยะ
ได้บอกว่า ดาวพฤหัสฯ อพยพเข้าหาดวงอาทิตย์ และจากนั้น
ก็ถอยกลับออกไปจนอยู่ในระยะทางปัจจุบัน
จากแบบจำลองของทีม ก็สามารถจำลองความไม่สมมาตรของจำนวนประชากรทรอยทั้งสองกลุ่มขึ้นได้อีกครั้ง
ในระหว่างที่เกิดการอพยพออกนอกอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้กลุ่มทรอยหายไป
ในทางตรงกันข้าม กลุ่มกรีกก็สูญหายในขณะที่มีการอพยพเข้ามา
แบบจำลองของทีมบอกว่าดาวพฤหัสฯ อพยพออกนอกมากกว่าเข้าใน
เป็นผลให้กลุ่มทรอยหายไปมากกว่า กลุ่มกรีกจึงมีประชากรจำนวนมากกว่า
นี่เป็นลำดับเหตุการณ์ที่แตกต่างจากการศึกษางานหนึ่งในปี 2019 ซึ่งพบว่าความไม่สมมาตรนี้เป็นผลที่เกิดจากอพยพเข้าหาเพียงอย่างเดียว
แต่มันสอดคล้องกับสมมุติฐาน Grand tack มากกว่า
แบบจำลองใหม่เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ แต่นักวิจัยก็บอกว่ามันยังค่อนข้างหยาบ งานวิจัยในอนาคตน่าจะทำให้แบบจำลองมีความละเอียดมากขึ้น
เพื่อค้นพบว่า จำนวน, ลำดับ
และความยาวของการอพยพนั้นสอดคล้องกับจำนวนของดาวเคราะห์น้อยหรือไม่ นอกจากนี้
แบบจำลองปัจจุบันยังไม่ได้รวมผลที่อาจมีจากดาวเสาร์, ยูเรนัส หรือเนปจูน เลยสักดวง
ซึ่งควรต้องรวมวัตถุเหล่านี้เพื่อสร้างผลสรุปที่เที่ยงตรงมากขึ้น
และการจำแนกดาวเคราะห์น้อยทรอยเพิ่มเติมขึ้นจะช่วยให้แจกแจงประชากรวัตถุเหล่านี้ได้เที่ยงตรงมากขึ้น
ซึ่งก็จะช่วยปรับการวิเคราะห์ในอนาคตให้ถูกต้องขึ้น
คุณลักษณะของระบบสุริยะในปัจจุบันยังเก็บงำปริศนาที่ยังไขไม่ได้ในการก่อตัวและวิวัฒนาการช่วงต้นไว้
Nikolaos Georgakarakos นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค
อาบู ดาบี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าว
ความสามารถที่จำลองเหตุการณ์หนึ่งจากช่วงต้นของการพัฒนาระบบสุริยะได้สำเร็จ
และปรับใช้ผลสรุปเหล่านั้นกับคำถามในปัจจุบัน ก็จะเป็นเครื่องมือหลักเพื่อนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์และนักวิจัยอื่นๆ
จะใช้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับอรุณรุ่งแห่งพิภพของเราได้มากขึ้น งานวิจัยเผยแพร่ใน Astronomy
& Astrophysics
แหล่งข่าว sciencealert.com
: the mysterious asymmetry of Jupiter’s asteroids may finally be explained
scitechdaily.com : a new
explanation for the mystery of Jupiter’s asymmetrical asteroid swarms
No comments:
Post a Comment