เป็นครั้งแรกที่นักดาราศาสตร์ได้จำแนกระบบคู่ที่หาได้ยากมากแห่งหนึ่ง
ซึ่งมีชะตากรรมที่ในอนาคตข้างหน้าจะกลายเป็นกิโลโนวา(kilonova) ซึ่งเป็นการระเบิดอันเป็นผลจากการชนของดาวนิวตรอนดวงหนึ่ง
นักดาราศาสตร์ได้จำแนกระบบดาวคู่แห่งหนึ่งที่สว่างในช่วงรังสีเอกซ์
และมีมวลสูง
ประกอบกับรายละเอียดวงโคจรที่กลมอย่างน่าพิศวงซึ่งเป็นสิ่งที่ประหลาดในระบบดาวคู่
อยู่ห่างจากโลกออกไป 11400 ปีแสง
ระบบคู่นี้ดูจะก่อตัวเมื่อดาวที่ระเบิดดวงหนึ่งหรือซุปเปอร์โนวาไม่ปัง
คล้ายกับที่ประทัดด้าน
ระบบคู่ที่น่าสนใจมากแห่งนี้จริงๆ
แล้วมีโอกาสพบเพียงหนึ่งในหนึ่งหมื่นล้านแห่ง Andre Nicolas Chene นักดาราศาสตร์ที่ศูนย์วิจัย NOIRLab ของมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ และผู้เขียนร่วมการศึกษาใหม่
กล่าวในแถลงการณ์ ในระบบคู่ CPD-29 2176 ซุปเปอร์โนวาแบบไม่ปังหรือที่เรียกว่า
ultra-stripped supernova ทิ้งดาวนิวตรอนอยู่กับดาวข้างเคียงในระบบคู่ที่โคจรในระยะประชิด
ซึ่งเป็นดาวที่นักวิจัยเองก็ทำนายว่า วันหนึ่งข้างหน้ามันจะกลายเป็นดาวนิวตรอนเช่นกัน
จึงกลายเป็นตัวอย่างระบบดาวแห่งแรกสุดที่จะนำไปสู่การสร้างกิโลโนวา
ซึ่งเป็นการระเบิดเมื่อดาวนิวตรอนสองดวงชนและควบรวมกัน
แม้ว่ากิโลโนวาจะถูกพบเป็นครั้งแรกในปี 2017
นักดาราศาสตร์ก็เพียงได้แต่บันทึกผลจากเหตุการณ์นี้
ต้องขอบคุณการสำรวจคลื่นแสงและคลื่นความโน้มถ่วง
งานวิจัยใหม่จึงเป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ได้จำแนกระบบคู่ที่พวกเขาทราบว่ามันจะไปจบที่ระเบิดเป็นกิโลโนวา
ยิ่งกว่านั้น
นักดาราศาสตร์เคยคิดว่าน่าจะมีระบบลักษณะนี้เพียงหนึ่งหรือสองแห่งในกาแลคซีกังหันที่คล้ายทางช้างเผือกของเรา
แต่นักวิจัยจากการศึกษาล่าสุดเพิ่มการประมาณการไปที่ 10 แห่ง การสำรวจเหล่านี้จะช่วยพวกเขาให้เข้าใจประวัติ,
วิวัฒนาการและการตายของดาวแบบเงียบผิดปกติในระบบลักษณะดังกล่าวนี้ได้
Chene กล่าวในแถลงการณ์ว่า บางครั้ง
นักดาราศาสตร์ก็สงสัยถึงสภาวะที่แน่ชัดที่สุดท้ายจะนำไปสู่กิโลโนวา
ผลสรุปใหม่เหล่านี้จึงแสดงให้เห็นว่า อย่างน้อยในบางกรณี
ดาวนิวตรอนพี่น้องสองดวงก็อาจจะควบรวมกัน
เมื่อหนึ่งในนั้นถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีซุปเปอร์โนวาในแบบที่เราคุ้นเคย
ดาวฤกษ์ในระบบ CPD-29 2176 มีมวลสูง โคจรรอบดาวนิวตรอนทุกๆ 60 วัน นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังงานวิจัยล่าสุดได้ศึกษาดาวฤกษ์นี้เพื่อให้เข้าใจการก่อตัวของระบบดาวปัจจุบัน
เช่นเดียวกับอาจจะเผยถึงอนาคตของมันด้วย
Clarissa Pavao นักศึกษาปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยการบิน เอมบรี-ริดเดิล ในอริโซนา
ได้พบระบบแห่งนี้ในขณะที่กลั่นกรองข้อมูลที่ได้จากหอสังเกตการณ์ เซร์โร โทโลโล
อินเตอร์-อเมริกัน(CTIO)
ในชิลีเมื่อไปที่สำนักงานของ Noel
Richardson ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์และดาราศาสตร์ที่
เอมบรี-ริดเดิล
เพื่อขอข้อมูลวิจัย ก็บังเอิญที่ Richardson มีข้อมูลจาก CTIO อยู่จากดาวฤกษ์สว่างสีฟ้าดวงหนึ่งที่เรียกว่าดาวฤกษ์ชนิด
บีอี(Be-type star) บีอีดวงนี้อยู่ในตำแหน่งบนท้องฟ้าใกล้กับอีกแหล่งที่สร้างรังสีเอกซ์
แสงวาบนั้นซึ่งเรียกว่า soft gamma repeater
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เธอกำลังพล๊อตสเปคตรัมของดาวในคู่ ซึ่งวิเคราะห์ว่าดาวเปล่งแสงในช่วงความยาวคลื่นที่จำเพาะมากน้อยแค่ไหน
หลังจากกำจัดสัญญาณรบกวน(noise) ในข้อมูล
เธอก็พบเส้นสเปคตรัมเส้นหนึ่ง ซึ่งบอกว่าดาวมวลสูงอยู่ในวงโคจร 60 วันที่กลมอย่างมาก
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ปกติในระบบดาวคู่
นี่เป็นการค้นพบครั้งสำคัญที่ช่วยทีมให้สรุปได้ว่าดาวนิวตรอนจบชีวิตจากซุปเปอร์โนวาที่ล้มเหลว
โดยปกติ เมื่อดาวดวงหนึ่งในระบบคู่เผาไหม้ไฮโดรเจนและใกล้สิ้นสุดสถานะวิถีหลัก(main-sequence
stage) มันจะเริ่มถ่ายเทมวลไปให้กับดาวข้างเคียง
การระเบิดที่จะจบชีวิตก็มักจะผลักดาวข้างเคียงออกจากระบบ
หรืออยู่ในวงโคจรที่มีความรีสูง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดในระบบที่น่าสนใจแห่งนี้
เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่อาจเกิดขึ้นให้ดีขึ้น
Richardson ได้ร้องขอไปที่
Jan J. Eldridge จากมหาวิทยาลัยออกแลนด์
ซึ่งเชี่ยวชาญระบบดาวคู่และวิวัฒนาการ นักดาราศาสตร์ได้ใช้แบบจำลองหลายพันงานเพื่ออธิบายระบบดาวคู่ที่คล้ายระบบแห่งนี้
ซึ่งพบเพียงสองงานที่สอดคล้องกับระบบที่พบ จากนั้น
ทีมก็ตามรอยประวัติความเป็นมาของดาวและสรุปพฤติกรรมของมัน
โดยเป็นไปตามวิถีที่ดาวมวลสูงเกือบทั้งหมดเป็นเมื่อหมดเชื้อเพลิงลง
แต่ในช่วงยุติชีวิต ดาวได้ถ่ายเทมวลสารให้กับดาวข้างเคียงจนกลายเป็นดาวมวลต่ำ
ที่มีแกนกลางฮีเลียม
เมื่อดาวสูญเสียมวลมากเกินไปจนซุปเปอร์โนวาที่ยุติชีวิตของมันไม่ได้มีพลังงานมากพอที่จะผลักวงโคจรของดาวคู่หูให้มีรูปร่างรีมากขึ้นอย่างที่พบในระบบคู่ที่คล้ายๆ
กัน ดาวที่ตายลงยังไม่มีพลังงานมากพอที่จะผลักคู่หูออกจากระบบ
ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดาวทั้งสองยังคงมีวงโคจรที่แนบชนิดกันต่อไป Richardson กล่าวในแถลงการณ์ สุดท้าย
ดาวบีอีก็จะจบชีวิตกลายเป็นดาวนิวตรอนในซุปเปอร์โนวาล้มเหลวที่คล้ายกัน
สร้างระบบคู่ดาวนิวตรอนซึ่งมีการสลายตัวของวงโคจรจนทำให้เกิดการชนของดาวนิวตรอนขึ้น
ซึ่งอาจจะสร้างทั้งดาวนิวตรอนมวลหนัก หรือหลุมดำขึ้นได้
นอกเหนือจากการเรียนรู้เกี่ยวกับกิโลโนวาให้มากขึ้น
งานวิจัยใหม่ยังช่วยนักดาราศาสตร์ให้เข้าใจกำเนิดของธาตุที่หนักมากที่สุดในเอกภพบางส่วน
ซุปเปอร์โนวาแบบเงียบเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ล้านปีก่อน
และนักดาราศาสตร์ก็คาดว่าระบบ CPD-29 2176 จะยังคงเป็นเช่นนี้ไปอีกอย่างน้อย
1 ล้านปี
แบบจำลองได้แสดงว่า ดาวข้างเคียงเองก็จะเหมือนกับดาวนิวตรอนหลัก
ที่จะกลายเป็นซุปเปอร์โนวาเปลือย และสุดท้ายยุบตัวกลายเป็นดาวนิวตรอนอีกดวงหนึ่ง
ในอีกหลายล้านปีต่อจากนี้
ทีมทำนายว่าดาวนิวตรอนทั้งสองจะค่อยๆ หมุนวนเข้าหากันและกันอย่างช้าๆ
จนสุดท้ายชนกัน และสร้างกิโลโนวาขึ้นมา
การระเบิดลักษณะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นแหล่งของธาตุหนักจำนวนมหาศาล
อย่างทองคำขาว(platinum), ซีนอน(xenon),
ยูเรเนียม(uranium) และทองคำ ซึ่งจะกระจายไปทั่วเอกภพ Richardson
กล่าว
นักดาราศาสตร์สงสัยมานานแล้วว่าโลหะหนักที่ปล่อยออกมาจากเหตุการณ์ลักษณะนี้จะล่องลอยในตัวกลางระหว่างดวงดาว(interstellar
medium) จนกว่าจะไปเกาะกับดาวเคราะห์น้อย
และจากนั้นก็ระดมชนโลกเมื่อเพิ่งก่อตัวขึ้น และนำส่งโลหะมีค่าที่เราได้พบในปัจจุบัน
กิโลโนวาที่พบในปี 2017(จากเหตุการณ์ GW170817) เพียงเหตุการณ์เดียวก็สร้างโลหะมีค่ามากถึง 100
เท่ามวลโลกออกมา ดังนั้น
จึงดูเหมือนการเป็นซุปเปอร์โนวาที่ล้มเหลว ไม่ใช่การสูญเปล่าสำหรับเอกภพแต่อย่างใด
งานวิจัยใหม่เผยแพร่ในวารสาร Nature ฉบับวันที่
1 กุมภาพันธ์
แหล่งข่าว space.com
- astronomers identify 1st twin stars doomed to collide in kilonova
explosion
scitechdaily.com –
supernova fizzles out: rare twin star system discovered with a weirdly circular
orbit
iflscience.com –
astronomers discover a “one-in-10-billion” kilonova-in-waiting for first time
sciencealert.com – super-rare star
system is a giant cosmic accident waiting to happen
No comments:
Post a Comment