พื้นผิวที่ปุปะไปด้วยหลุมอุกกาบาตของไมมาส(ซ้าย) บอกถึงประวัติที่เย็นเยือก แต่การแกว่งในการหมุนรอบตัว(libration) ของดวงจันทร์ได้กำจัดภายในที่เป็นเนื้อเดียวกัน(homogeneous interior) กลับเป็นว่า ไมมาสจะต้องมีภายในที่เป็นหิน และชั้นถัดออกมาเป็นมหาสมุทร(option A) หรือเยือกแข็งจนหมดแต่มีแกนกลางรูปร่างไม่ปกติ(option B) มหาสมุทรดูจะสอดคล้องกับลักษณะการส่าย แต่ก็ยากจะประสานกับธรณีวิทยาของไมมาส
เมื่อนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยเซาธ์เวสต์พบหลักฐานที่น่าประหลาดใจว่า
ดวงจันทร์วงในสุดที่มีขนาดเล็กที่สุดของดาวเสาร์ ก็อาจจะสร้างความร้อนได้เพียงพอที่จะค้ำจุนมหาสมุทรของเหลวภายในดวงจันทร์นี้
แถลงการณ์จากสถาบันวิจัยเซาธ์เวสต์(SwRI)
ในซานอันโตนิโอ เทกซัส
บอกว่าแบบจำลองเสมือนจริงล่าสุดเพื่อศึกษาแอ่งการชนเฮอร์เชล(Herschel
impact basin) ซึ่งเป็นรายละเอียดที่โดดเด่นที่สุดบนพื้นผิวที่ปุปะไปด้วยหลุมอุกกาบาตของไมมาส(Mimas)
พร้อมกับการขาดแคลนการแปรสัณฐาน(tectonics)
บนไมมาส
ได้สนับสนุนการมีมหาสมุทรของเหลวอายุน้อย(ในทางธรณีวิทยา) ภายในดวงจันทร์
โดยมีเปลือกน้ำแข็งบางๆ ล้อมรอบ การค้นพบเหล่านี้เผยแพร่ในวารสาร Geophysical
Research Letters วันที่ 26
ธันวาคม 2022
ในช่วงรุ่งเรืองของปฏิบัติการคาสสินีสู่ดาวเสาร์ ยานได้จำแนกการส่าย(libration)
ที่น่าสงสัยจากการหมุนรอบตัวของไมมาส
ซึ่งบ่อยครั้งที่ชี้ถึงวัตถุที่ยังมีกิจกรรมทางธรณีวิทยาที่สามารถค้ำจุนมหาสมุทรข้างใน
Alyssa Rhoden ผู้เขียนร่วมการศึกษาใหม่
และนักวิทยาศาสตร์ที่ SwRI กล่าวในแถลงการณ์
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการส่าย
แต่พื้นผิวที่ปุปะไปด้วยหลุมอุกกาบาตของไมมาสเดิมเคยชักนำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าดวงจันทร์นี้เป็นก้อนน้ำแข็งทึบ
สาเหตุเพราะพิภพที่มีมหาสมุทรเกือบทั้งหมด เช่น เอนเซลาดัส(Enceladus) ดวงจันทร์อีกดวงของดาวเสาร์ ดูจะมีรอยเลื่อนและแสดงสัญญาณกิจกรรมธรณีวิทยาแบบอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม กลับไม่พบรอยเลื่อนใดๆ บนไมมาส
ไมมาสดูไม่น่าจะใช่พิภพมหาสมุทร
โดยที่มันมีพื้นผิวน้ำแข็งที่ปุปะด้วยหลุมอุกกาบาตอย่างหนัก
และยังมีรอยแผลเป็นหลุมอุกกาบาตจากการชนครั้งใหญ่แห่งหนึ่ง
ซึ่งทำให้ดวงจันทร์ขนาดเล็กดวงนี้ดูเหมือนกับ เดธสตาร์(Death Star) จากภาพยนตร์ สตาร์วอร์ส(Star Wars) อย่างมาก Rhoden กล่าว ถ้าไมมาสมีมหาสมุทร
มันก็จะเป็นตัวแทนของพิภพมหาสมุทรที่ไร้ร่องรอยขนาดเล็กกลุ่มใหม่
ที่มีพื้นผิวที่ไม่ได้บ่งชี้ถึงการมีของมหาสมุทรเลย
เมื่อจำลองการก่อตัวของแอ่งการชนเฮอร์เชล
นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่าเปลือกน้ำแข็งของไมมาสมีความหนาอย่างน้อย 55 กิโลเมตรในระหว่างที่เกิดการชนขึ้น ในขณะเดียวกัน
การสำรวจไมมาสและแบบจำลองความร้อนภายใน ก็บอกว่าเปลือกน้ำแข็งในปัจจุบันของมันมีความหนาไม่ถึง
30 กิโลเมตร
การตรวจสอบเหล่านี้ได้บอกว่ามหาสมุทรภายในอาจจะอุ่นและขยายตัวนับตั้งแต่ที่แอ่งได้ก่อตัวขึ้น
ยิ่งกว่านั้น
นักวิจัยยังสามารถสร้างรูปร่างแอ่งนี้ได้อีกครั้งก็เฉพาะเมื่อรวมมหาสมุทรภายในเข้าไว้ในแบบจำลองเท่านั้น
เราพบว่าเฮอร์เชลไม่สามารถก่อตัวขึ้นบนเปลือกน้ำแข็งที่มีความหนาระดับปัจจุบันได้โดยไม่ทำลายเปลือกน้ำแข็งที่พื้นที่ชน
Adeene Denton ผู้เขียนนำในการศึกษา
และนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยอริโซนา กล่าวในแถลงการณ์
ถ้าไมมาสมีมหาสมุทรในทุกวันนี้
เปลือกน้ำแข็งก็จะต้องบางลงมานับตั้งแต่การก่อตัวเฮอร์เชล
ซึ่งก็จะสามารถอธิบายการขาดแคลนรอยเลื่อนบนไมมาสได้ ถ้าไมมาสเป็นพิภพมหาสมุทร
ดวงจันทร์นี้ก็มีส่งผลอย่างมากสู่การก่อตัว, วิวัฒนาการ
และความสามารถในการเอื้ออาศัยได้(habitability) ของดวงจันทร์ขนาดกลางทั้งหมดของดาวเสาร์
แบบจำลองใหม่เหล่านี้ท้าทายความเข้าใจในปัจจุบันของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับวิวัฒนาการความร้อน-การโคจร Rhoden กล่าวว่า
การปรับสถานะของไมมาสให้เป็นพิภพมหาสมุทร
น่าจะทำให้แบบจำลองการก่อตัวและวิวัฒนาการของมันกลายเป็นเกณฑ์เปรียบเทียบ
นี่น่าจะช่วยให้เราได้เข้าใจวงแหวนดาวเสาร์ และดวงจันทร์ขนาดกลางได้ดีขึ้น
เช่นเดียวกับโอกาสที่ดวงจันทร์มหาสมุทรเหล่านี้อาจจะเอื้ออาศัยได้
โดยเฉพาะในระบบยูเรนัส ไมมาสจึงเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมในการศึกษาต่อไป
แหล่งข่าว space.com
: Saturn’s moon Mimas may be a “stealth” ocean world
phys.org : investigations
reveal more evidence that Mimas is a stealth ocean world
No comments:
Post a Comment