ภาพจากศิลปินแสดง 2020 AV2 ดาวเคราะห์น้อยดวงแรกที่พบว่ามีวงโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวศุกร์
นักดาราศาสตร์ได้สร้างแบบจำลองประชากรดาวเคราะห์น้อย และแบบจำลองเหล่านั้นก็ทำนายว่าจะมีดาวเคราะห์น้อยขนาดประมาณ 1 กิโลเมตรที่โคจรอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวศุกร์ แต่ปัญหาก็คือ ไม่มีใครหาเจอจนถึงตอนนี้
นักดาราศาสตร์ที่ทำงานกับ Zwicky
Transient Facility(ZTF) บอกว่าสุดท้ายพวกเขาก็ได้พบแล้วหนึ่งดวง
แต่ดวงนี้ใหญ่กว่าที่ประมาณ 2 กิโลเมตร
ถ้าการมีอยู่ของมันได้รับการยืนยัน ดังนั้นแล้ว
แบบจำลองประชากรดาวเคราะห์น้อยก็อาจจะต้องมีการอัพเดท
รายงานฉบับใหม่ที่นำเสนอผลสรุปนี้เผยแพร่ใน arXiv เวบไซท์ก่อนตีพิมพ์รายงานวิชาการ ในหัวเรื่อง “A
kilometer-scale asteroid inside Venus’s orbit”
ผู้เขียนนำคือ Wing-Huen Ip ศาสตราจารย์ด้านดาราศาสตร์ที่สถาบันดาราศาสตร์
มหาวิทยาลัยกลางแห่งชาติ ไต้หวัน
ดาวเคราะห์น้อยที่เพิงค้นพบใหม่มีชื่อว่า 2020
AV2 มีระยะทางที่ไกลที่สุดจากดวงอาทิตย์เพียง
0.65 หน่วยดาราศาสตร์
และมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 กิโลเมตร
การค้นพบนั้นเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจเนื่องจากแบบจำลองได้ทำนายว่าจะไม่มีดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่อย่างนี้ภายในวงโคจรดาวศุกร์
นี่อาจจะเป็นหลักฐานของประชากรดาวเคราะห์น้อยกลุ่มใหม่เอี่ยม
หรือมันอาจจะเป็นเพียงดวงที่ใหญ่ที่สุดในประชากรกลุ่มนี้
ผู้เขียนเขียนไว้ว่า
ถ้าการค้นพบนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญทางสถิติ 2020 AV2 ก็อาจจะมาจากประชากรดาวเคราะห์น้อยแหล่งที่ยังไม่ถูกพบภายในวงโคจรของดาวศุกร์
และขณะนี้แบบจำลองประชากรดาวเคราะห์น้อยที่ใช้งานกันก็ต้องมีการอัพเดท
มีดาวเคราะห์น้อยที่พบแล้วประมาณ 1 ล้านดวงและเกือบทั้งหมดอยู่เลยวงโคจรของโลกออกไป
มีเพียงส่วนน้อยๆ ที่มีวงโคจรทั้งปวงภายในวงโคจรของโลก
แบบจำลองได้ทำนายว่าจะมีประชากรที่มีจำนวนน้อยลงไปอีกในวงโคจรดาวศุกร์
ซึ่งเรียกดาวเคราะห์น้อยว่า วาติรัส(Vatiras) 2020 AV2 ถูกพบโดย ZTF ในวันที่ 4 มกราคม 2020 การสำรวจติดตามผลด้วยกล้องโทรทรรศน์พาโลมาร์ขนาด 60
นิ้ว และกล้องที่คิตต์พีคขนาด 84
นิ้ว รวบรวมข้อมูลได้มากขึ้น
ภาพ 2020 AV2 (A) ภาพที่ค้นพบ 2020 AV2 ในช่วง r-band 30 วินาทีเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2020 วัตถุอยู่ในวงกลม (B) ภาพรวมประกอบจากภาพที่ค้นพบ 2020 AV2 ในช่วง r-band 30 วินาทีจำนวน 4 ภาพนำมาซ้อนทับกันบนพื้นหลังกินเวลา 22 นาทีโดยรวม ดาวเคราะห์น้อยเคลื่อนที่ 1 องศาต่อวันในทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือ
และในช่วงใกล้สิ้นเดือนมกราคม
นักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์เคกเพื่อทำการสำรวจสเปคตรัม
ข้อมูลได้แสดงว่าดาวเคราะห์น้อยมาจากพื้นที่ส่วนในของแถบดาวเคราะห์น้อยหลัก(main
asteroid belt) ซึ่งอยู่ระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัสฯ
ข้อมูลเหล่านี้บอกถึงองค์ประกอบที่คล้ายดาวเคราะห์น้อยชนิดเอส(S-type
asteroid) แบบซิลิเกต
ซึ่งสอดคล้องกับกำเนิดจากแถบหลักส่วนในที่ซึ่งพบดาวเคราะห์น้อยชนิดเอสได้มากที่สุด
พวกเขายังกล่าวเสริมว่ามันสอดคล้องกับแบบจำลองดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก(NEA)
ซึ่งทำนายดาวเคราะห์น้อยที่มีปัจจัยการโคจรอย่าง
2020 AV2 ว่าน่าจะกำเนิดจากแถบหลักส่วนใน
2020 AV2 จึงอาจเป็นตัวตอกย้ำแบบจำลอง
หรือไม่ก็ ขัดแย้งกับแบบจำลอง เมื่อแบบจำลอง NEA ทำนายดาวเคราะห์ในวงโคจรดาวศุกร์ซึ่งไม่น่ามีขนาดเกิน
1 กิโลเมตร
บอกว่า 2020 AV2 เป็นหนึ่งในดาวเคราะห์น้อยในวงโคจรดาวศุกร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ผู้เขียนเขียนไว้ มันอาจจะเป็นดวงที่ใหญ่ที่สุดซึ่งก็สมเหตุสมผลเพราะดวงที่ใหญ่ที่สุดก็น่าจะเป็นดวงแรกที่ถูกพบ
หรือ ยังมีพวกมันอีกมากที่เรายังไม่พบ
ผู้เขียนคิดว่าน่าจะมีลำดับเหตุการณ์สองอย่างที่เกี่ยวข้องกับการตรวจพบ 2020
AV2
สเปคตรัมของ 2020 AV2 จาก Low Resolution Imaging Spectrometer(LRIS) บนกล้องเคก แสดงว่า 2020 AV2 เป็นดาวเคราะห์น้อยชนิด S(S-type siliceous asteroid) ซึ่งเป็นดาวเคราะห์น้อยที่พบได้มากที่สุดเป็นอันดับสองในระบบสุริยะ พบได้มากในพื้นที่ส่วนในของแถบดาวเคราะห์น้อยหลัก
แม้จะมีความเป็นไปได้ที่ต่ำ แต่คำอธิบายการค้นพบ 2020 AV2 ว่าเป็นเรื่องบังเอิญจากประชากรดาวเคราะห์น้อยกลุ่มใกล้โลก อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ได้แสดงว่าการค้นพบวัตถุชนิดใหม่ครั้งแรก มักจะบ่งชี้ถึงประชากรแหล่งอื่น เช่น แถบไคเปอร์(Kuiper Belt) จากการค้นพบวัตถุในแถบไคเปอร์ดวงแรกๆ 1992 QB1 และ 1993 FW
ยังเป็นไปได้ว่า 2020 AV2 ไม่ได้มีกำเนิดในแถบดาวเคราะห์น้อยหลัก
แบบจำลองแสดงว่ามีพื้นที่แห่งหนึ่งภายในวงโคจรดาวพุธ
ที่อาจจะมีดาวเคราะห์น้อยอยู่อย่างกระจัดกระจาย 2020 AV2 อาจจะมีกำเนิดจากแหล่งของดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่านี้
เช่น ใกล้กับพื้นที่แห่งเสถียรภาพภายในวงโคจรดาวพุธที่ประมาณ 0.1 ถึง 0.2 AU ซึ่งดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่อาจจะก่อตัวขึ้นและอยู่รอดตลอดอายุของระบบสุริยะได้
2020 AV2 อาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ในวงโคจรปัจจุบันนี้
ทีมนักวิจัยได้ทำแบบจำลองเสมือนจริง
และแสดงว่าดาวเคราะห์น้อยอาจจะถูกผลักออกจากระบบสุริยะได้โดยสิ้นเชิง แบบจำลองเสมือนจริงพลวัต
N-body ของ 2020
AV2 บ่งชี้ว่าวงโคจรของมันจะเสถียรได้ประมาณ
10 ล้านปี
เข้าสู่กำทอนกับดาวเคราะห์หินและดาวพฤหัสฯ ชั่วคราว
ก่อนที่วงโคจรของมันจะพัฒนาไปสู่เส้นทางการผ่านเข้าใกล้กับดาวเคราะห์ก๊าซยักษ์ซึ่งจะนำให้มันถูกดีดออกจากระบบสุริยะในที่สุด
ภาพแสดงพื้นที่สองแห่งซึ่งพบดาวเคราะห์น้อยเกือบทั้งหมดในระบบสุริยะคือ ที่แถบดาวเคราะห์น้อยหลัก(asteroid belt) ซึ่งอยู่ระหว่างวงโคจรดาวอังคารและดาวพฤหัส และกลุ่มทรอย(the Trojans) ซึ่งเป็นดาวเคราะห์น้อยสองกลุ่มที่เคลื่อนที่อยู่ห่างและตามหลังดาวพฤหัสฯ ในวงโคจรดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์
เมื่อ 2020 AV2 ถูกพบเป็นครั้งแรก
นักวิทยาศาสตร์ต้องประหลาดใจกับการเดินทางที่มันจะต้องผ่านพบก่อนที่จะมาถึงที่นั้น
พวกเขายังสงสัยกับชะตากรรมสุดท้ายของมัน George Helou ผู้อำนวยการบริหารศูนย์ดาราศาสตร์ IPAC ที่คาลเทค และผู้นำร่วม ZTF กล่าวว่า การข้ามออกจากวงโคจรดาวศุกร์จะต้องเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
หนทางเดียวที่มันจะหลุดออกจากวงโคจรของมันก็คือถูกเหวี่ยงออกผ่านปฏิสัมพันธ์แรงโน้มถ่วงกับดาวพุธหรือดาวศุกร์
แต่เป็นไปได้มากว่าสุดท้ายมันจะไปชนกับหนึ่งในดาวเคราะห์สองดวงนี้
ถ้าการค้นพบนี้เป็นเพียงดวงแรกในประชากรดาวเคราะห์น้อยกลุ่มใหม่เอี่ยมภายในวงโคจรดาวศุกร์
พวกมันก็น่าจะมีชะตากรรมร่วมกัน ในอีกประมาณ 10 ถึง 20 ล้านปี
ทั้งหมดก็จะถูกผลักออกไป
แหล่งข่าว sciencealert.com
: astronomers have discovered a surprise asteroid orbiting closer to the Sun
than Venus
universetoday.com :
astronomers have discovered a 2-km asteroid orbiting closer to the Sun than
Venus
No comments:
Post a Comment