นักวืจัยที่สถาบันเพื่อดาราศาสตร์และดาราศาสตร์ฟิสิกส์
ในเจอรมนี ได้พบหลักฐานที่บอกว่าดาวนิวตรอนดวงจิ๋ว ในใจกลางซากซุปเปอร์โนวา HESS
J1731-347 ซึ่งอยู่ห่างออกไปมากกว่า
8 พันปีแสงในกลุ่มดาวแมงป่อง(Scorpius)
แท้จริงแล้วอาจจะเป็นดาวสเตรงจ์(strange)
ในรายงานที่เผยแพร่ในวารสาร Nature
Astronomy Victor Doroshenko, Valery Suleimanov, Gerd Pühlhofer และ Andrea Santangelo ได้อธิบายความพยายามครั้งใหม่ในการคำนวณระยะทางสู่ดาวดวงนี้ใหม่
และการค้นพบคุณลักษณะที่บอกว่ามันอาจจะเป็นดาวชนิดที่น่าพิศวง
งานวิจัยก่อนหน้านี้ได้แสดงว่า ดาวสเตรงจ์น่าจะดูคล้ายกับดาวนิวตรอนอย่างมก
แต่น่าจะสัดส่วนของควาร์กสเตรงจ์มากกว่า
อันเนื่องมาจากอนุภาคเสี้ยวอะตอมแตกเป็นองค์ประกอบย่อย(ควาร์ก) ตามทฤษฎีบอกว่า
ดาวสเตรงจ์น่าจะมีสัดส่วนของควาร์ก อัพ(up),
ดาวน์(down)
และสเตรงจ์เท่าๆ กัน หมายเหตุ
ควาร์กแบ่งได้เป็น 6 ชนิดที่แตกต่างกันหรือ
flavors คือ อัพ,
ดาวน์, ชาร์ม(charm), สเตรงจ์, ท๊อป(top) และบอททอม(bottom)
สำหรับตอนนี้ HESS J1731-347 ถูกระบุว่าเป็นดาวนิวตรอนก็จริง
แต่ก็ไม่ปกติเนื่องจากมันที่ต่ำกว่ามวลดวงอาทิตย์
ตามทฤษฎีบอกว่าดาวนิวตรอนควรจะมีมวลไม่ต่ำกว่า 1.1 เท่ามวลดวงอาทิตย์
ซึ่งเป็นผลให้ประชาคมวิทยาศาสตร์บางส่วนเริ่มสงสัยว่า HESS J17231-347 อาจจะเป็นดาวสเตรงจ์ หรือไม่
เมื่อดาวฤกษ์มวลสูง(มากกว่า 8 เท่ามวลดวงอาทิตย์) ถึงบั้นปลายชีวิต และพ่ายแพ้ต่อแรงโน้มถ่วง
แกนกลางของมันจะยุบตัวลงภายใต้แรงดันที่สูงจนโปรตอนและอิเลคตรอนในอะตอมรวมกันกลายเป็นนิวตรอน
บีบอัดจนเป็นทรงกลมขนาดเพียงสิบกว่ากิโลเมตร
ดาวนิวตรอนที่เพิ่งเกิดใหม่นี้จะมีความหนาแน่นสูงมากจนมวลสารเพียงหนึ่งช้อนชาอาจจะหนักได้ถึง
4 พันล้านตัน
การก่อตัวของแกนกลาง(ดาวนิวตรอน)
เหนี่ยวนำให้เกิดคลื่นกระแทกที่ระเบิดดาวออกกลายเป็นซุปเปอร์โนวา
เหลือทิ้งไว้แค่แกนกลางที่มีมวลมากกว่ามวลดวงอาทิตย์ Doroshenko กล่าวว่า ดาวนิวตรอนมวล 0.8 เท่าดวงอาทิตย์จึงทำให้คนส่วนใหญ่ในแขนงวิชานี้ตะขิดตะขวงใจ
โปรตอนและนิวตรอน ประกอบขึ้นด้วยควาร์กอัพและดาวน์เกาะกลุ่มสามเส้าซึ่งเป็นการเรียงตัวมาตรฐานของสสารปกติ อย่างไรก็ตาม ภายใต้สภาวะที่สุดขั้ว จะเหลือแต่พลาสมาที่เป็นควาร์ก-กลูออน(gluon; อนุภาคที่นำแรงนิวเคลียร์แบบแรง และทำหน้าที่เหมือนกาวทำให้โปรตอนและนิวตรอนเกาะกันในนิวเคลียสได้)
นักวิทยาศาสตร์คิดว่าดาวนิวตรอนมีสภาพเป็นชั้นๆ ตามที่แสดงในภาพอธิบายนี้ สถานะของสสารในแกนกลางส่วนในยังคงเป็นปริศนา
ควาร์กอาจจะปรับเปลี่ยนสถานะไปตามสภาวะสุดขั้วได้
โดยเฉพาะแบบจำลองได้ทำนายการเรียงตัวที่เสถียรจากควาร์กสเตรงจ์
ซึ่งเป็นควาร์กดาวน์ในแบบที่หนักกว่า ตามแบบจำลองบอกว่าเมื่อดาวยุบตัวลง
สสารทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นควาร์กสเตรงจ์
เพื่อค้นหาความจริง
นักวิจัยใช้ความพยายามครั้งใหม่เพื่อตรวจสอบระยะทาง
พวกเขาใช้ข้อมูลจากการสำรวจทำแผนที่ของไกอา(Gaia) พร้อมทั้งข้อมูลใหม่เมื่อพบดาวดวงหนึ่งที่อยู่ภายในซากซุปเปอร์โนวา
เพื่อคำนวณระยะทางจากโลกถึงดาวประหลาดนี้ใหม่อีกครั้ง
พวกเขาพบว่ามันอยู่ใกล้มากกว่าที่งานวิจัยก่อนหน้านี้ได้บอกไว้
การค้นพบทำให้ต้องคำนวณขนาดและมวลของมันใหม่ โดยพบว่าดาวจะมีรัศมี 10.4 กิโลเมตร และมวลเพียง 0.77 เท่าดวงอาทิตย์ ซึ่งนำไปสู่คำถามว่ามันจะยังคงถูกจำแนกเป็นดาวนิวตรอนต่อไปหรือไม่
นักวิจัยบอกว่าดาวดวงนี้ไม่เพียงน่าพิศวง แต่มันยังอาจจะจำแนกเป็นดาวสเตรงจ์ได้
ยังคงต้องการงานวิจัยเพิ่มขึ้นก่อนที่ประชาคมวิทยาศาสตร์อวกาศจะได้ข้อสรุป
ถ้าเป็นจรืง HESS J1731-347 ก็น่าจะเป็นดาวสเตรงจ์ดวงแรกที่ยืนยันได้
และทฤษฎีเบื้องหลังการมีอยู่ของมัน ก็จะได้รับการยืนยันด้วย ในทางตรงกันข้าม
ถ้าพบว่าไม่ใช่ดาวสเตรงจ์ ก็อาจจะต้องกลับไปทบทวนทฤษฎีเกี่ยวกับดาวนิวตรอนเสียใหม่
แหล่งข่าว phys.org
: neutron star HESS J1731-347 may be a “strange” star
iflscience.com : lightest
known neutron star ever found might be a “strange” new stellar object
sciencealert.com :
mysterious object may be a “strange
star” made out of quarks,
scientists say
skyandtelescope.com :
lightest neutron star ever? Maybe, maybe not
No comments:
Post a Comment