Abell 370
กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลได้จับแสงจากดาวฤกษ์ดวงหนึ่งซึ่งเกิดระเบิดเมื่อกว่า
1.15 หมื่นล้านปีก่อน
เมื่อเอกภพมีอายุไม่ถึงหนึ่งในห้าของอายุปัจจุบันที่ 1.38 หมื่นล้านปี
นี่เป็นภาพซุปเปอร์โนวาในรายละเอียดที่เกิดตั้งแต่ช่วงแรกๆ
ในความเป็นมาของเอกภพ
งานวิจัยน่าจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้เรียนรู้เพิ่มเติมขึ้นเกี่ยวกับการก่อตัวของดาวและกาแลคซีในเอกภพยุคต้น
ภาพซุปเปอร์โนวายังมีความพิเศษมากเมื่อพวกมันแสดงการระเบิดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น
Wenlei Chen ผู้เขียนคนแรกในรายงาน
และนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่วิทยาลัยฟิสิกส์และดาราศาสตร์ มหาวิทยาลัยมินเนโซตา
อธิบายว่า พบซุปเปอร์โนวาตั้งแต่ช่วงเริ่มระเบิดใหม่ๆ ค่อนข้างยาก
เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวนั้นสั้นมากๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมงจนถึงไม่กี่วัน
และก็อาจจะหาไม่เจอแม้ว่าจะเกิดขึ้นใหม่ๆ ก็ตาม แต่ในภาพเดียวนี้
เราได้เห็นเหตุการณ์ที่ไล่เรียงตามเวลา
นี่เป็นไปได้เพราะปรากฏการณ์ประหลาดที่เรียกว่า เลนส์ความโน้มถ่วง(gravitational
lensing) ซึ่งถูกทำนายเป็นครั้งแรกโดยทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ ในกรณีนี้
แรงโน้มถ่วงที่รุนแรงของกระจุกกาแลคซี Abell 370 ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 4 พันล้านปีแสง ทำหน้าที่เป็นเลนส์ในอวกาศ
บิดเบนและขยายแสงจากซุปเปอร์โนวาที่ห่างไกลออกไปซึ่งอยู่เบื้องหลังกระจุกกาแลคซีแห่งนี้
การบิดห้วงอวกาศยังสร้างการระเบิดแบบพหุภาพ(multiple
images) ตลอดช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
แต่ทั้งหมดมาถึงโลกในเวลาเดียวกันและจับภาพไว้ได้ภาพฮับเบิลเพียงภาพเดียวนี้(ในวันเดียวกันของเดือนธันวาคม
2010)
ซึ่งเป็นไปได้พหุภาพเกิดขึ้นเนื่องจากแสงจากซุปเปอร์โนวาใช้เส้นทางผ่านกระจุกที่แตกต่างกัน
แสงใช้เส้นทาง 3 เส้นที่มีความยาวแตกต่างกันเพื่อข้าม
“หุบ” ห้วงอวกาศที่บิดเบี้ยว เมื่อแสงจากถึงฮับเบิล
ซุปเปอร์โนวาจึงปรากฏเป็นวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน 3 ช่วง
ภาพซุปเปอร์โนวาจับการเปลี่ยนแปลงสีของซุปเปอร์โนวาที่ค่อยๆ
เย็นตัวลงในแต่ละภาพฉาย ปรากฏเป็นสีที่แตกต่างกันเล็กน้อย
สีอมฟ้าหมายถึงว่าซุปเปอร์โนวาร้อน ในสถานะแรกสุดจึงเป็นสีฟ้า
เมื่อซุปเปอร์โนวาเย็นตัวลงแสงจะมีสีอมแดงมากขึ้น Patrick Kelly ผู้นำการศึกษา และผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยฟิสิกส์และดาราศาสตร์
มหาวิทยาลัยมินเนโซตา กล่าวว่า คุณจะเห็นสีที่แตกต่างกันในภาพฉายทั้งสามภาพ
คุณมีดาวฤกษ์มวลสูง, แกนกลางของมันยุบตัวลง, สร้างคลื่นกระแทก, ร้อนขึ้น
และจากนั้นก็เห็นมันเย็นตัวลงในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์เศษ
ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
การวิเคราะห์แสงจากภาพฉายแต่ละภาพ
เผยให้เห็นกลุ่มแสงที่ขยายตัวจากซุปเปอร์โนวาตลอดช่วง 8 ปี
โฟตอนที่ใช้เส้นทางตรงที่สุดมาที่กล้องฮับเบิลแสดงซุปเปอร์โนวาหลังจากแกนกลางยุบตัวลงผ่านไป
6 ชั่วโมงเท่านั้น
ส่วนโฟตอนในภาพอีกสองภาพใช้เส้นทางที่ยาวนานและแสดงซุปเปอร์โนวาเดียวกัน
แต่เป็นช่วงเวลา 2 วันและ 8
วันให้หลัง ตามลำดับ
ภาพฉายทั้งสามภาพแสดงการเย็นตัวของซุปเปอร์โนวาอย่างช้าๆ ในเวลา 8 วันจากอุณหภูมิร้อนแรงกว่า 1 แสนเคลวิน จนเย็นเพียง 1 หมื่นเคลวินเท่านั้น
และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่นักดาราศาสตร์สามารถตรวจสอบขนาดของดาวที่กำลังจบชีวิตในเอกภพยุคต้นได้
อ้างอิงจากความสว่างของซุปเปอร์โนวาและอัตราการเย็นตัวลง
ซึ่งทั้งสองอย่างขึ้นอยู่กับขนาดของดาวฤกษ์ต้นกำเนิดซุปเปอร์โนวา การสำรวจของฮับเบิลแสดงว่า
เป็นซุปเปอร์โนวาที่เกิดจากดาวซุปเปอร์ยักษ์แดงทั่วไปที่มีขนาด 500 เท่ารัศมีดวงอาทิตย์
Chen, Kelly และทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติได้พบซุปเปอร์โนวานี้เพื่อกลั่นกรองข้อมูลในคลังฮับเบิล
เพื่อมองหาเหตุการณ์ที่เกิดชั่วคราว(transient events) Chen ได้เขียนอัลกอริทึมให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ด้วยตัวเอง
เพื่อหาเหตุการณ์เหล่านี้
แต่กลับจำแนกซุปเปอร์โนวาเหตุการณ์เดียวที่ฉายพหุภาพได้เพียงแห่งเดียว รายงานของทีม
“Shock cooling of a red-supergiant supernova at redshift 3 in lensed
images”
เผยแพร่ในวารสาร Nature ฉบับวันที่ 10
พฤศจิกายน
Chen และ Kelly มีเวลาการสำรวจที่ขอไว้กับกล้องเวบบ์แล้วเพื่อสำรวจซุปเปอร์โนวาที่ห่างไกลมากขึ้นไปอีก
พวกเขาหวังว่าจะสามารถทำบัญชีรายชื่อซุปเปอร์โนวาที่ห่างไกลมากๆ
เพื่อช่วยนักดาราศาสตร์ให้เข้าใจว่าดาวที่มีอยู่เมื่อหลายพันล้านปีก่อนนั้น แตกต่างจากดาวในเอกภพใกล้เคียงอย่างไรบ้าง
ในขณะที่ดาวเกิดระเบิดไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่ปกติอะไร
แต่นี่เป็นภาพซุปเปอร์โนวาเหตุการณ์ที่สองที่ถูกขยายด้วยเลนส์ความโน้มถ่วงที่พบในภาพชุดจากการสำรวจ
Frontier Field ของกล้องฮับเบิล
ภาพซุปเปอร์โนวาอีกเหตุการณ์ที่พบก่อนหน้านี้คือ ซุปเปอร์โนวาเรฟดาล(Supernova
Refdahl) ด้วยการใช้ซุปเปอร์โนวาทั้งสอง
ทีมของ Chen ก็สามารถประเมินว่าในเอกภพยุคดังกล่าวมีดาวกำลังตายลงมากน้อยแค่ไหน
ผลก็คือ
เมื่อเอกภพมีอายุเพียงไม่กี่พันล้านปี(เรดชิพท์ 3) มีดาวประมาณ 8 ดวงที่น่าจะกลายเป็นซุปเปอร์โนวาทุกๆ
หนึ่งหมื่นปีภายในห้วงอวกาศขนาด 3 ล้านปีแสงที่แต่ละด้าน
จำนวนดังกล่าวสอดคล้องกับทฤษฎี(จากการสำรวจดาวที่อยู่ใกล้กว่า) ว่าดาวฤกษ์ก่อตัว
และสุดท้ายตายอย่างไร Robert Kirshner จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ผู้เชี่ยวชาญซุปเปอร์โนวาและเอกภพวิทยา กล่าวว่า
ด้วยอัตรานี้แม้สถิติจะมาจากวัตถุเพียง 2 แหล่ง
แต่ก็แสดงได้ว่าวัตถุก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
และมันก็เปิดเส้นทางสู่การสำรวจการกำเนิดและการตายของดาวมวลสูงที่เรดชิพท์ 3
อย่างจริงจัง
แหล่งข่าว hubblesite.org
: Hubble captures 3 faces of evolving supernova in early universe
esa_hubble.org : Hubble
captures three faces of evolving supernova in early universe
sciencealert.com :
astronomers captured the incredibly rare sight of a star mere hours after it
exploded
skyandtelescope.com :
Hubble spies supernova in early universe
No comments:
Post a Comment