ภาพรวมประกอบแสดงกาแลคซี 58 แห่งที่เกาะกลุ่มกันเป็นว่าที่กระจุกใน “แถบที่ต้องระวัง” เบื้องหลังทางช้างเผือก วงกลมเส้นประสีแดงระบุพื้นที่ใจกลางรัศมี 6 อาร์คนาที เส้นสีเขียวบ่งชี้ตำแหน่งของสลิต(slit) ยาว 2 ที่ และสี่เหลี่ยมสีแดงแสดงกาแลคซี 5 แห่งที่สำรวจ
นักดาราศาสตร์ได้ตรวจพบโครงสร้างนอกทางช้างเผือกขนาดมหึมา
ซ่อนอยู่เลยใจกลางทางช้างเผือกในพื้นที่อวกาศที่ต้องละเว้น
พื้นที่แห่งนี้ซึ่งเรียกกันว่า แถบที่ต้องระวัง(zone of avoidance) เป็นส่วนว่างในแผนที่เอกภพของเรา ซึ่งมีอยู่ราว 10
ถึง 20% บนท้องฟ้า
เหตุผลที่เราไม่สามารถมองมันได้(อย่างน้อยก็ด้วยกล้องโทรทรรศน์ช่วงที่ตาเห็น)
ก็เพราะพื้นที่ใจกลางที่ป่องของทางช้างเผือกปิดกั้นการมองของเราไว้
ใจกลางของทางช้างเผือกนั้นเต็มไปด้วยดาว, ฝุ่นและวัสดุสารอื่นที่ทำให้แสงจากแถบต้องระวังนี้
กระเจิงหรือดูดกลืนก่อนที่จะมาถึงโลก
อย่างไรก็ตาม
นักวิจัยก็มีโชคมากขึ้นเมื่อใช้กล้องโทรทรรศน์ช่วงอินฟราเรดเพื่อไขความลับของพื้นที่ดังกล่าว
การสำรวจแถบที่ต้องระวังในช่วงอินฟราเรดได้พบหลักฐานของกาแลคซีหลายพันแห่งที่ส่องสว่างผ่านหมอกทึบในระนาบกาแลคซีทางช้างเผือกนี้
แม้ว่าจะไม่ค่อยทราบถึงโครงสร้างขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นมากนัก แต่ก็พอจะมี เช่น
โครงสร้างขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Great Attractor กระจุกกาแลคซีใหญ่แห่งหนึ่งที่กำลังดึงทางช้างเผือกเข้าไปหา
ก็อยู่ในทิศทางดังกล่าว
ขณะนี้
นักวิจัยได้รวมข้อมูลจากการสำรวจอินฟราเรดในพื้นที่นี้หลายงานเพื่อเผยให้เห็นโครงสร้างขนาดใหญ่โตที่สุดอีกแห่ง(แต่ยังเล็กกว่า
Great Attractor) ในแถบที่ต้องระวัง
การศึกษาเผยแพร่ในฐานข้อมูล arXiv.org วันที่
28 ตุลาคม
แต่ยังไม่ผ่านการทบทวนโดยผู้รู้เสมอกัน(peer-review) แต่ก็นำเสนอเผยแพร่ใน Astronomy &
Astrophysics
โครงสร้างปริศนาซึ่งเรียกว่า VVVGCl-B
J181435-381432 ปรากฏเหมือนเป็นกระจุกกาแลคซีขนาดใหญ่ที่ยึดเกาะอยู่ด้วยกันโดยจุดศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงร่วม
ด้วยการใช้การสำรวจจาก VVV ซึ่งเป็นโครงการสำรวจเพื่อศึกษาส่วนป่องที่ใจกลางทางช้างเผือกในช่วงอินฟราเรดโดยใช้
Visible and Infrared Survey Telescope for Astronomy ในชิลี
ผู้เขียนการศึกษาได้พบหลักฐานว่ามีกาแลคซีอย่างน้อย 58 แห่งที่เกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันในจุดเล็กๆ
แห่งหนึ่งในแถบที่ต้องระวังนี้
กระจุกกาแลคซีเป็นโครงสร้างที่ยึดเกาะกันด้วยแรงโน้มถ่วงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอกภพ
กระจุกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมาประกอบด้วยกาแลคซีหลายแสนแห่งแออัดอยู่ด้วยกัน
แต่โชคร้ายที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่ากระจุกที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้มีมวลหรือความกว้างแค่ไหน
เนื่องจากระยะทางที่ห่างไกลและการปิดกั้นอย่างรุนแรงระหว่างโลกกับดาวในกระจุกแห่งใหม่นี้
ทีมยังสำรวจติดตามผลโดยใช้กล้องโทรทรรศน์เจมิไนใต้เพื่อศึกษากาแลคซี
5 แห่งที่เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งในกระจุกใหม่นี้เพื่อหาตรวจสอบเรดชิพท์(redshifted)
ได้ที่ระยะห่างออกไป 3 พันล้านปีแสงจากโลก ซึ่งประเมินมวลคร่าวๆ ได้ที่ 45 ถึง 50 เท่ามวลทางช้างเผือก
ใกล้เคียงกับมวลกระจุกกาแลคซีอื่นจากช่วงเวลาเดียวกันนี้
อย่างไรก็ตาม
การตรวจพบวัตถุขนาดมหึมานี้ได้แสดงว่าแถบที่ต้องระวังอาจจะไม่ได้ต้องห้ามอย่างที่เคยคิดกันไว้
การศึกษาในช่วงอินฟราเรดในอนาคต ซึ่งรวมถึง
การสำรวจจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์
ซึ่งได้ใช้กล้องอินฟราเรดของมันเพื่อถ่ายภาพเอกภพห้วงลึกที่สุดเท่าที่เคยทำมา
ก็น่าจะช่วยนักวิทยาศาสตร์ไขความลับที่ซ่อนอยู่หลังส่วนป่องใจกลางทางช้างเผือกได้ ทีมนักวิจัยประกอบด้วยสมาชิกจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติ
ที่ซานฮวน อาร์เจนตินา, มหาวิทยาลัยกลางแห่งริโอกรันเด โดซูลในบราซิล
และมหาวิทยาลัยอันเดรส เบลโล ในชิลี
แหล่งข่าว space.com
: scientists discover massive “extragalactic
structure” behind
the Milky Way
iflscience.com : hidden
structure discovered behind the Milky Way “zone
of avoidance”
No comments:
Post a Comment