GLASS-z12
เพียงไม่กี่วันหลังจากเริ่มต้นทำงานวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการ กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์ก็ผลักดันนักดาราศาสตร์ไปจนถึงพรมแดนแห่งกาแลคซียุคต้น ที่เคยซ่อนตัวพ้นจากเงื้อมมือของกล้องโทรทรรศน์อื่นๆ ใด
ขณะนี้
กล้องเวบบ์เผยให้เห็นเอกภพอันรุ่มรวยซึ่งกาแลคซีแห่งแรกๆ
ที่กำลังก่อตัวขึ้นนั้นมีความแตกต่างอย่างมากกับกาแลคซีเต็มวัยที่พบเห็นรอบตัวเราในปัจจุบัน
นักวิจัยได้พบกาแลคซีสว่างอย่างมาก 2 แห่งที่ปรากฏอยู่ราวสามร้อยและสี่ร้อยล้านปีหลังจากบิ๊กแบงเท่านั้น
ความสว่างที่สุดขั้วของพวกมันสร้างความมึนงงให้กับนักดาราศาสตร์
กาแลคซีอายุน้อยเหล่านี้กำลังเปลี่ยนก๊าซให้กลายเป็นดาวฤกษ์ใหม่ๆ
เร็วที่สุดเท่าที่พวกมันจะทำได้ และมีลักษณะขนาดกะทัดรัดเป็นรูปทรงกลมหรือจานแบน
ที่เล็กกว่าทางช้างเผือกของเราอย่างมาก
การก่อตัวดาวอาจจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่หนึ่งร้อยล้านปีหลังจากบิ๊กแบง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ
13.8 พันล้านปีก่อน
ทุกๆ สิ่งที่เราได้เห็นเป็นของใหม่เอี่ยม
เวบบ์กำลังแสดงให้เราเห็นว่ามีเอกภพที่รุ่มรวยเกินกว่าที่เราจะจินตนาการถึงได้ Tommaso
Treu จากมหาวิทยาลัยคาลิฟอร์เนีย
ที่ลอสแองเจลิส(UCLA) ผู้นำร่วมโครงการสำรวจจากกล้องเวบบ์งานหนึ่ง
กล่าว และอีกครั้งที่เอกภพสร้างความประหลาดใจให้กับเรา
กาแลคซียุคต้นเหล่านั้นมีความไม่ปกติในหลายๆ ทาง
ผลสรุปนี้มาจากการสำรวจ GLASS-JWST
Early Release Science Program(Grism Lens-Amplified Survey from Space) และ CEERS(Cosmic Evolution Early Release
Science Survey) รายงานการวิจัยสองฉบับที่นำทีมโดย
Marco Castellano จากสถาบันเพื่อดาราศาสตร์ฟิสิกส์แห่งชาติ
ในกรุงโรม อิตาลี และ Rohan Naidu จากศูนย์ฮาร์วาร์ดสมิธโซเนียนเพื่อดาราศาสตร์ฟิสิกส์(CfA) และสถาบันเทคโนโลจีแห่งแมสซาชูเสตต์(MIT)
เผยแพร่ใน Astrophysical Journal
Letters
เพียงใช้เวลาวิเคราะห์แค่สี่วัน
นักวิจัยก็ได้พบกาแลคซีที่สว่างอย่างมาก 2 แห่งในภาพ
GLASS-JWST กาแลคซีเหล่านี้ปรากฏอยู่เมื่อ
450 และ 350
ล้านปีหลังจากบิ๊กแบงเท่านั้น(เรดชิพท์ราว
10.5 และ 12.5
ตามลำดับ) ซึ่งการตรวจสอบสเปคตรัมด้วยกล้องเวบบ์ในอนาคตจะช่วยยืนยันระยะทาง
แต่จากความจริงที่ว่าทีมวิจัยสองทีมซึ่งใช้การวิเคราะห์ที่แตกต่างกันกับชุดข้อมูลเดียวกัน
ได้ค่าระยะทางเท่ากัน ก็เพียงพอที่จะยืนยันแล้ว
ด้วยเวบบ์
เราต้องประหลาดใจเมื่อพบแสงที่ห่างไกลที่สุดเท่าที่มีใครเคยเห็นมา ในเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากเวบบ์เผยแพร่ข้อมูลแรกของมันออกมา
Rohan Naidu กล่าวถึงกาแลคซี
GLASS ที่ไกลกว่า(GLASS-z12)
ซึ่งเชื่อว่าปรากฏอยู่เมื่อ 350
ล้านปีหลังจากบิ๊กแบงเท่านั้น
ผู้ยึดครองสถิติก่อนหน้านี้ GN-z11 ปรากฏอยู่เมื่อ
400 ร้อยล้านปีหลังจากบิ๊กแบง(เรดชิพท์
11.1) ซึ่งจำแนกในปี
2016 โดยกล้องฮับเบิลและกล้องเคก
จากโครงการสำรวจท้องฟ้าห้วงลึก
อ้างอิงจากการทำนายทั้งปวง
เราคิดว่าเราจะต้องสำรวจอวกาศมากกว่านี้เพื่อหากาแลคซีลักษณะนี้ Castellano
กล่าว
วัตถุที่สว่างและห่างไกลจนไม่น่าเชื่อเหล่านี้อาจจะไม่ใช่เข็มในมหาสมุทร การสำรวจนี้เลยทำให้ผมแทบหัวระเบิด
นี่เป็นบทใหม่ในด้านดาราศาสตร์ เป็นเหมือนกับขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อจู่ๆ
คุณก็ได้พบนครที่สาบสูญไป หรือบางสิ่งที่คุณไม่เคยรู้เกี่ยวกับมันมาก่อน ทำเอาอึ้ง
Paola Santini ผู้เขียนคนที่สี่ในทีม
Castellano et al. กล่าว
ในขณะที่ยังคงต้องยืนยันระยะทางถึงแหล่งยุคต้นเหล่านี้โดยการตรวจสอบสเปคตรัม
แต่ความสว่างที่สุดขั้วของพวกมันกลับเป็นปริศนาของจริง
ท้าทายความเข้าใจของเราเกี่ยวกับการก่อตัวกาแลคซี Pascal Oesch จากมหาวิทยาลัยเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ระบุ
การสำรวจของเวบบ์ดึงให้นักดาราศาสตร์เข้าสู่ข้อสรุปว่ามีกาแลคซีในเอกภพยุคต้นจำนวนสูงผิดปกติ
ที่สว่างกว่าที่เคยคาดไว้
นี่ทำให้มันง่ายขึ้นที่เวบบ์จะค้นหากาแลคซีที่ห่างไกลออกไปอีกในการสำรวจท้องฟ้าห้วงลึก
Garth Illingworth จากยูซี
ซานตาครูซ กล่าวว่า เราพบเรื่องที่น่ามหัศจรรย์
กาแลคซีเหล่านี้จะต้องเริ่มตั้งต้นขึ้นมาอาจจะเพียง 100 ล้านปีแรกหลังจากบิ๊กแบงเท่านั้น
ไม่มีใครเคยคาดว่ายุคมืด(Dark Ages) จะจบลงได้ไวมากแบบนั้น
เอกภพยุคดั้งเดิมน่าจะเป็นเพียงหนึ่งในร้อยส่วนของอายุปัจจุบัน
เป็นเพียงช่วงเวลาพริบตาในประวัติ 13.8 พันล้านปี
Erica Nelson สมาชิกทีม Naidu/Oesch จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด
บอกว่าทีมของเราอึ้งไปเลยเมื่อสามารถตรวจสอบรูปร่างของกาแลคซีแรกๆ เหล่านี้ได้
ดิสก์ที่เป็นระเบียบเรียบร้อยท้าทายความเข้าใจว่ากาแลคซีแห่งแรกๆ
ก่อตัวในเอกภพยุคต้นอันวุ่นวายและแออัดได้อย่างไร
การค้นพบดิสก์ขนาดกะทัดรัดในช่วงเวลาต้นๆ
ครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะภาพจากเวบบ์ซึ่งคมชัดในช่วงอินฟราเรดมากกว่าภาพฮับเบิล
อย่างมาก
กาแลคซีเหล่านี้แตกต่างอย่างมากกับทางช้างเผือกหรือกาแลคซีขนาดใหญ่อื่นๆ
ที่เราเห็นรอบตัวทุกวันนี้ Treu กล่าว Illingworth
บอกว่ากาแลคซีสว่างทั้งสองมีแสงจำนวนมาก
เขาบอกว่าคำอธิบายหนึ่งก็คือ พวกมันอาจจะมีขนาดใหญ่มากเต็มไปด้วยดาวมวลต่ำจำนวนมาก
เหมือนกับกาแลคซีในยุคหลัง
หรืออีกทาง พวกมันก็อาจจะมีขนาดเล็กกว่านั้น
ประกอบด้วยดาวสว่างเป็นพิเศษจำนวนหนึ่งที่เรียกว่า ประชากรดาวฤกษ์กลุ่ม 3(Population
III stars) ซึ่งน่าจะเป็นดาวฤกษ์รุ่นแรกสุดที่ก่อตัวขึ้นมา
มีอุณหภูมิที่ร้อนสุดโต่งและประกอบด้วยธาตุดั้งเดิมจากบิ๊กแบงคือ
ไฮโดรเจนและฮีเลียมล้วนๆ ในเอกภพ ในเอกภพท้องถิ่นไม่พบดาวที่มีองค์ประกอบดั้งเดิมและร้อนยิ่งยวดเช่นนี้แล้ว
ในความเป็นจริง
แหล่งแสงที่อยู่ห่างไกลมากที่สุดนี้มีขนาดเล็กกะทัดรัด
และสีของมันก็ดูเหมือนจะบ่งชี้ว่าประชากรดาวของมันขาดแคลนธาตุหนักเป็นพิเศษ
และอาจจะเป็นประชากรกลุ่มสามอยู่บางส่วนด้วย ซึ่งมีแต่การตรวจสอบสเปคตรัมจากเวบบ์ที่จะบอกได้
Adriano Fontana ผู้เขียนคนที่สองในรายงาน
Castellano et al. และสมาชิกทีม GLASS-JWST
กล่าว
การประเมินระยะทางถึงกาแลคซีสองแห่งจากกล้องเวบบ์ในตอนนี้
อ้างอิงจากการตรวจสอบสีในช่วงอินฟราเรดของพวกมัน แต่สุดท้าย
การตรวจสอบสเปคตรัมติดตามผลจะแสดงว่าแสงยืดไปเนื่องจากการขยายตัวของเอกภพมากแค่ไหน
จะเป็นตัวระบุการตรวจสอบระยะทางได้อีกทางหนึ่ง
phys.org : farthest galaxy candidate yet known discovered by James Webb Space Telescope