กล้องโทรทรรศน์เจมิไนช่วยระบุที่กำเนิดของการปะทุรังสีแกมมาแบบสั้นที่ไร้สังกัด ซึ่งเกิดจากการควบรวมของดาวนิวตรอนสองดวง
มีการปะทุรังสีแกมมาปริศนาจำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนจะปรากฏขึ้นเป็นการลุกจ้ารุนแรงที่เกิดขึ้นโดดๆ
ไกลจากกาแลคซีใดๆ ได้เพิ่มคำถามเกี่ยวกับกำเนิดและระยะทางที่แท้จริงของพวกมัน
ด้วยการใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลังที่สุดบนโลกและในอวกาศ
รวมถึงกล้องโทรทรรศน์เจมิไนแฝด
สุดท้ายนักดาราศาสตร์ก็อาจจะได้พบกำเนิดที่แท้จริงของพวกมัน
เป็นประชากรกาแลคซีที่อยู่ห่างไกล บางแห่งก็ห่างออกไปถึง 1 หมื่นล้านปีแสง
ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติได้พบว่าการปะทุรังสีแกมมา(gamma-ray
bursts; GRBs) แบบสั้น
บางเหตุการณ์ก็ไม่ได้มีกำเนิดแบบโดดเดี่ยวในความเวิ้งว้างของห้วงอวกาศอย่างที่ได้เห็นในตอนแรก
การศึกษาจากหอสังเกตการณ์หลายแห่งในห้วงลึกขึ้นกลับได้พบว่า GRBs ที่ดูเหมือนจะอยู่โดดเดี่ยวเหล่านี้แท้จริงแล้วเกิดขึ้นในกาแลคซีที่อยู่ในระยะทางที่ไกลมากและสลัวมาก
ถึง 1 หมื่นล้านปีแสง
การค้นพบนี้บอกว่า GRBs แบบสั้นซึ่งก่อตัวขึ้นในระหว่างการชนของดาวนิวตรอน
อาจจะเกิดขึ้นในอดีตได้บ่อยกว่าที่คาดไว้
เนื่องจากการควบรวมของดาวนิวตรอนจะหลอมธาตุหนักมากขึ้นมา
รวมทั้งทองคำและทองคำขาวด้วย
เอกภพก็อาจจะได้รับเมล็ดพันธุ์โลหะมีค่าเหล่านี้เร็วกว่าที่เคยคิดไว้
การค้นพบนี้ต้องใช้การรวมพลังจากกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลังที่สุดบนโลกและในอวกาศ
ทั้งกล้องเจมิไนเหนือในฮาวายและเจมิไนใต้ในชิลี
กล้องโทรทรรศน์เจมิไนทั้งสองเป็นโครงการหอสังเกตการณ์เจมิไนนานาชาติที่ดำเนินงานโดย
NOIRLab ของมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
หอสังเกตการณ์อื่นๆ ในงานวิจัยนี้ยังรวมถึงกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล,
กล้องโทรทรรศน์โลเวลล์ดิสคัฟเวอรีในอริโซนา, กล้องโทรทรรศน์ใหญ่แห่งคานารี
ในลาพัลมา หมู่เกาะคานารี่, กล้องโทรทรรศน์ใหญ่มาก(VLT) ในเซร์โร พารานัล ชิลี
และหอสังเกตการณ์เคกในฮาวาย
GRBs แบบสั้นหลายเหตุการณ์พบได้ในกาแลคซีที่สว่างที่อยู่ค่อนข้างใกล้เรา
แต่บางส่วนก็ดูเหมือนจะไม่มีกาแลคซีต้นสังกัด Brenden O’Connor ผู้เขียนหลักนำเสนอผลสรุป
นักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมารีแลนด์และมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน กล่าว
ด้วยการระบุว่า GRBs แบบสั้นมีกำเนิดจากที่ไหน
เราก็สามารถกลั่นกรองคลังข้อมูลจากหอสังเกตการณ์จากเจมิไนแฝด
เพื่อหาแสงเรืองสลัวจากกาแลคซีที่ โดยปกติอยู่ห่างไกลเกินกว่าจะทราบได้
นักวิจัยเริ่มภารกิจโดยการตรวจทานข้อมูล GRBs
120 เหตุการณ์ที่พบโดยเครื่องมือ 2
ชิ้นบนหอสังเกตการณ์สวิฟท์ซ้ำ ได้แก่
กล้องโทรทรรศน์เตือนการปะทุ(Burst Alert Telescope) ซึ่งจับสัญญาณการปะทุรังสีแกมมา
และกล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์ของสวิฟท์(Swift’s X-ray Telescope) ซึ่งจำแนกตำแหน่งการเรืองแสงไล่หลัง(afterglow)
ในช่วงรังสีเอกซ์จาก GRBs และศึกษาแสงเรืองไล่หลังเพิ่มเติมโดยกล้องโลเวลล์
ช่วยให้ระบุตำแหน่งของ GRBs ได้เที่ยงตรงขึ้น
การศึกษาแสงเรืองไล่หลังพบว่า GRBs แบบสั้น 43 เหตุการณ์จากกลุ่มนี้
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกาแลคซีใดๆ ที่รู้จักเลย
และดูจะปรากฏในท้องฟ้าระหว่างกาแลคซีที่ค่อนข้างว่างเปล่า GRBs ที่ไร้ต้นสังกัดเหล่านี้เป็นปริศนาที่น่าสนใจ
และนักดาราศาสตร์ก็เสนอคำอธิบายสำหรับตำแหน่งที่ดูจะโดดเดี่ยวของพวกมันไว้ 2
ทาง สมมุติฐานแรกบอกว่าดาวนิวตรอนต้นกำเนิดก่อตัวขึ้นเป็นระบบคู่ภายในกาแลคซีที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง
ซึ่งต่อมาก็วิ่งออกสู่ห้วงอวกาศระหว่างกาแลคซี(intergalactic space) และสุดท้ายก็ควบรวมในอีกหลายพันล้านปีต่อมา
อีกสมมุติฐานก็คือ
ดาวนิวตรอนควบรวมกันไกลออกไปหลายพันล้านปีแสงในกาแลคซีบ้านเกิดของพวกมันเอง
ซึ่งขณะนี้สลัวมากๆ อันเป็นผลจากระยะทางที่ห่างไกลจากโลก
เรารู้สึกว่าแบบที่สองน่าจะสมเหตุสมผลที่สุดที่จะอธิบายเหตุการณ์ทีไร้ต้นสังกัดจำนวนมากได้
O’Connor กล่าว จากนั้น
เราก็ใช้กล้องที่ทรงพลังที่สุดบนโลกเพื่อถ่ายภาพตำแหน่งที่เกิด GRB ในแบบห้วงลึก และได้พบกาแลคซีที่สลัวไกลออกไป 8
ถึง 10 พันล้านปีแสงจากโลก
เพื่อทำการตรวจจับ
นักดาราศาสตร์ใช้เครื่องมือทั้งช่วงตาเห็นและอินฟราเรดที่ติดตั้งบนกล้องเจมิไนแฝดขนาด
8.1 เมตร
เจมิไนทั้งสองให้ความสามารถในการสำรวจจากทั้งสองซีกฟ้า
ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างไม่น่าเชื่อในการตามรอย GRB ต้องขอบคุณความสามารถของพวกมันในการสำรวจทั่วท้องฟ้า
ข้อมูลของเจมิไนได้ใช้เพื่อระบุตำแหน่ง GRBs 17 จาก 31 เหตุการณ์ไร้สังกัดที่วิเคราะห์ในตัวอย่าง
ผลสรุปน่าจะช่วยนักดาราศาสตร์ให้เข้าใจวิวัฒนาการทางเคมีของเอกภพได้ดีขึ้น
ดาวนิวตรอนที่ควบรวมกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ชุดหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างโลหะหนักเช่น
ทองคำ, ทองคำขาวและธอเรียม การควบรวมของดาวนิวตรอนในอดีตที่ไกลออกไปก็หมายความว่า
เอกภพเมื่อยังอายุน้อยนั้นแท้จริงแล้วอุดมด้วยธาตุหนักมากกว่าที่เคยคิดไว้
สิ่งนี้ผลักช่วงเวลาย้อนกลับไปเมื่อเอกภพกลายเป็น “ไมดาสมือทอง” และได้รับเมล็ดพันธุ์ธาตุหนักที่สุดในตารางธาตุมา
O’Connor กล่าว หมายเหตุ
กษัตริย์ไมดาส(Midas) ขอพรจากเทพไดโอนีซัส
ขอให้ทุกอย่างที่ตนสัมผัสกลายเป็นทองคำ
การสำรวจกาแลคซีต้นสังกัดของ GRB ครั้งนี้ได้สร้างคำตอบที่น่าพึงพอใจให้กับปริศนาธรรมชาติของสภาพแวดล้อมดาวนิวตรอน
ซึ่งมีมานาน Martin Still เจ้าหน้าที่สำนักงานเจมิไนที่มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
กล่าว ในบรรดากล้องโทรรทรรศน์ขนาดใหญ่ที่สุดที่สาธารณชนเข้าถึงได้
เจมิไนเป็นห้องทดลองที่ทรงพลังและยืดหยุ่นสูงสำหรับการทดลองได้กว้างหลากหลาย การศึกษาเผยแพร่ใน
Monthly Notices of the Royal Astronomical Society และเผยแพร่ออนไลน์ก่อนตีพิมพ์ใน arXiv.org
แหล่งข่าว spaceref.com
: Gemini telescopes help uncover origins of castaway gamma-ray bursts
space.com : “castaway” gamma-ray
bursts come from distant early galaxies
No comments:
Post a Comment