หลุมดำแห่งใหม่ได้ทำลายสถิติ
โดยไม่ได้เป็นหลุมดำที่มีขนาดเล็กที่สุดหรือใหญ่ที่สุด แต่มันแค่อยู่ตรงกลาง
การค้นพบหลุมดำแห่งใหม่เป็นส่วนหนึ่งของส่วนเชื่อมที่หายไประหว่างประชากรหลุมดำ 2
กลุ่มคือ
หลุมดำขนาดเล็กที่ก่อตัวขึ้นจากดาวฤกษ์ และหลุมดำมวลสูงที่อยู่ในใจกลางของกาแลคซีขนาดใหญ่เกือบทุกแห่ง
เป็นที่ทราบกันดีว่ามีหลุมดำ 2 ขนาด ซึ่งอยู่ที่แต่ละปลายสุดช่วงมวล
ด้านหนึ่งเป็นหลุมดำมวลดวงดาว(stellar-mass black hole) ซึ่งโดยปกติจะมีมวลระหว่าง 3 ถึง 10 เท่ามวลดวงอาทิตย์
และที่อีกด้าน เป็นหลุมดำมวลสูงมากที่เรียกว่า supermassive black holes ซึ่งพบได้ในใจกลางกาแลคซีเกือบทุกแห่งรวมทั้งทางช้างเผือกด้วย
ซึ่งมีมวลตั้งแต่หลายล้านจนถึงหลายพันล้านเท่าดวงอาทิตย์ ซึ่งในความพยายามร่วมระหว่างนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น
และมหาวิทยาลัยโมนาช ได้ค้นพบหลุมดำแห่งหนึ่งซึ่งมีมวลราว 55000 เท่ามวลดวงอาทิตย์ เป็นหลุมดำที่จัดอยู่ใน
หลุมดำมวลปานกลาง(intermediate-mass black hole; มวลตั้งแต่ 100 ถึง 100,000 เท่าดวงอาทิตย์) ซึ่งมีการค้นพบหลุมดำปานกลางนี้เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น
และนี่เป็นครั้งแรกที่พบหลุมดำในมวลระดับหลายหมื่นเท่า การค้นพบนี้เผยแพร่เป็นรายงาน
Evidence for an intermediate mass black hole from a gravitationally
lensed gamma-ray burst ในวารสาร Nature
Astronomy
James Paynter นักศึกษาปริญญาเอกมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น
ผู้เขียนนำ บอกว่าการค้นพบล่าสุดเปิดช่องทางใหม่สู่การก่อตัวของหลุมดำมวลมหาศาล ในขณะที่เราทราบว่าหลุมดำมวลมหาศาลเหล่านี้มีอยู่ในกาแลคซีเกือบทุกแห่ง
แต่เรากลับไม่เข้าใจว่ายักษ์ใหญ่เหล่านี้เจริญอย่างรวดเร็วมากได้อย่างไรในช่วงชีวิตของเอกภพ
เขากล่าว
หลุมดำแห่งใหม่ถูกพบผ่านการตรวจจับการปะทุรังสีแกมมาที่ถูกขยายด้วยเลนส์ความโน้มถ่วง(gravitational
lensing)
การปะทุรังสีแกมมา(gamma-ray burst) นี้เป็นการลุกจ้าพลังงานสูงที่เกิดขึ้นเพียงครึ่งวินาที
เปล่งออกจากดาวฤกษ์คู่หนึ่งที่กำลังควบรวมกัน ถูกสำรวจพบว่ามีร่องรอยการสะท้อนซ้ำ
ซึ่งการสะท้อนซ้ำนั้นเกิดขึ้นจากหลุมดำมวลปานกลางที่มาคั่นอยู่ตรงกลาง
ซึ่งบิดเส้นทางแสงเมื่อมันเดินทางมายังโลก ดังนั้น
นักดาราศาสตร์จึงได้เห็นแสงนี้สองครั้ง
ซอฟท์แวร์ที่พัฒนาเพื่อตรวจจับหลุมดำจากคลื่นความโน้มถ่วง
ถูกปรับเพื่อบอกได้ว่าการลุกจ้า 2 เหตุการณ์นี้เป็นภาพฉายของวัตถุเดียวกัน
ซึ่งเกิดขึ้นห่างออกไป 8 พันล้านปีแสง
ด้วยการใช้เทคนิคที่บุกเบิกโดย
Rachel Webster
นักดาราศาสตร์ได้วิเคราะห์การปะทุรังสีแกมมาหลายพันเหตุการณ์เพื่อมองหาสัญญาณของเลนส์ความโน้มถ่วง
ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวัตถุที่มีมวล ในกรณีนี้ก็คือหลุมดำมวลปานกลาง
ทำหน้าที่เป็นเลนส์ขยายและบิดเบนลำแสง
Eric Thrane ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโมนาช
วิทยาลัยฟิสิกส์และดาราศาสตร์ และผู้นำทีมวิจัย OzGrav(ARC Centre of
Excellence for Gravitational Wave Discovery) ผู้เขียนร่วมการศึกษา
กล่าวว่า หลุมดำที่เพิ่งค้นพบใหม่น่าจะเป็นซากเก่าแก่ เป็นหลุมดำดึกดำบรรพ์(primordial
black hole) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในเอกภพยุคต้นก่อนที่ดาวฤกษ์และกาแลคซีแห่งแรกๆ
จะก่อตัวขึ้น
หลุมดำยุคต้นเหล่านี้อาจจะเป็นเมล็ดพันธุ์ของหลุมดำมวลมหาศาลที่มีอยู่ในใจกลางกาแลคซีในปัจจุบัน
Rachel Webster ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโมนาช
ผู้บุกเบิกเลนส์ความโน้มถ่วง ผู้เขียนร่วมการศึกษาบอกว่า โดยทั่วไป
มีความเป็นไปได้สามทางที่จะสร้างหลุมดำมวลปานกลางขึ้นมา
ทางแรกคือมันหลอมขึ้นจากการควบรวมของหลุมดำขนาดเล็กกว่า 2 แห่งอย่างที่พบในกรณีหลุมดำมวลปานกลางที่พบในเดือนพฤษภาคม
2019 ซึ่งหลุมดำนี้มีขนาดเล็กกว่ามาก
อีกทางก็คือ
มันอาจจะก่อตัวขึ้นมาในเป็นหลุมดำมวลดวงดาวและค่อยๆ
สะสมมวลเพื่อมันดึงวัสดุสารเข้ามา แต่ก็เป็นกระบวนการที่ช้า
ซึ่งยากที่จะสร้างหลุมดำมวลมหาศาลขึ้นจากหลุมดำมวลดวงดาวได้ตลอดความเป็นมาของเอกภพ
ทางที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ มันก่อตัวขึ้นมาเป็นแบบนี้เลย
Webster กล่าวว่า การค้นพบนี้มีศักยภาพที่จะช่วยนักวิทยาศาสตร์ให้ค้นพบได้มากขึ้น
ด้วยการใช้ว่าที่หลุมดำแห่งใหม่
เราสามารถประเมินจำนวนรวมของวัตถุเหล่านี้ในเอกภพได้ เราทำนายสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อ 30
ปีก่อนได้
และมันก็น่าตื่นเต้นที่จะได้ค้นพบตัวอย่างที่ค่อนข้างเด่นชัด
นักวิจัยประเมินว่ามีหลุมดำมวลปานกลางราว 46000 แห่งในละแวกใกล้เคียงของทางช้างเผือก
แหล่งข่าว phys.org
: black hole seeds key to galaxies behemoths
sciencealert.com : a
gamma-ray burst just revealed a “goldilocks” black hole in the early universe
sciencedaily.com : early
universe explosion sheds light on elusive black hole
No comments:
Post a Comment