ภาพจากศิลปินแสดงดาวนิวตรอนคู่หนึ่งชนกัน
ด้วยการใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์
นักดาราศาสตร์ได้ตามรอยการปะทุรังสีแกมมาเหตุการณ์หนึ่งซึ่งสว่างอย่างเหลือเชื่อ
ย้อนไปถึงแหล่งที่มา เป็นการชนอย่างรุนแรงของดาวนิวตรอนสองดวง
แหวนบนนิ้วของคุณน่าจะมีอะตอมที่หลอมขึ้นในการชนของดาวนิวตรอนลักษณะนี้
ซึ่งเรียกว่า กิโลโนวา(kilonovas) นั้นเป็นเพราะ
นอกจากการสาดการปะทุรังสีแกมมา(Gamma-ray burst; GRBs) แบบยาวออกมาแล้ว
ยังเชื่อกันว่ากิโลโนวาเป็นแหล่งที่สร้างธาตุที่หนักที่สุดในเอกภพ
ซึ่งไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นในเตาหลอมนิวเคลียร์ในแกนกลางของดาวฤกษ์ได้
ธาตุเหล่านั้น
โดยทฤษฎีแล้วถูกสร้างขึ้นโดยกลไกที่เรียกว่า การยึดจับนิวตรอน(neutron
capture) แบบเร็ว หรือ r-process
ซึ่งช่วยให้นิวเคลียสอะตอมได้จับนิวตรอน
สร้างธาตุใหม่ซึ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรวมถึงทองคำ, ทองคำขาว และยูเรเนียม
การยึดจับนิวตรอนแบบเร็วจะเกิดขึ้นได้เฉพาะในสภาวะที่รุนแรงและสุดขั้ว
เช่นที่พบรอบๆ ดาวนิวตรอนที่ควบรวมกัน
เป็นครั้งแรกที่ใช้กล้องเวบบ์เพื่อตรวจจับการเปล่งคลื่นจากเหตุการณ์ลักษณะนี้ และกล้องก็ยังสามารถตรวจจับสัญญาณของธาตุหนักที่ถูกหลอมจากเหตุการณ์นี้ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีมได้พบหลักฐานของเทลลูเรียม(tellurium) และการผลิตธาตุกลุ่มแลนธาไนด์(Lanthanides)
ซึ่งเป็นกลุ่มของโลหะ 15 ชนิดที่หนักกว่าตะกั่ว
การสำรวจเหล่านี้ได้แสดงว่าการสังเคราะห์ธาตุ(nucleosynthesis) ใน GRBs สามารถสร้างธาตุกลุ่ม
r-process ครอบคลุมช่วงมวลอะตอมที่กว้าง
และมีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์ธาตุหนักมากทั่วเอกภพ
ทีมเขียนไว้ในรายงานอธิบายการค้นพบ
GRB เหตุการณ์นี้ซึ่งตามรอยจนพบกิโลโนวาได้โดยทีมที่นำโดย
Andrew Levan ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยรัดบาวด์
ในเนเธอร์แลนด์ส ซึ่งเรียกว่า GRB 230307A ยังมีความพิเศษในตัวมันเอง
มันถูกพบเป็นครั้งแรกโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศรังสีแกมมาเฟอร์มีของนาซาในวันที่ 7
มีนาคม 2023 และเป็น GRB ที่สว่างที่สุดเป็นอันดับสองเท่าที่เคยพบมา
GRB สาดรังสีแกมมาออกมาราว
34 วินาที
และยังมีกล้องโทรทรรศน์อื่นๆ ที่พบมันด้วยเช่นกัน ซึ่งช่วยให้นักดาราศาสตร์ใช้ตรีโกณมิติเพื่อระบุแหล่งของมันได้
Brian Metzger สมาชิกทีมจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
กล่าวถึงความสำเร็จนี้ในทวีตเตอร์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ว่า ในงานที่นำโดย Andrew Levan เราได้พบการเปล่งกิโลโนวาด้วยกล้องเวบบ์เป็นครั้งแรก
หลังจากมี GRB
และเรื่องก็ยิ่งกลับตาลปัตรเมื่อ GRB
นี้เป็นเหตุการณ์ที่สว่างมากที่สุดเป็นอันดับสอง
สาดแสงอยู่ครึ่งนาที
ก็เป็นการปะทุแบบยาวที่นานที่สุดเป็นอันดับสองที่มีความเกี่ยวข้องกับการผลิตธาตุ r-process
ซึ่งน่าจะมาจากการควบรวมของดาวนิวตรอน
แต่เป็นเหตุการณ์ที่ท้าทายแนวคิดของเราว่าเครื่องยนต์สร้างไอพ่นจะยิงไอพ่นออกมาได้นานแค่ไหน
กล้องเวบบ์สำรวจกิโลโนวานี้สองครั้ง
ครั้งแรกเมื่อ 29 วันหลังจาก GRB
และอีกครั้งที่ 61 วัน พบว่ามีความสว่างที่ลดลงเร็ว
และเปลี่ยนสีจากสีฟ้าเป็นสีแดง ในระหว่างการสำรวจซึ่งบอกใบ้ถึงธรรมชาติของกิโลโนวา
ทีมจำแนกกาแลคซีสว่างหลายแห่งในละแวกใกล้เคียงกับกิโลโนวาซึ่งอาจเป็นที่อยู่ของการชนของดาวนิวตรอนคู่ดังกล่าว
และสร้าง GRB 230307A ขึ้นมา
แหล่งหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มนี้เป็นกาแลคซีที่สว่างที่สุดในกลุ่ม
ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 8.3 ล้านปีแสง
และห่างจากแหล่ง GRB ราว 130,000
ปีแสง
เรายังอาจพบกิโลโนวาได้ด้วยวิธีอื่นนอกจากการเปล่งคลื่นแสงด้วย
การชนของดาวนิวตรอนยังทำให้ผืนกาล-อวกาศ
กระเพื่อมในรูปแบบของคลื่นความโน้มถ่วง
ระลอกเหล่านี้ตรวจจับได้ด้วยเครื่องตรวจจับอย่าง LIGO บนโลก แต่ LIGO ยังไม่ได้ทำงานในเวลาที่ GRB 230307A สว่างขึ้น
เนื่องจากอุปกรณ์กำลังอยู่ในระหว่างการปิดใช้งานสามปีเพื่ออัพเกรดให้มันมีความไวมากขึ้น
และเพิ่งเริ่มกลับมาทำงานเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
แหล่งข่าว space.com
: James Webb Space Telescope spots violent collision between neutron stars
No comments:
Post a Comment