SN Zwicky
นักดาราศาสตร์ได้พบซุปเปอร์โนวาที่เกิดขึ้นไกลออกไปมากๆ
เหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งสว่างกว่าที่ควรจะเป็น จากระยะทางที่ไกลมากๆ ของมัน
และมันไม่ได้ปรากฏให้เห็นเพียงครั้งเดียว นักวิจัยได้เห็นมันถึง 4 ครั้ง
แต่เหตุการณ์เหล่านี้ก็ยังไม่ขัดต่อกฎทางฟิสิกส์ นั้นเป็นเพราะ
แสงจากเหตุการณ์นี้ผ่านเข้าใกล้ใจกลางกาแลคซีมวลสูงแห่งหนึ่ง
กาแลคซีได้บิดแสงจากซุปเปอร์โนวา และขยายแสงและทำภาพซ้ำ(multiple images) ออกมา เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่เรียกว่า
เลนส์ความโน้มถ่วง(gravitational lensing) ซึ่งถูกทำนายไว้โดยอัลเบิร์ต
ไอน์สไตน์ ซุปเปอร์โนวาเหตุการณ์นี้เรียกว่า SN Zwicky ตามชื่อ Zwicky Transient Facility(ZTF) บนหอสังเกตการณ์พาโลมาร์
ด้วย ZTF เราจึงมีความสามารถอันเป็นอัตลักษณ์ที่จะค้นหาและจำแนกซุปเปอร์โนวาในช่วงเวลาเกือบตามเวลาจริง
เราสังเกตเห็นว่า SN Zwicky สว่างขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น
จากระยะทางของมัน
และก็ตระหนักในไม่ช้าว่าเรากำลังได้เห็นผ่านเลนส์ความโน้มถ่วงแบบแรง Ariel
Goobar ผู้เขียนหลัก
ผู้อำนวยการศูนย์ออร์การ์ไคลน์ ที่มหาวิทยาลัยสต๊อกโฮล์ม ในสวีเดน
กล่าวในแถลงการณ์
ZTF ได้สำรวจพบซุปเปอร์โนวาที่ยืนยันแล้ว 7811 เหตุการณ์ ทั้งหมดมีความสำคัญอย่างมากต่อความเข้าใจว่าดาวฤกษ์ตายอย่างไร และยังบอกถึงคุณสมบัติของเอกภพ แต่ SN Zwicky ก็มีความพิเศษยิ่งกว่า มันเป็นหนึ่งในซุปเปอร์โนวาเพียงไม่กี่เหตุการณ์ที่ถูกพบผ่านเลนส์ความโน้มถ่วง นี่หมายความว่า มันอยู่ห่างไกลมากกว่าซุปเปอร์โนวาเกือบทั้งหมดที่เราได้สำรวจ เมื่อแสงของมันเดินทางเกือบ 4 พันล้านปี และยังเป็นซุปเปอร์โนวาชนิดพิเศษที่เรียกว่า ชนิดหนึ่งเอ(Type Ia supernovae) ด้วย
ซุปเปอร์โนวาหนึ่งเอ มักจะมีกำลังสว่าง(luminosity)
ในช่วงพีคที่เท่าๆ กัน
นี่ทำให้พวกมันเป็นเทียนมาตรฐานในอุดมคติ เมื่อทราบกำลังสว่างที่ควรจะเป็นและ
ตรวจสอบว่ามันมีความสว่างที่ปรากฏให้เห็นมากแค่ไหน
ก็ช่วยให้คุณสามารถคำนวณระยะทางได้
การตรวจสอบระยะทางเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเข้าใจธรรมชาติของพลังงานมืด(dark
energy) ซึ่งเป็นพลังงานไม่ทราบรูปแบบและเป็นเพียงทฤษฎี
ซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวการทำให้เอกภพขยายตัวด้วยความเร่ง
แสงจาก SN Zwicky ใช้เวลาเดินทาง 4 พันล้านปี
ผ่านเข้าใกล้กาแลคซีแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป 2.5 พันล้านปีแสงและเกิดปรากฏการณ์เลนส์ฯ
จนมาถึงโลกในวันที่ 21 สิงหาคม 2022
และถูกพบโย Christoffer
Freming จากสถาบันเทคโนโลจีแห่งคาลิฟอร์เนีย
มันมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า SN 2022qmx จากนั้นทีมของ
Goobar ก็สำรวจติดตามผลด้วยกล้องโทรทรรศน์จำนวนมากซึ่งรวมถึง
กล้องเคก, กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล, กล้องโทรทรรศน์ใหญ่มาก(VLT) เป็นต้น
ที่น่าสนใจคือ ภาพทั้งสี่จากเหตุการณ์นี้
ซึ่งถูกบิดเลี้ยวด้วยเลนส์ความโน้มถ่วงทั้งหมดไม่ได้มีความสว่างเท่ากัน
ภาพสองภาพซึ่งระบุเป็น A และ C
มีความสว่างมากกว่าที่คาดไว้ที่ 4
และ 2 เท่าตามลำดับ
ทีมบอกว่านี่อาจเกิดจากเหตุการณ์เลนส์แบบจุลภาค(microlensing) ภายในกาแลคซีที่ทำหน้าที่เป็นเลนส์เอง
ซึ่งจะขยายแสงจากซุปเปอร์โนวาให้สว่างขึ้นไปอีก
วัตถุที่ถูกขยายด้วยเลนส์ซ้ำซ้อนลักษณะนี้จะช่วยเราให้ตรวจสอบปริมาณและการกระจายของสสารในแกนกลางส่วนในของกาแลคซี
นักดาราศาสตร์สงสัยว่าสภาวะในใจกลางกาแลคซีน่าจะช่วยให้เกิดการก่อตัวดาวฤกษ์มวลสูงในสัดส่วนที่สูงกว่าปกติ
และดาวมวลสูงเหล่านี้ก็น่าจะเป็นตัวการเลนส์แบบจุลภาค
และเลนส์ความโน้มถ่วงก็เป็นหนทางหนึ่งที่ใช้ตรวจสอบว่ากาแลคซีมีองค์ประกอบอย่างไร
รวมถึงสสารมืด(dark matter) ซึ่งเป็นสสารปริศนาที่เชื่อว่ามีมวลมากกว่าสสารปกติที่เป็นองค์ประกอบของมนุษย์,
ดาวเคราะห์ และดาวฤกษ์ ถึง 5 เท่า
ซุปเปอร์โนวาหนึ่งเอที่เกิดเลนส์ความโน้มถ่วงอย่าง SN
Zwicky
จึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ศึกษาเอกภพแห่งความดำมืดทั้งปวง
ซุปเปอร์โนวาหนึ่งเอที่เกิดเลนส์ความโน้มถ่วงแบบแรง
ช่วยให้เราได้ย้อนเวลาไปไกลขึ้นเนื่องจากพวกมันถูกขยายแสง
การสำรวจซุปเปอร์โนวาเหล่านี้ให้ได้มากขึ้นจะช่วยให้เรามีโอกาสอันหาได้ยากในการสำรวจธรรมชาติของพลังงานมืด
Joel Johansson นักวิจัยหลังปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยสต๊อคโฮล์ม
และผู้เขียนร่วมการศึกษานี้ กล่าว
ในซุปเปอร์โนวาที่ถูกขยายด้วยเลนส์บางกรณี
ก็เป็นไปได้ที่จะใช้ความล่าช้าในการปรากฏภาพแต่ละภาพ เพื่อคำนวณค่าคงที่ฮับเบิล(Hubble
constant) ซึ่งเป็นค่าที่บอกถึงอัตราการขยายตัวของเอกภพ
เมื่อเร็วๆ นี้ ซุปเปอร์โนวาที่ถูกขยายด้วยเลนส์อีกเหตุการณ์หนึ่งที่พบในปี 2014
ซึ่งเรียกว่า ซุปเปอร์โนวาเรฟสดัล(SN
Refsdal) ก็แสดงพหุภาพ 4
ภาพแต่ภาพที่ 5 ก็ปรากฏในอีกหนึ่งปีถัดมา
เมื่อใช้เส้นทางที่ยาวกว่าในการเดินทางผ่านห้วงอวกาศที่บิดเบี้ยว
ด้วยการตรวจสอบว่าเอกภพที่กำลังขยายตัวทำให้แสงจากซุปเปอร์โนวาแต่ละภาพล่าช้าไปมากน้อยแค่ไหน
นักดาราศาสตร์ก็คำนวณค่าคงที่ฮับเบิลได้ที่ 64.8 ถึง 66.6 กิโลเมตรต่อวินาทีต่อเมกะพาร์เซค
ค่าดังกล่าวจึงสร้างความขัดแย้งให้กับสิ่งที่เรียกว่า ความไม่ลงรอยฮับเบิล(Hubble
tension) เมื่อวิธีการต่างๆ
ที่ใช้ตรวจหาค่าคงที่ฮับเบิลได้ให้ค่าที่แตกต่างกันจนสังเกตเห็นได้
แต่สำหรับ SN Zwicky ซึ่งภาพทั้งสี่เกิดความล่าช้าเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
จึงสั้นเกินกว่าจะใช้เพื่อตรวจหาค่าคงที่ฮับเบิลได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างในเหตุการณ์นี้ก็คือ
กาแลคซีที่เป็นเลนส์ซึ่งค่อนข้างสลัวและไม่ได้มีมวลสูงนัก
ซึ่งน่าจะถูกมองข้ามไปโดยสิ้นเชิงถ้าไม่เกิดซุปเปอร์โนวาที่ถูกขยายด้วยเลนส์จนสว่างมากอย่างนี้
การมีอยู่ของมันบอกว่ามันอาจจะเป็นตัวแทนประชากรกาแลคซียุคใหม่ที่สลัว
ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่พันล้านปีแสง ที่โครงการสำรวจท้องฟ้าไม่เคยได้พบ
องค์ประกอบที่หายไปที่ต้องใช้เพื่อจำลองประวัติการขยายตัวของเอกภพคืออะไร
สสารมืดที่เป็นมวลส่วนใหญ่ในกาแลคซีคืออะไร เมื่อเราได้พบ SN
Zwicky
ได้มากขึ้นด้วย ZTF และหอสังเกตการณ์รูบิน(Vera
C. Rubin observatory) ในชิลีซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์เพื่อการสำรวจขนาด
8.4 เมตร
เราก็จะมีเครื่องมืออีกชิ้นในการกระเทาะปริศนาเอกภพและค้นหาคำตอบได้ Goobar
กล่าวเสริม
การศึกษานี้เผยแพร่ในวารสาร Nature Astronomy วันที่ 12 มิถุนายน
แหล่งข่าว iflscience.com
: extremely warped supernova, just spotted, will help us understand the dark
universe
space.com : “cosmic magnifying glass” reveals super-rare warped supernova
with gravitational lens
keckobservatory.org :
rare gravitational lensing warps light of distant supernova into four images