ตามรอยภาพเนปจูนที่เผยแพร่ในปี 2022 มาติดๆ
เมื่อกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์ได้ถ่ายภาพดาวเคราะห์น้ำแข็งยักษ์อีกดวงในระบบสุริยะ
คือ ยูเรนัส ภาพใหม่แสดงรายละอียดวงแหวน
เช่นเดียวกับรายละเอียดสว่างในชั้นบรรยากาศดาวเคราะห์
ข้อมูลกล้องเวบบ์ได้แสดงถึงความไวที่น่าเหลือเชื่อของเวบบ์โดยเผยให้เห็นวงแหวนฝุ่นที่สลัวที่สุดของระบบ
ซึ่งเคยถูกถ่ายภาพได้อีกเพียง 2 ครั้งจากต่างอุปกรณ์
คือ ยานวอยยาจเจอร์ 2(Voyager 2) เมื่อมันบินผ่านยูเรนัสในปี
1986 จากระยะทาง 81500
กิโลเมตร และจากกล้องเคกที่ติดตั้งระบบปรับกระจก(adaptive
optics) ชั้นสูง
ดาวเคราะห์ดวงที่เจ็ดนับจากดวงอาทิตย์
มีความเป็นอัตลักษณ์ มันหมุนรอบตัวแบบตะแคงข้าง ด้วยมุมเกือบ 90 องศาจากระนาบที่ดาวเคราะห์โคจร ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดฤดูกาลที่สุดโต่งเมื่อขั้วของดาวเคราะห์ต้องอาบด้วยแสงอาทิตย์อย่างคงที่อยู่หลายปี
ตามด้วยความมืดมิดยาวนานพอๆ กัน อากาศในซีกทั้งสองของยูเรนัสที่สุดโต่งเป็นผลให้ความเร็วลมพัดแรงถึง
900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในบางตำแหน่งบนยูเรนัส ยังเย็นกว่าเนปจูนที่อยู่ไกลออกไปอีก
แม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุ
ยูเรนัสใช้เวลา 84 ปีโคจรรอบดวงอาทิตย์ ในขณะนี้
เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิที่ขั้วเหนือ ซึ่งจะเห็นได้ในภาพ
ฤดูร้อนทางเหนือของยูเรนัสจะมาถึงในปี 2028 เมื่อเทียบแล้ว เมื่อวอยยาจเจอร์ 2 บินผ่านยูเรนัส ยังเป็นช่วงฤดูร้อนที่ขั้วใต้
ซึ่งขณะนี้ ขั้วใต้อยู่ในด้านมืดของดาวเคราะห์
มองไม่เห็นและเผชิญกับความมืดมิดของอวกาศ
ภาพอินฟราเรดจากกล้องอินฟราเรดใกล้(NIRCam)
ของเวบบ์นี้ รวมข้อมูลจากฟิลเตอร์ 2
ชนิดที่ 1.4 และ 3.0 ไมครอน
ซึ่งแสดงให้ภาพเป็นสีฟ้า และส้ม ตามลำดับ ดาวเคราะห์แสดงโทนสีฟ้าเป็นสีที่ได้
เมื่อวอยยาจเจอร์ 2 ตรวจสอบยูเรนัส
กล้องของมันได้เห็นลูกบอลสีเขียวฟ้าที่แทบจะไร้รายละอียดใดๆ ในช่วงความยาวคลื่นที่ตาเห็น
แต่ในช่วงอินฟราเรดและด้วยความไวของเวบบ์ เราได้เห็นรายละเอียดเพิ่มขึ้น
แสดงว่าชั้นบรรยากาศยูเรนัสนั้นแท้จริงแล้วมีพลวัตอย่างไร
ทางด้านขวาของดาวเคราะห์
เป็นพื้นที่ที่สว่างขึ้นที่ขั้วที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ ซึ่งเรียกว่า ขั้วหมวก(polar
cap) ขั้วหมวกของยูเรนัสมีความเป็นอัตลักษณ์
ซึ่งดูเหมือนจะปรากฏขึ้นเมื่อขั้วได้รับแสงอาทิตย์ตรงๆ ในช่วงฤดูร้อน
และจะหายไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ข้อมูลจากเวบบ์เหล่านี้จะช่วยนักวิทยาศาสตร์ให้เข้าใจกลไกประหลาดปัจจุบันเบื้องหลังรายละเอียดนี้
เวบบ์ได้เผยให้เห็นมุมมองที่น่าประหลาดใจที่ขั้วหมวกนี้
คือที่ใจกลางขั้วหมวกมีความสว่างสูงขึ้นเล็กน้อย ความไวของ NIRCam และช่วงความยาวคลื่นที่เวบบ์มองเห็นที่ยาวกว่า
อาจจะอธิบายว่าเพราะเหตุใดเราจึงมองเห็นรายละเอียดยูเรนัสเช่นนี้เมื่อมันไม่ถูกพบจากกล้องอื่นๆ
เช่นกล้องฮับเบิล และกล้องเคก
ที่ขอบของขั้วหมวกมีเมฆสว่างก้อนหนึ่ง
และมีรายละเอียดจางๆ อีกสองสามแห่งซึ่งมองเห็นที่ส่วนก้ำกึ่งกับขอบของขั้วหมวก
จะเห็นเมฆสว่างมากก้อนที่สองที่ด้านซ้ายของดาวเคราะห์
เมฆลักษณะนี้พบได้ทั่วไปบนยูเรนัสในช่วงอินฟราเรด และน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมพายุ
ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกจำแนกเป็นดาวเคราะห์น้ำแข็งยักษ์
เนื่องจากองค์ประกอบเคมีภายในของมัน
มวลเกือบทั้งหมดของมันเป็นของไหลเยือกแข็งที่หนาแน่นและร้อน ซึ่งอาจเป็นน้ำ, มีเธน
และอัมโมเนีย อยู่เหนือแกนกลางขนาดเล็กที่เป็นหิน
ยูเรนัสมีวงแหวนที่พบแล้ว 13 วง และมี 11 วงในจำนวนนั้นที่มองเห็นได้ในภาพเวบบ์นี้
วงแหวนเหล่านี้บางส่วนสว่างมากเมื่อมองด้วยเวบบ์
เมื่อพวกมันอยู่ใกล้กันมากจนดูเหมือนจะหลอมรวมกลายเป็นวงแหวนขนาดใหญ่ขึ้น
มีเก้าวงที่ถูกจัดเป็นวงแหวนหลักของดาวเคราะห์ และอีกสองวงเป็นวงแหวนฝุ่นสลัวกว่า(อย่างเช่น
วงแหวนเซตา; Zeta ring ซึ่งอยู่ใกล้ดาวเคราะห์มากที่สุด)
ที่เพิ่งถูกพบเมื่อการบินผ่านในปี 1986 โดยวอยยาจเจอร์
2
นักวิทยาศาสตร์คาดว่าภาพยูเรนัสจากกล้องเวบบ์ในอนาคต
จะเผยให้เห็นวงแหวนรอบนอกอีกสองวง ที่ถูกพบโดยกล้องฮับเบิลในระหว่างที่วงแหวนตัดผ่านระนาบ
กล้องเวบบ์ยังจับภาพดวงจันทร์มากมายในจำนวน 27 ดวงของยูเรนัส
ซึ่งเกือบทั้งหมดมีขนาดเล็กและสลัวเกินกว่าจะมองเห็นได้ในภาพ
ในภาพมุมกว้างจำแนกดวงที่สว่างที่สุดได้ 6 ดวง
นี่เป็นเพียงภาพเปิดหน้ากล้องสั้น(12
นาที) ผ่านสองฟิลเตอร์เท่านั้น
จึงเป็ฯเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งที่เวบบ์จะทำได้เมื่อสำรวจดาวเคราะห์ปริศนานี้
กำลังมีการศึกษายูเรนัสเพิ่มเติม
และที่วางแผนไว้อีกในการดำเนินงานวิทยาศาสตร์ปีแรกของเวบบ์
แหล่งข่าว esawebb.org
: Webb adds another ringed world with new image of Uranus
skyandtelescope.com
: James Webb Space Telescope captures another ringed planet