ภาพระยะใกล้แสดงดาวซุปเปอร์ยักษ์แดงบีเทลจูส image credit: Rogello Bernal Andreo/Wikimedia Commons
ทีมนักวิจัยสหวิทยาการซึ่งนำทีมโดยนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยเยนา
ได้ใช้การสำรวจในข้อมูลโบราณเพื่อพิสูจน์ว่า บีเทลจูส ดาวซุปเปอร์ยักษ์แดงสว่างที่ไหล่ซ้ายของกลุ่มดาวนายพราน(Orion)
เคยเป็นดาวสีเหลืองส้มเมื่อราว 2
พันปีก่อน
เมื่อปฏิกิริยาหลอมนิวเคลียสในใจกลางดาวดำเนินไป
ความสว่าง, ขนาดและสีก็เปลี่ยนตามไปด้วย
นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์สามารถสกัดข้อมูลสำคัญจากคุณสมบัติเหล่านี้
เพื่อบอกอายุและมวลของดาวฤกษ์ได้
ดาวที่มีมวลสูงกว่าดวงอาทิตย์ของเราพอสมควรจะมีสีฟ้าขาว หรือสีแดง
การเปลี่ยนผ่านจากสีแดงเป็นสีเหลืองและส้ม เกิดขึ้นค่อนข้างเร็วในแง่ดาราศาสตร์
นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยฟรีดดริก
ชิลเลอร์ ในเยนา เจอรมนี พร้อมกับเพื่อนร่วมงานจากแผนกอื่นๆ จากสหรัฐฯ และอิตาลี
ประสบความสำเร็จในการค้นพบและย้อนการเปลี่ยนสีดังกล่าวที่เกิดกับดาวสว่างดวงหนึ่ง
จากแหล่งข้อมูลประวัติศาสตร์มากมาย พวกเขาพบว่า บีเทลจูส(Betelgeuse) ดาวยักษ์แดงสว่างที่ไหล่ซ้ายของนายพรานนั้นเคยมีสีเหลืองส้มเมื่อราวสองพันปีก่อน
พวกเขารายงานผลสรุปใน Monthly Notices of the Royal Astronomical Society
ซือหม่าเชียน(Sima Qian) นักดาราศาสตร์ราชสำนักฮั่นของจีนเขียนไว้ในส่วนของ
Treatise on the celestial offices ในบันทึกประวัติศาสตร์(สื่อจี้)
เมื่อราว 100 ปีก่อนคริสตกาลเกี่ยวกับสีของดาวว่า
ขาวเหมือนกับซิริอุส(Sirius), แดงเหมือนกับดาวหัวใจแมงป่องหรือแอนทาเรส(Antares),
เหลืองเหมือนกับบีเทลจูส
และฟ้าเหมือนกับเบลลาทริกซ์(Bellatrix) จากความจำเพาะเหล่านี้
ใครๆ ก็คงสรุปได้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว บีเทลจูสมีสีอยู่ระหว่างสีฟ้าขาวของซิริอุสและเบลลาทริกซ์
กับสีแดงของหัวใจแมงป่อง Ralph Neuhäuser ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเยนา
กล่าว
ภาพบีเทลจูส(อัลฟา) ในกลุ่มดาวนายพราน(Orion)
นอกจากซีอหม่าเชียนแล้ว Hyginus นักวิชาการโรมันได้อธิบายไว้ใน De
Astronomica ในอีกราวหนึ่งร้อยปีต่อมาว่า
ดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่(สว่าง) สีของมันร้อนแรงใกล้เคียงกับดาวที่ไหล่ขวาของนายพราน(บีเทลจูส)
หลายคนนั้นบอกว่าดาวดวงนี้(สีเหมือน) ดาวเสาร์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากขึ้นว่า
สีของบีเทลจูสใกล้เคียงกับบดวงอาทิตย์และดาวเสาร์(สีเหลืองส้ม)
งานเขียนยุคโบราณอีกคนอย่างตอเลมี(Ptolemy)
ยิ่งบ่งชี้มากขึ้นว่า
บีเทลจูสในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นไม่ได้อยู่ในกลุ่มของดาวฤกษ์สีแดงสว่างอย่าง แอนทาเรสในกลุ่มดาวแมงป่อง
และอัลเดบารัน(Aldebaran) ในกลุ่มดาววัว(Taurus)
แอนทาเรส เป็นชื่อภาษากรีก ซึ่งหมายความว่า
เฉกเช่นดาวอังคาร(like Mars) ในแง่ของสี
ซึ่งในความเป็นจริงก็มีรายงานว่ามันมีสีแดงเทียบเคียงกับดาวอังคารได้มาตลอดหลายพันปีจากอารยธรรมต่างๆ
รอบโลก จากเอกสารของ ไทโค บราห์(Tycho Brahe) นักดาราศาสตร์ชาวเดนมาร์ก ใครๆ
ก็คงสรุปได้ว่าในช่วงศตวรรษที่ 16 บีเทลจูสมีสีแดงมากกว่าอัลเดบารัน
Neuhäuser บอก ทุกวันนี้
บีเทลจูสมีความสว่างและสีที่ใกล้เคียงกับแอนทาเรสมากกว่า
Neuhäuser ได้รวมการสำรวจฟากฟ้าในประวัติศาสตร์ไว้ในงานวิจัยทางดาราศาสตร์ฟิสิกส์ของเขาในช่วงสิบปีหลังนี้
ในแขนงที่เรียกว่า terra-astronomy เขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานแผนกภาษา,
ประวัติศาสตร์และปรัชญาธรรมชาติซึ่งรวมถึงภรรยาของเขา Dagmar ด้วย มุมมองแบบย้อนเวลานี้ให้แรงกระตุ้นที่ดีและผลสรุปที่น่าสนใจ
Neuhäuser กล่าวเสริม
มีปัญหาทางดาราศาสตร์ฟิสิกส์จำนวนหนึ่งซึ่งไขได้ยากถ้าปราศจากบันทึกการสำรวจทางประวัติศาสตร์มาช่วย
แล้วบันทึกประวัติศาสตร์เหล่านั้นบอกอะไรเราเกี่ยวกับบีเทลจูสได้บ้าง Neuhäuser อธิบายว่า
มีความจริงที่บอกเราว่ามันเปลี่ยนสีภายในสองพันปี จากเหลืองส้มไปเป็นแดง
เมื่อรวมกับการคำนวณทางทฤษฎี ก็บอกว่ามันมีมวล 14 เท่ามวลดวงอาทิตย์
และมวลซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ ขณะนี้มันมีอายุ 14
ล้านปีแล้ว
และอยู่ในช่วงปลายของวิวัฒนาการ ในอีกราว 1.5 ล้านปี มันน่าจะระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวาในที่สุด
บีเทลจูสซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 700 ปีแสง
เป็นหนึ่งในดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดบนท้องฟ้า
มันน่าจะเริ่มต้นชีวิตเป็นดาวฤกษ์สีฟ้าขาวชนิดโอ(O-type) ซึ่งเป็นดาวชนิดที่มีมวลสูงที่สุด หลอมไฮโดรเจนในแกนกลางจนเกือบหมด
ขณะนี้มันกำลังหลอมฮีเลียมให้กลายเป็นคาร์บอนและออกซิเจน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดาวขยายตัวจนมีขนาดมหึมา
จากการประเมินก่อนหน้านี้บอกว่ามันจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งแสนปีก่อนที่จะระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวา
แหล่งข่าว phys.org
: red giant Betelgeuse was yellow some 2000 years ago
sciencealert.com :
red supergiant star Betelgeuse was a different color just 2000 years ago
iflscience.com : Betelgeuse was yellow,
not red, as recently as Roman times
No comments:
Post a Comment