Thursday, 29 August 2019

กล้องสองตา Binocular




ลมหนาวใกล้มาเยือน อีกไม่นานท้องฟ้าจะปลอดโปร่ง ดวงดาวจะกลับมาเกลื่อนฟ้าหลังอาทิตย์ตกดิน หากอยู่ไกลจากตัวเมืองไร้มลภาวะทางแสง จุดสว่างเหมือนมณีหลากสีพราวเต็มตา ดวงเล็กดวงใหญ่ต่างกันไป บางพื้นที่สว่างคล้ายเมฆบาง บางพื้นที่มืดมิดไร้ดาว เราสามารถซึมซับความงามของท้องฟ้าได้โดยตาเปล่า แต่หากคุณมีกล้องสองตาอยู่ในเป้เรียกว่าโชคเข้าข้างอย่างยิ่ง

กล้องสองตาหรือ Binocular จะให้ภาพมุมกว้างและมองเห็นดาวได้ลึกและชัดกว่าตาเปล่า เวลาส่องดูแถบใจกลางทางช้างเผือกเราจะเห็นดาวระยับเหมือนเม็ดทรายสะท้อนแวววาวบนพื้นผ้ากำมะหยี่สีเข้ม ความงามแบบนี้จะไม่เห็นจากกล้องดูดาวที่มุมแคบกว่ามาก แถมด้วยขนาดที่เล็กทำให้เราพาติดตัวไปได้ทุกที่ ต่างกับกล้องดูดาวที่อย่างน้อยรถต้องเข้าถึง


ภาพจำลองกระจุกดาวลูกไก่ ภาพซ้ายเวลามองจากกล้องสองตา
ภาพขวาจากกล้องดูดาว จะเห็นว่าภาพจากกล้องดูดาวพอดีฟิลด์เกินไปทำให้
ไม่เกิดภาพกระจุกดาวเด่นออกมาจากดาวพื้นหลัง
เนื่องจากกล้องสองตาให้ภาพมุมกว้างราว 7-8องศา ทำให้มีวัตถุบนท้องฟ้าหลายตัวที่ดูได้ด้วยกล้องสองตาถึงจะงาม เช่น กระจุกดาวลูกไก่ ในกลุ่มดาววัว Kemble’s Cascade ในกลุ่มดาวยีราฟหรือ Coat Hanger ในกลุ่มดาวหมาจิ้งจอกเป็นต้น

ยามที่เรามองไม่เห็นดาวที่ต้องการ อาจจะเพราะมลภาวะทางแสงหรือสาเหตุอื่น กล้องสองตาจะช่วยให้เรากวาดหาดาวดวงนั้นได้ง่ายขึ้น แต่หากหวังว่าจะได้มองเห็นเนบูล่าหรือดาวพฤหัสเป็นดวงใหญ่คงไม่ใช่ และกล้องสองตาแม้จะมีตัวยึดกับขาตั้งกล้อง แต่ส่วนใหญ่ก็ต้องใช้มือสองข้างจับทำให้มีปัญหาเรื่องความนิ่งพอสมควร


การเลือกกล้องสองตา

ที่กล้องสองตาจะมีตัวเลขกำลังขยายและขนาดของเลนส์กำกับอยู่เช่น 10x50 หมายถึงกำลังขยายสิบเท่าและมีขนาดเลนส์วัตถุ 50 มิลลิเมตร หลักการก็เหมือนกับกล้องดูดาวคือ ขนาดของเลนส์วัตถุจะมีผลกับความสว่างของภาพ ส่วนกำลังขยายก็จะมีผลกับคอนทราสและขอบเขตของภาพ ที่มีเพิ่มเติมก็คือกล้องสองตาเราต้องถือด้วยมือสองข้างหากกำลังขยายสูงเกิดไปภาพก็จะยิ่งสั่นตามมือ


ตัวอย่าง Spec ของกล้องสองตา

สำหรับดูดาวโดยทั่วไปขนาดที่เหมาะสมคือ 10x50 หรือ 8x50 แต่น้ำหนักก็จะมากตามดังนั้นหากคุณส่วนมากจะนิยมสะพายเป้ท่องเที่ยวก็แนะนำตัวที่เล็กและเบากว่าเช่น 8x25 หรือ 10x30 จะสะดวกกว่ามาก เพราะอย่างไรการมีกล้องสองตาติดไปย่อมดีกว่าตาเปล่าแน่นอน

ตัวเลขที่สำคัญที่ต้องดูต่อไปคือ Angle of View หรือขอบเขตของภาพ จะเห็นว่ากล้องสองตาจะมี FOV 7-8 องศา ซึ่งกว้างกว่ากล้องดูดาวที่ 1-2 องศามาก (ถามว่าแล้วกว้างแค่ไหน ลองพิจารณาจากขนาดปรากฎของดวงจันทร์บนฟ้าที่กว้างราวครึ่งองศา) ผมไม่แนะนำกล้องสองตาที่ปรับกำลังขยายได้ได้เพราะ FOV จะแคบมากราว 4-5 องศาเท่าน้ัน

กล้องสองตาบางรุ่นอาจจะไม่ได้บอก FOV เป็นองศาแต่จะบอกเป็น ฟุต@1000หลา เช่น 420’@1000yd ให้คำนวณโดยนำตัวเลขฟุตมาหาร 52.3598 จะได้เป็นองศาเช่น 420/52.3598 = 8.0214210138 ก็คือ 8องศาหรือหากหนว่ยเป็น เมตร@1000เมตร ก็หารด้วย 17.4533


ปัญหาอย่างนึงที่เกิดกับอุปกรณ์เวลาดูดาวก็คือ เวลาอากาศเย็นมักจะมีไอน้ำเกาะที่ชุดเลนส์ด้านในของ กล้องสองตาและเช็ดไม่ได้วิธีแก้ไขคือนำไปใส่ไว้ในแจ๊คแก็ตหรือที่อุ่นไอน้ำในกล้องจะหายไปเอง หรือไม่ก็ต้องมองหากล้องสองตาที่มีคุณลักษณะ "กันหมอก"หรือ “Fogproof” ปัญหากล้องฝ้าจะไม่กวนใจ

คุณภาพของกล้องสองตาจะขึ้นอยู่กับชนิดของเลนส์ การออกแบบชิ้นเลนส์และการเคลือบผิวเหมือนกับกล้องดูดาว เลนส์ที่ดีจะมีอักษร ED หรือ Extra low Dispersion เคลือบผิวเลนส์ที่ดีที่สุดคือ Multicoated และต้องทั้งเคลือบทั้งชิ้นเลนส์ผู้ผลิตจะระบุว่า Fully Multicoated

กล้องสองตาจะมีปรึซึมภายในวัสดุที่ทำปรึซึมส่วนมากจะเป็น Bak7 หรือ Bak4 คุณภาพของเนื้อแก้ว Bak4 จะมีดัชนีหักเหแสงดีกว่า ภาพที่ได้ก็จะใสกว่าสว่างกว่า ดังนั้นหากผู้ผลิตใช้ Bak4 ก็จะนำมาใส่เป็นคุณสมบัติเด่น ปัจจุบันมีปรึซึมที่ดีขึ้นมีวิธีการเคลือบผิวที่พิเศษมากขึ้น แต่คุณภาพที่ดีก็มาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้นเป็นเรื่องปกติ


สองตัวนี้ก็เป็นกล้องสองตาแต่กำลังขยายต่ำมากราว 2-3x
ให้ภาพมุมกว้างเกือบเท่าตาเปล่า แต่ชัดกว่าตาเปล่ามาก เพราะปรับโฟกัสได้อิสระ
เป็นของเล่นที่ "ว้าว" มากที่สุดตัวหนึ่ง
ตอนนี้มีกล้องสองตาราคาถูกจากผู้ผลิตในจีนให้เลือกมากมาย แต่คุณภาพก็เป็นสิ่งที่ต้องคิดถึง หากโชคดีเราอาจจะเจอ OEM ของยี่ห้อดังก็เป็นไปได้ แต่หากต้องการความมั่นใจแนะนำให้เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถืออย่าง Nikon Pentax Fujinon Zeiss ฯลฯ จะปลอดภัยกว่าครับ











No comments:

Post a Comment

EHT สำรวจสนามแม่เหล็กหลุมดำทางช้างเผือก

       ภาพใหม่จากกลุ่มความร่วมมือกล้องโทรทรรศน์ขอบฟ้าสังเกตการณ์ ได้เผยให้เห็นสนามแม่เหล็กที่รุนแรงและเป็นระเบียบรอบๆ ขอบของหลุมดำมวลมหาศาล ...